ตอนที่ 65 รีบเอาแมวส้มออกไปซะ!
ตอนที่ 65 รีบเอาแมวส้มออกไปซะ!
ด้วยความช่วยเหลือจากนายพลรอสส์ในการเปิดประตูหลังให้ เอริคและพวกของเขาก็ถูกนำตัวเข้าสู่ฐานทัพโดยเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพอากาศทันที
ภายใต้การต้อนรับอย่างอบอุ่นจากพันเอกคนหนึ่งของกองทัพอากาศ แครอลและนิค ฟิวรี่ก็มุ่งหน้าไปยังห้องเก็บเอกสารเพื่อค้นหาข้อมูล ในขณะที่เอริคเลือกที่จะอยู่ที่ศูนย์บัญชาการเพื่อพูดคุยกับนายพลรอสส์ ซึ่งบังเอิญมาเยือนฐานแห่งนี้เพื่อปฏิบัติงานในวันเดียวกัน
“นายพลรอสส์ ครั้งที่แล้วผมไปที่รัสเซียและนำวอดก้า 'อดาลอง' เกรดพรีเมียมมาสองขวด คุณต้องมาลองชิมที่บ้านผมเมื่อมีเวลานะ!” เอริคยิ้มพร้อมชนแก้วกับนายพลรอสส์ก่อนดื่มวิสกี้หมดแก้ว
“ฮ่า ๆ ยอดเยี่ยมมาก เอริค! ไวน์ไฮแลนด์ไนท์ ที่นายให้ฉันลองคราวก่อน รสชาติมันยังติดปากอยู่เลย!” เมื่อพูดถึงไวน์นายพลรอสส์ถึงกับยิ้มกว้างทันที พร้อมกับสายตาของเขาที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ
“นายพลรอสส์ ถ้าคุณชอบ ผมจะให้เจนนิเฟอร์สั่งเพิ่มจากอังกฤษ แล้วจัดงานเลี้ยงไวน์กันดีไหม?” เอริคที่เป็นนักธุรกิจรู้ดีว่าการตอบสนองความต้องการของผู้อื่นสำคัญแค่ไหน และเขาก็ทำได้ดีเป็นพิเศษในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
“โอ้? เมื่อไหร่ล่ะ? ฉันจะไม่พลาดเด็ดขาด!” นายพลรอสส์ตาวาวด้วยความตื่นเต้น
“ฮ่า ๆ ท่านนายพล ขอให้เรื่องนี้จบก่อนดีไหม? ผมได้ยินมาว่าโครงการทดลองของคุณก็กำลังมีความคืบหน้า ผมเกรงว่าคุณคงไม่มีเวลามาสนุกตอนนี้”
“ก็จริง” เมื่อพูดถึงโครงการทดลอง นายพลรอสส์ที่เคยตื่นเต้นก็ดูสงบลงอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าโครงการของเขาน่าจะไม่ราบรื่นสักเท่าไหร่
“ท่านนายพล คุณรู้เรื่อง 'โปรเจกต์เพกาซัส' ที่ฟิวรี่พูดถึงไหม?” เมื่อเอริคสังเกตสีหน้าของนายพลรอสส์เขาก็รีบพูดเปลี่ยนเรื่องทันที
นายพลรอสส์เลิกคิ้วขึ้นมองเอริค และวางแก้วไวน์ลง ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างด้วยท่าทางครุ่นคิด “โปรเจกต์นี้ได้รับการอนุมัติจากฉันเอง ดร.เวนดี้ ลอว์สันเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่มีพรสวรรค์มาก ถ้าเครื่องยนต์แสงความเร็วแสงของเธอสำเร็จ กองทัพอากาศของเราจะกลายเป็นกองทัพที่เร็วที่สุด!”
“เราก็เร็วที่สุดอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ?” เอริคเดินไปยืนข้างนายพลรอสส์ มองเครื่องบินรบที่จอดรอเตรียมบินนอกหน้าต่างด้วยความรู้สึกหลากหลาย
นายพลรอสส์ส่ายหัวเล็กน้อย “ฉันไม่ได้หมายถึงเร็วที่สุดในโลก!”
เอริคฟังแล้วได้แต่กลอกตา เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าด้วยการหมดคำจะพูด ‘นายกำลังคิดถึงความเร็วที่สุดในจักรวาลเหรอไง? นายเคยเห็นสะพานสายรุ้งของแอสการ์ดไหม? หรือการวาร์ปของจอมเวทย์ล่ะ?’
“แล้วโปรเจกต์นี้สำเร็จหรือเปล่า?”
“ไม่สำเร็จ โปรเจกต์ถูกยุติ” นายพลรอสส์ถอนหายใจ “ดร.เวนดี้ ลอว์สันทดลองบินโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่เพียงแต่เครื่องบินตกเท่านั้น แต่ยังสูญเสียนักบินไปด้วย ถ้าไม่ยุติโครงการนี้ล่ะก็ คนคงเอาไปพูดกันให้วุ่นวาย!”
“เมี๊ยว . . .” ทันใดนั้นจู่ ๆ มันก็มีเสียงแมวร้องเบา ๆ ดังขึ้น ทำให้เอริคตัวแข็งทื่อทันที ความรู้สึกอันตรายอย่างรุนแรงทำให้พลังพิเศษของเขาถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด
‘เฟลอร์เค็น . . .’ เอริคยืนยันได้ทันทีจากเสียงนั้น นั่นคือสัตว์อสูรที่ติดอันดับอันตรายในจักรวาล มันสามารถกลืนเขาเข้าไปได้ทั้งตัวโดยไม่เหลือแม้แต่กระดูก
“ท่านนายพล คุณเลี้ยงแมวด้วยเหรอ?”
“แมว?” นายพลรอสส์หันมามองเอริคด้วยความสับสน แต่เมื่อเห็นหางแมวสีส้มที่กำลังเลี้ยวหายไปที่มุมห้อง เขาก็พูดขึ้นมาว่า “อ้อ นั่นเป็นแมวของดร.เวนดี้ ลอว์สัน มันอยู่ที่ฐานนี้ตั้งแต่เธอเสียชีวิต ใครเจอมันก็สามารถให้อาหารได้”
“ให้อาหาร . . .” เอริครู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วทั้งตัว ‘ฉันว่าคนที่เจอมันอาจจะกลายเป็นอาหารของมันซะมากกว่า!’
ทันใดนั้นเอริคก็รีบเตือนตัวเองซ้ำ ๆ ว่าให้อยู่ห่างจากสัตว์ร้ายนั่น แม้ว่าเขาจะชอบสัตว์ขนปุย เช่น แมว ลูกสุนัข หรือแม้แต่สกาย แต่สำหรับเจ้าสิ่งนี้ที่สามารถกลืนเขาทั้งตัว เขาขออยู่ห่าง ๆ จะดีกว่า
หลังจากพูดคุยกับนายพลรอสส์อีกไม่กี่นาที แครอลก็เดินกลับมาพร้อมกับแฟ้มเอกสารในมือ ใบหน้าของเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยความกังวล ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นานฟิวรี่จะตามมาติด ๆ และอุ้มแมวสีส้มตัวที่เอริคหลีกเลี่ยง แถมยังลูบขนมันอย่างสนุกสนาน โดยที่ไม่มีความเกรงกลัวหรือห่วงชีวิตตัวเองเลย
“อย่าบอกนะว่าคุณไม่เห็นว่ามันอันตรายขนาดไหน!” เอริคเดินเข้าไปกระซิบถามแครอล
แครอลหันมามองแมวสีส้มด้วยความแปลกใจ “มันอันตราย? ฉันไม่เห็นว่าพลังงานของมันจะสูงเลย”
เอริคถึงบางอ้อทันที เธอวัดระดับพลังงานและใช้เป็นเกณฑ์ตัดสินความแข็งแกร่ง พลังงานของเขาซ่อนอยู่ในเซลล์ร่างกาย ทำให้เธอสัมผัสได้ แต่พลังงานของเฟลอร์เค็นนั้นซ่อนอยู่ในมิติภายในท้องของมัน ซึ่งเธอไม่สามารถรับรู้ได้
“ใครเป็นเจ้าของแมวตัวน้อยที่น่ารักที่สุดตัวนี้กันน้า?” นิค ฟิวรีลูบเจ้าเฟลอร์เค็นอย่างเพลิดเพลิน ส่วนเอริคก็ถอยหลังไปหลายก้าวเพื่อเว้นระยะให้ห่างจากพวกเขา ‘วันหนึ่งนายอาจจะกลายเป็นอาหารแมวโดยไม่รู้ตัว . . .’
“ได้อะไรมาบ้างไหม?”
แครอลลังเลเล็กน้อยก่อนจะหยิบรูปถ่ายออกมาจากแฟ้ม ในรูปมีคนสองคนกำลังจับมือกัน ด้านหลังมีผู้หญิงผิวดำยืนอยู่ ส่วนด้านหลังสุดมีผู้หญิงอีกคนหนึ่งกำลังปีนออกมาจากเครื่องบิน
เอริคนำรูปถ่ายขึ้นมาเปรียบเทียบกับใบหน้าของแครอลไปมา ก่อนจะแสดงความประหลาดใจ “ดูนี่สิ ผู้หญิงที่ลงจากเครื่องบิน เธอดูเหมือนคุณเลยนะ!”
“รูปนี้ถ่ายเมื่อหกปีก่อน ฉันเพิ่งมาถึงฮาราเมื่อหกปีก่อน ฉันเสียความทรงจำ มีเพียงแค่ความทรงจำในช่วงหกปีนี้เท่านั้น . . .” เสียงของแครอลแผ่วเบาเต็มไปด้วยความสงสัย
“ต้องถามอีกเหรอ? คุณต้องถูกพวกครีจับไปล้างสมองแน่ ๆ!” เอริคเลิกคิ้วพูดอย่างมั่นใจ
ถ้าเป็นช่วงแรกที่เธอมาถึงโลก แครอลคงโต้แย้งคำพูดของเอริคอย่างดุเดือด แต่ตอนนี้ความสงสัยที่เกิดขึ้นในใจเธอเองทำให้เธอพูดไม่ออก ท่ามกลางคำกล่าวหาแบบ ‘มั่นใจเกินเหตุ’ ของเอริค
“จะไปที่ไหนต่อ?” เมื่อเห็นว่าแครอลไม่ตอบ เอริคก็เก็บรูปใส่แฟ้มและถามจุดหมายต่อไปของเธอ
“ลุยเซียนา . . . ไปหาใครบางคน เพื่อนมั้ง?” น้ำเสียงของแครอลเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ พร้อมกับใบหน้าแสดงออกถึงความสงสัย
. . .
ฐานทัพอากาศมีเครื่องบินมากมาย และนายพลรอสส์ก็จัดการส่งเครื่องบินลำเลียงให้ทันที
บนเครื่องบิน แครอลเอาแต่จ้องมองรูปถ่ายด้วยความเงียบ ฟิวรี่ก็เอาแต่ลูบเจ้า ‘เฟลอร์เค็น หรือ กูส’ ไปเรื่อย ๆ ส่วนเอริคก็พูดคุยเรื่อยเปื่อยกับทหารสองคนที่ทำหน้าที่นักบิน
เมื่อเครื่องบินเจอกระแสลมแรงและสั่นสะเทือนเล็กน้อย เจ้า กูส ที่นอนอยู่บนตักของฟิวรี่ก็กระโดดลงมาโดยไม่สนเสียงเรียกของเขา และกระโดดขึ้นไปนั่งบนตักของเอริคแทน ทำเอาเอริคตกใจจนเกือบเปิดโล่สนามแม่เหล็กเพื่อป้องกันตัวเอง
“ฟิวรี่! ไอ้เพื่อนเวร มันมาทำอะไรตรงนี้! รีบเอามันออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“เฮ้ มันชอบนายนะ!” ฟิวรี่เดินมาเกาคางเจ้าแมวส้มพลางพูดด้วยน้ำเสียงล้อเลียน “ใครเป็นแมวที่น่ารักที่สุดกันนะ?”
“ให้ตายเถอะ ฟิวรี่ รีบเอามันออกไป!” เอริคเอนตัวหนีอย่างเต็มที่ สายตาจับจ้องไปที่ปากของเจ้าแมวด้วยความระแวง พร้อมเปิดสนามพลังได้ทุกเมื่อ
“อย่าทำแบบนั้นสิ เอริค นายทำให้มันกลัว!” ฟิวรี่อุ้มเจ้า ‘กูส’ ขึ้นมาอย่างอ่อนโยน “ไปกันเถอะ เจ้าตัวเล็ก เขาไม่ต้อนรับนาย”
“ใครจะไปต้อนรับเจ้าสิ่งนี้กัน!” เอริคบ่นพึมพำ แต่ในขณะเดียวกันมือเขาก็เร็วไม่แพ้ใคร รีบเช็ดขาตัวเองอย่างระมัดระวัง หยิบเส้นขนของเจ้าแมวออกมาเก็บไว้อย่างแนบเนียน
โปรดติดตามตอนต่อไป …