ตอนที่ 276 จับมือถือแขน (ฟรี)
ตอนที่ 276 จับมือถือแขน
ฉู่เจียงเยว่ไม่ต้องการพูดเรื่องไร้สาระกับคนเหล่านี้อีกไป และในเมื่อคนในทีมให้การสนับสนุน เธอก็ทำเพียงแค่ทำตามกระแสของมวลชน
“ฆ่า!”
การที่สามารถทำเรื่องบ้าๆ อย่างการกินเนื้อคนได้ คนเหล่านี้ไม่ควรจะถูกให้อภัย และปล่อยให้รอดไปได้
แทนที่จะปล่อยให้ขยะเหล่านี้ไปก่อปัญหาในที่อื่นๆ เป็นการดีกว่าที่จะจัดโดยตรงเสียซะที่นี่ หลังจากความตาย ต้นไม้สีเขียวอาจเติบโตอย่างน่าอัศจรรย์บนซากศพที่เน่าเปื่อย
ถ้าพวกเขากลายเป็นปุ๋ยที่ทำให้ต้นไม้งอกเงยได้จริงๆ ก็ถือได้ว่าเป็นความตายที่คู่ควร และถือได้ว่าช่วยไถ่บาปในช่วงเวลาสุดท้าย
เมื่อฉู่เจียงเยว่ออกคำสั่ง คนอื่นๆ ในทีมก็ไม่รั้งรออะไรอีก พวกเขาเริ่มเปิดฉากโจมตีในทันที ชายคนนั้นที่ออกมาขวางทางพวกเขาก็ถูกทุบตีจนไปกองกับพื้นในเวลาสั้นๆ
ไม่มีทางที่จะหยุดยั้งได้ แม้ว่าคนเหล่านี้จะเป็นผู้ปลุกพลัง แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกเขาแทบจะไม่ได้ออกไปฆ่าซอมบี้เลย และทำการฝึกฝนด้วยการดูดซับพลังจากแก่นคริสตัลเท่านั้น
เมื่อเป็นแบบนี้ พวกเขาอาจจะยังสามารถต่อสู้ได้เมื่อพบกับผู้ปลุกพลังที่มีระดับต่ำกว่า แต่เมื่อพวกเขาพบกับผู้ปลุกพลังระดับสูงอย่างฉู่เจียงเยว่ และคนอื่นในทีมที่พึ่งพาการต่อสู้กับซอมบี้เพื่อเพิ่มระดับ พวกเขาก็ไม่มีทางต่อต้านใดๆ ได้เลย
อย่างไรก็ตาม อาคารหลังใหญ่โตนี้ก็มีคนอยู่ไม่น้อย หลังจากที่พวกเขาจัดการกับชายคนนั้นแล้ว ก็มีคนอื่นๆ วิ่งออกไปเพื่อหยุดยั้งพวกเขา
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ฉู่เจียงเยว่ลงมือ เธอก็ตระหนักได้ว่าผู้ที่ออกจากหลังๆ มีความสามารถแย่ลงเรื่อยๆ
บางคนยังไม่เชี่ยวชาญในการใช้พลังของตัวเองด้วยซ้ำ ดูเหมือนจะไม่ใช้ในการต่อสู้เลย
เมื่อเห็นแบบนี้ ฉู่เจียงเยว่ก็พูดไม่ออก ทีมระดับรากหญ้าที่ถูกจับมาเป็นอาหารสำรองนั้นอ่อนแอขนาดนี้เลยเหรอ
อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่สนใจจะเสียเวลาสำรวจเรื่องไม่สำคัญเหล่านี้ เธอพาคนในทีมเดินลึกเข้าไปในอาคารมากขึ้นเรื่อยๆ และผู้ต่อต้านคนสุดท้ายก็ล้มลง
สุดท้ายก็เหลือเพียงกลุ่มคนแก่ คนอ่อนแอ คนป่วย และผู้พิการที่ถูกมัดมือและเท้าเอาไว้
ฉู่เจียงเยว่ และจินซู่หยูนำผู้คนไปข้างหน้า และแก้มัดให้กับคนเหล่านั้น
“พวกคุณเป็นคนของทางการที่ถูกส่งมาช่วยพวกเรางั้นเหรอ?”
จนถึงตอนนี้บางคนยังหวังว่าทางรัฐบาลจะส่งทีมกู้ภัยมาช่วยเหลือ แต่ความคิดนั้นก็ไม่ต่างจากฝันล้มๆ แลงๆ ตอนนี้ทุกคนต่างต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ฉู่เจียงเยว่ปฏิเสธ "ไม่ เราแค่ผ่านทางมา แล้วคนพวกนั้นโจมตีเรา เราจึงสู้กลับก็เท่านั้น”
“พวกคุณรีบเก็บของแล้วไปจากที่นี่ซะ”
หลังจากพูดจบ ฉู่เจียงเยว่ก็พลิกข้อมือ และนำใบปลิวของโรงแรมเจียงหลินออกมาตามจำนวนคนที่เหลืออยู่ที่นี่
“ถ้าไม่รู้จะไปไหนก็ไปที่นี่ได้ หลังออกไปแล้วให้ฉีกมุมซ้ายบนตามเส้นประ ภายในระยะเวลา 7 วันที่ถูกมันอยู่ ก็ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกซอมบี้โจมตี”
หลังจากพูดจบ ฉู่เจียงเยว่ก็พร้อมที่จะเดินจากไป
พวกเขายังคงไปช่วยเหลือพวกพ้องของเสือกลายพันธุ์ เป็นไปไม่ได้ที่จะพากลุ่มคนแก่ อ่อนแอ ป่วย และพิการตามไปด้วย
ทุกคนต่างมีทางเลือกของตัวเอง แม้ว่าการทิ้งพวกเขาจะฟังดูใจร้าย แต่เธอก็ไม่ใช่แม่พระที่จะช่วยทุกคนที่พบเห็น
ในบรรดาคนที่ถูกมัด ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาว เมื่อมองดูรอยแผลเป็นทั่วร่างกาย ใครๆ ก็สามารถบอกได้ว่าพวกเขาต้องผ่านประสบการณ์อะไรมาบ้าง
ฉู่เจียงเยว่ และจินซู่หยูจึงไม่สามารถทนมองได้อีกต่อไป หากพวกเธอต้องผ่านประสบการณ์อันเลวร้ายเหล่านั้น สภาพของพวกเธอก็อาจจะแย่ยิ่งกว่าเสียอีก
"เดี๋ยว!"
เมื่อฉู่เจียงเยว่และจินซู่หยูกำลังเดินจากไป มีคนส่งเสียงเรียกให้หยุด
ทั้งสองจึงหยุดเดิน และหันไปมองคนกลุ่มนั้นอีกครั้ง
“มีอะไรอีก?”
“คุณจะไปโดยไม่สนใจพวกเราเลยเหรอ?”
คนที่พูดเป็นหญิงสาวที่มีผิวขาวผ่อง สิ่งที่เธอสวมใส่นั้นเหมือนกับเศษผ้าที่เอามาปะติดปะต่อกัน หากเธอขยับตัวเพียงเล็กน้อย ส่วนที่ปิดบังเอาไว้ก็จะถูกเปิดเผย
“ใช่ เราทนไม่ได้กับสิ่งที่คนพวกนี้ทำ เราจึงเลือกที่จะจัดการกับพวกเขา ตอนนี้หมดเรื่องแล้ว เราก็ต้องไปแล้ว”
“ทำไมเหรอ ต้องการให้เรารับผิดชอบต่อชีวิตของพวกคุณในอนาคตหรือยังไง ถ้าคิดงั้นจริง ก็ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า ไม่”
“เมื่อก่อนพวกเขาจะให้เรากินทุกๆ สองวัน ในเมื่อพวกคุณฆ่าพวกเขาไปแล้วเราจะกินอะไรในอนาคต?” ชายคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ยปากถาม
ฉู่เจียงเยว่ และจินซู่หยูมองด้วยสีหน้างุนงง ถ้าไม่มีก็ออกไปหาอาหารสิ แค่ถูกมัดเอาไว้ ไม่ได้ถูกตัดแขนขาเสียหน่อย
“ถ้าคุณคิดว่าการฆ่าคนเหล่านั้น จะเป็นการตัดแหล่งอาหารออกไป”
“ยังมีคนอีก 20 คนที่ยังมีชีวิตอยู่ข้างนอก เราจะปล่อยพวกเขา และให้พวกเขาจัดหาอาหารให้แทนดีหรือเปล่า?”
อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นแบบนั้น ชะตากรรมของคนเหล่านี้ก็จะหวนคืนสู่จุดเดิมนั้นคือการเป็นอาหารสำรอง
หลังจากพูดจบ ฉู่เจียงเยว่ก็ยิ้มให้กับคนกลุ่มนั้น
เมื่อได้ยิน ชายคนนั้นปิดปากทันที แม้ว่าคนพวกนั้นจะให้อาหารพวกเขา แต่ก็เป็นเพียงอาหารเล็กๆ น้อยเพียงให้พวกเขาพอประทังชีวิตได้เท่านั้น
แต่เมื่ออีกฝ่ายมีอาหารไม่พอกิน พวกเขาก็จะถูกเชือดเหมือนกับหมูในฟาร์ม
“เรา... พวกเราล้วนเป็นคนธรรมดาที่ไม่มีกำลัง ไม่ช้าก็เร็ว เราจะถูกซอมบี้ฉีกเป็นชิ้นๆ เมื่อเราออกไปข้างนอก”
“ในเมื่อพวกคุณแข็งแกร่งมาก ก็ช่วยพาเราไปด้วยได้หรือเปล่า ตราบที่พวกคุณยอมพาฉันไป ฉันจะยอมทำทุกอย่าง”
ท่ามกลางกลุ่มคน หญิงสาวคนหนึ่งร้องไห้อย่างสมเพช เธอคุกเข่า และค่อยๆ เคลื่อนตัวไปหาฉู่เจียงเยว่ และคนในทีม โดยมีน้ำตาไหลอาบแก้มในปริมาณที่พอเหมาะ
ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาอาจจะใจอ่อน แต่ฉู่เจียงเยว่เคยประสบกับเรื่องทำนองนี้มาทั้งชาติก่อนและชาตินี้ เธอจึงสามารถบอกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการทำอะไร
“ถอยออกมาหน่อย ถ้าโดยเธอจับตัวได้ เดี๋ยวจะเป็นเรื่องยุ่งเอา”
ฉู่เจียงเยว่ ดึงเสิ่นจื้อกุยให้ถอยกลับมา จากนั้นพูดอะไรบางอย่างที่ทำให้หญิงสาวคนนั้นหยุดชะงัก
“พี่สาว...พี่คงเข้าใจอะไรผิดแล้ว ฉันไม่ได้คิดอย่างนั้น!”
“คุณดูเหมือนคุณจะอายุประมาณ 30 แต่ฉันเพิ่งอายุ 18 ปี จะเป็นพี่สาวของคุณได้ยังไง”
“ไม่ว่าคุณจะมีเจตนาอะไรก็ตาม ฉันไม่สนใจ แต่เราไม่สามารถพาคุณไปด้วยได้ ดังนั้น ยอมแพ้ซะ”
“ใบปลิวนั้น ฉันจะวางมันไว้ตรงนี้ ก่อนหน้านี้ได้บอกวิธีใช้ไปแล้วจะเชื่อหรือไม่ก็ตามใจเลย”
ฉู่เจียงเยว่วางใบปลิวของโรงแรมเจียงหลินไว้บนโต๊ะที่อยู่ใกล้ตัวเธอมากที่สุด จากนั้นลากร่างของเสิ่นจื้อกุยแล้วเดินออกไป
คนเหล่านี้ถูกขังอยู่ที่นี่เพื่อเป็นอาหารสำรอง จึงไม่รู้ว่าจิตใจของพวกเขาบิดเบี้ยวไปถึงขนาดไหนแล้ว
หากไม่ใช่เพราะพวกเขาเป็นเหยื่อ ฉู่เจียงเยว่คงจะกำจัดทุกคนที่นี่ไปพร้อมๆ กันแล้ว
แต่ในเมื่อพวกเขาเป็นเหยื่อ และอยู่ที่นี่โดยไม่มีทางเลือก เธอก็จึงทิ้งใบปลิวไว้ให้เป็นโอกาสสุดท้าย และเป็นทางเลือกในการเอาชีวิตรอด
ส่วนพวกเขาจะไปถึงโรงแรมเจียงหลินได้อย่างปลอดภัยหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตา และตัวของพวกเขาเองแล้ว
เสิ่นจื้อกุยมองไปที่มือของฉู่เจียงเยว่ ที่จับมือข้อมือของเขาอยู่ และหูของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง
ทันทีที่ฉู่เจียงเยว่หันกลับมา เธอก็เห็นมุมปากของเสิ่นจื้อกุยยกขึ้น จึงรู้สึกสงสัย “คุณเป็นอะไรไป”
ฉู่เจียงเยว่ไม่ได้รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเธอกำลังจับแขนของเขาอยู่
“ไม่...ไม่มีไร หลังจากที่จัดการกับคนพวกนั้นแล้วก็รีบกลับขึ้นรถกันเถอะ เสือกลายพันธุ์ยังรอความช่วยเหลือจากเราอยู่”
เสิ่นจื้อกุยไม่ได้เตือนฉู่เจียงเยว่เกี่ยวกับเรื่องมือ และทั้งสองคนก็เดินจูงมือกันกลับไปที่รถออฟโรด
เมื่อถึงตอนนั้น ฉู่เจียงเยว่ก็เพิ่งรู้ตัวว่ากำลังจับแขนของเสิ่นจื้อกุยอยู่
ทำให้ใบหน้าของเธอแดงขึ้นเล็กน้อย และรีบปล่อยมืออย่างรวดเร็ว
“โทษที เมื่อกี้ฉันลืมตัวไป”
“ไม่เป็นไร เรารีบขึ้นรถกันเถอะ”