ตอนที่แล้ว96 - แม่ครัวตัวน้อย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป98 - ความเป็นความตายยังไม่แน่ชัด!

97 - ไท่จื่อกลับเมืองหลวง!


97 - ไท่จื่อกลับเมืองหลวง!

ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของชีวิตธรรมดา เสิ่นตงเอ๋อดูเหมือนจะยิ่งเพิ่มเสน่ห์แบบคนธรรมดาสามัญเข้าไปอีก

“คำนับท่านอ๋อง!” เสี่ยวเจี๋ยรีบลุกขึ้นทำความเคารพเมื่อเห็นจูจวิน

เสิ่นตงเอ๋อหันกลับมา “ท่านอ๋องเหตุใดจึงมาถึงที่นี่?”

“น้องตงเอ๋อ เจ้าคือแขกคนสำคัญในวังของข้า ทำไมถึงมาอยู่ในครัวแบบนี้?”

“ที่บ้าน ข้าเป็นคนเตรียมอาหารสามมื้อให้บิดามารดาเสมอ เมื่อมาที่นี่ ข้าก็ไม่อยากอยู่ว่างๆ” เสิ่นตงเอ๋อรู้สึกว่าหากแสดงตัวว่าเป็นคนพิเศษเกินไป อาจทำให้จูจวินรู้สึกห่างเหิน นางจึงเลือกที่จะแสดงออกอย่างเรียบง่าย

“งานครัวแบบนี้ให้สาวใช้ทำเถอะ! เจ้าหมาโง่ ต่อไปอย่าให้ตงเอ๋อมาทำอาหารอีก ถ้าเจ้าให้นางลงครัวอีก ข้าจะเตะเจ้าให้ตาย!” พูดจบจูจวินก็เตะซวินปู้ซ่าน

ซวินปู้ซ่านหน้าเศร้า แต่ในใจก็รู้สึกไม่ยุติธรรม "ไม่ใช่ข้าบังคับให้นางทำเสียหน่อย เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับข้ากันเล่า?"

เสิ่นตงเอ๋ออึ้งไป “ท่านอ๋อง เช่นนี้ข้าก็เหมือนมาอาศัยอยู่ที่บ้านท่านเปล่าๆ ไม่ใช่หรือ?”

“ใครเขาให้แขกลงครัวกัน? ถ้าคนอื่นรู้เข้า ข้าจะดูแย่แค่ไหน?” จูจวินกล่าวพลางโบกมือแล้วดึงเสิ่นตงเอ๋อกับเสี่ยวเจี๋ยออกจากครัว

“ท่านอ๋องคิดว่าข้าเป็นเพียงแขกจริงหรือ?” เสิ่นตงเอ๋อมองด้วยสายตาซับซ้อน

“เจ้าคือน้องสาวของต้าเป่า ข้าต้องดูแลเจ้าให้ดี ในเมื่อเจ้าอยู่ในวังของข้า เจ้าจะไม่ได้รับความลำบากแน่นอน”

เสิ่นตงเอ๋อจ้องเขา “เป็นเพราะข้าไม่สวย หรือเพราะท่านอ๋องไม่ชอบข้า?”

จูจวินถอนหายใจ "นี่มันผู้หญิงที่มีเป้าหมายชัดเจนจริงๆ!" เขาคิดในใจ ก่อนตอบว่า “เจ้าสวยมาก ข้ารู้จักสาวงามไม่น้อย และเจ้าก็เป็นหนึ่งในสามคนที่งดงามที่สุด

แต่ข้าบอกแล้วว่าข้าเป็นคนพี่ไม่ค่อยเปิดใจง่ายนัก อีกอย่าง ด้วยสถานะของข้า ถ้าข้าต้องการ ผู้หญิงก็มากมาย

พี่น้องของข้า แม้จะอายุน้อยกว่าข้า ก็มีลูกเต็มบ้านแล้ว แต่ข้ากลับโดดเดี่ยว”

“ในสายตาของพวกเจ้า อาจคิดว่าผู้ชายทุกคนเหมือนกัน แค่เป็นผู้หญิงและงดงาม ก็พร้อมจะพาไปนอน

แต่ข้าไม่ใช่แบบนั้น

หน้าตาภายนอกข้าก็ให้ความสำคัญ แต่สิ่งที่อยู่ภายในสำคัญกว่า

เพราะว่า หน้าตางดงามนั้นเหมือนกันไปหมด แต่จิตวิญญาณที่น่าสนใจนั้นหาได้ยาก”

คำพูดนี้แทงใจเสิ่นตงเอ๋อ นางเริ่มมองจูจวินในแง่มุมใหม่

“ดังนั้น ท่านอ๋องอยู่คนเดียวมาตลอดเพราะยังไม่เจอคนที่มีจิตวิญญาณเหมาะสม?” เสิ่นตงเอ๋อพึมพำ

จูจวินดีดนิ้ว “ใช่เลย ชีวิตมันก็ไร้รสชาติอยู่แล้ว ถ้ายังต้องเจอคนที่น่าเบื่ออีก มันคงน่าเศร้าเกินไป

ดังนั้น เจ้าอย่าคิดมาก หากวาสนามาถึง มันก็จะมาเอง

แต่ถ้ามันไม่มา ก็อย่าไปบังคับมัน”

“ข้าเข้าใจแล้ว!” เสิ่นตงเอ๋อพยักหน้า สายตาที่มองจูจวินเปลี่ยนไป

ก่อนหน้านี้นางคิดว่าจูจวินเป็นคนผิวเผิน แต่ตอนนี้นางเห็นจิตวิญญาณที่น่าสนใจภายใต้เปลือกนอกนั้น

“ข้าขอทำมื้อนี้ให้เสร็จ หากท่านอ๋องคิดว่าไม่อร่อย ข้าจะไม่ทำอีก แต่ถ้าท่านคิดว่าใช้ได้ ข้าขอทำเป็นครั้งคราวเพื่อเปลี่ยนรสชาติได้หรือไม่?”

“ได้สิ เช่นนั้นข้าจะลองฝีมือเจ้าดู!”

ไม่นานนัก เสิ่นตงเอ๋อก็ทำอาหารเช้าเสร็จ

เมื่อหลี่เอี้ยนซีและคนอื่นๆ มาถึง นางก็เข้าใจธรรมเนียมการกินในวังของจูจวิน

“น้องตงเอ๋อ มานั่งด้วยกันสิ!”

เสิ่นตงเอ๋อพยักหน้าและนั่งข้างจูจวิน

สายตาของคนรอบโต๊ะเต็มไปด้วยความประหลาดใจ "นี่คือการประกาศสถานะหรือ?"

“ทุกท่านลองชิมดู หากไม่อร่อยบอกได้เลย ข้าจะปรับปรุงในครั้งหน้า!” เสิ่นตงเอ๋อกล่าว

“เอาล่ะ มากินกันเถอะ!” จูจวินพูดขึ้น “นี่คือเสิ่นตงเอ๋อ น้องสาวของพี่น้องข้า ตอนนี้มาพักที่วังของข้า ทุกคนไม่ต้องถือสา”

หลี่เอี้ยนซีที่เป็นแขกอยู่แล้วไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม

หลี่จี้ป้าและหนิวอู่ลิ่วที่เป็นพวกหยาบกร้านสนใจแค่ว่ามีอะไรกิน ก็กินอย่างเอร็ดอร่อยโดยไม่เลือก

เสิ่นตงเอ๋อใช้หางตาสังเกตสีหน้าของทุกคนอย่างเงียบๆ ในใจนางค่อยๆ แบ่งลำดับความสำคัญของแต่ละคนในตำหนักอู่อ๋อง

คนที่สามารถนั่งร่วมโต๊ะกินข้าวได้ ล้วนต้องเป็นคนที่จูจวินไว้วางใจ

“ท่านอ๋อง คุณหนูสวีมาอีกแล้ว” ทหารยามคนหนึ่งรายงาน

“นางนี่ตามตื๊อไม่เลิกหรืออย่างไร?” จูจวินพูดอย่างหงุดหงิด “อย่าให้เข้ามา!”

“แบบนี้ไม่ค่อยดีนัก หากข่าวแพร่ออกไปจะเสียชื่อ” หลี่เอี้ยนซีกล่าว

“ข้าก็ตั้งใจจะยุติเรื่องนี้กับนางอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องสน”

เมื่อได้ยินดังนั้น หลี่เอี้ยนซีก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ แม้จะคิดว่าการกระทำของจูจวินอาจดูไม่ดี แต่สวีเมี่ยวจิ่นเองก็ดูจะควบคุมมากเกินไป

แม้เจตนาจะดี แต่ผลกลับตรงกันข้าม

เสิ่นตงเอ๋อได้แต่ส่ายหน้ากับตัวเอง หญิงคนนี้ช่างหุนหันพลันแล่นเกินไป ไม่รู้หรือว่าจูจวินนั้นลึกๆ เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับมารยาท

แม้จะชอบพนันและการต่อสู้ แต่เขามีหลักการของตัวเอง

การเข้าหานั้น ต้องเป็นไปอย่างอ่อนโยน

หลังจากมื้ออาหาร จูจวินกับหลี่เอี้ยซีออกจากตำหนัก และพบว่าสวีเมี่ยวจิ่นกำลังจัดการกับผู้ลี้ภัยอยู่ใกล้ๆ แต่เขาแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น

สวีเมี่ยวจิ่นมองดูจูจวินเดินผ่านหน้าไป นางอยากจะเรียกเขาไว้ แต่กลับไม่อาจทิ้งทิฐิลงได้

“เจ้าคนบ้า! ไอ้บ้าสกปรก! รอดูเถอะ สักวันข้าจะควบคุมเจ้าให้ได้ดั่งใจ!”

...

เมื่อมาถึงสำนักกว๋อจื่อเจียน ยังไม่ทันได้นั่งพัก จูอิงสงก็วิ่งมาหา “เร็วเข้า อาหก พ่อข้ากลับมาแล้ว!”

“พี่ใหญ่กลับมาแล้วรึ?” จูจวินยิ้มกว้าง “เข้าเมืองแล้วหรือยัง?”

“ยังเลย ตอนเช้าจะเข้าเมือง ท่านปู่ให้ข้ากับอาหกไปรับท่านพ่อที่นอกเมือง!” จูอิงสงกล่าวด้วยความตื่นเต้น

“ไปกันเถอะ!” จูจวินอุ้มหลานชายตัวน้อยแล้วรีบพุ่งออกไป

ความตื่นเต้นของเขานั้นไม่ใช่เรื่องเสแสร้ง หากพูดถึงคนที่ดีที่สุดกับเขาบนโลกนี้ นอกจากหม่าฮองเฮาแล้ว ไม่มีใครเทียบจูอวี้ได้

“ดีจริงๆ ไท่จื่อพี่ใหญ่กลับมาแล้ว แบบนี้ข้าจะทำเรื่องอะไรบ้าๆ ก็ได้โดยไม่ต้องกังวล!”

ฮ่องเต้จูหยวนจางเองก็ปลื้มปิติเป็นอย่างมาก ไท่จื่อที่จากไปเนิ่นนานในที่สุดก็กลับมา

แม้ในใจอยากไปรับด้วยตนเอง แต่ในฐานะบิดาไปต้อนรับบุตรชายดูจะไม่เหมาะสม จึงมอบหมายให้จูจวินและหลานชายคนโตไปแทน

มีหยางเสียนและเจียงหวนคอยคุ้มกัน รับรองว่าปลอดภัย

ข่าวการกลับมาของไท่จื่อในฐานะผู้แทนพระองค์ที่ตระเวนตรวจชายแดนแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง

เมืองหลวงที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งซ่อนเร้นอยู่แล้ว ยิ่งเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียด

หลี่ซ่านเหรินสูดลมหายใจลึกก่อนก้าวออกจากจวน ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาอดทนรอจนในที่สุดไท่จื่อก็กลับมา

เมื่อเผชิญกับหูกั๋วยงและกลุ่มเจ้อทง หลี่ซ่านเหรินรู้สึกเหน็ดเหนื่อย

แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเริ่มเดินเกม เขาเองก็ไม่อาจนิ่งเฉย

คดีขายข้าวในคลังหลวงผิดกฎหมายถึงกำหนดเวลาวานนี้ แต่ฮ่องเต้กลับไม่ได้ตั้งคำถามใดๆ ซึ่งไม่ใช่ลักษณะนิสัยของพระองค์

เห็นได้ชัดว่าพายุใหญ่กำลังก่อตัว

เขามองไปยังเซี่ยซือข้างๆ “ใต้หล้าแห่งนี้ มีเพียงไท่จื่อเท่านั้นที่สามารถช่วยเจ้าได้ คว้าโอกาสนี้ไว้ให้ได้ มิฉะนั้นแม้แต่ข้าก็ช่วยเจ้าไม่ได้!”

เซี่ยซือรีบโค้งคำนับ “ขอบคุณมหาเสนาบดี ข้าซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง!”

ในอ้อมอกเขามีรายชื่อฉบับหนึ่ง ซึ่งต้องมอบให้ไท่จื่อ

ตราบใดที่ไท่จื่อรับดูแลเรื่องนี้ เขาก็ยังมีโอกาสรอดชีวิตอยู่บ้าง!

…………..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด