24 - การต่อสู้แห่งสติปัญญาและความกล้าหาญ
เดินลงมาจากเนินก็ไม่เห็นคุณหนูเจ้าอารมณ์และม้าตัวน้อยของนางอีกแล้ว เหลือเพียงทุ่งหญ้าเขียวขจีท่ามกลางบรรยากาศกว้างใหญ่ ท้องฟ้าสีคราม ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ลมพัดหญ้าเอนไหวจนมองเห็นฝูงวัวสีเหลืองที่เล็มหญ้าอยู่
เมื่อไม่มีคุณหนูเจ้าอารมณ์ ทิวทัศน์ก็ดูงดงามยิ่งขึ้น
จูผิงอันจูงวัวมาที่ริมแม่น้ำใสสะอาด ข้างริมฝั่งมีหินวางเรียงไม่เป็นระเบียบ เขาผูกวัวไว้กับต้นหลิวข้างแม่น้ำ ปล่อยให้วัวเลือกเองว่าจะดื่มน้ำ กินหญ้าริมน้ำ หรือกินหญ้าบนฝั่ง ส่วนตัวเองก็เดินเลียบแม่น้ำไป หวังว่าจะจับปลาได้สักตัวสองตัว แต่สุดท้ายก็พบว่า การจับปลาด้วยมือเปล่านั้นเป็นไปไม่ได้เลย แม้แต่จะขุดปลิงที่อยู่ตามโคลนตมก็หาไม่เจอ
แน่นอน นี่ก็เพราะความสามารถในการจับปลาของจูผิงอันมีจำกัด
หรือว่าในอนาคตเราควรพกคันเบ็ดมาด้วยดีไหมนะ? จะได้ตกปลาเพลิน ๆ และยังได้กับข้าวเพิ่มอีกด้วย
“เฮ้! ยาจกน้อย เจ้าหนีมาที่นี่ทำไม?”
น่ารำคาญจริง ๆ
จูผิงอันหันหลังไปมอง ก็พบกับคุณหนูเจ้าอารมณ์อีกครั้ง แต่ครั้งนี้นางเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ ใส่ชุดที่ดูสง่างามราวกับเทพธิดา มัดผมทรงสองขมวด โดยมีผมหน้าม้าร่วงหล่นลงมาข้างแก้ม ทำให้ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น
“มีอะไรหรือไม่ ยัยขี้เหร่” จูผิงอันเหลือบมองแวบเดียวก่อนจะหันกลับไป
อีกแล้ว เรียกข้าว่ายัยขี่เหร่อีกแล้ว คุณหนูเจ้าอารมณ์ตั้งใจเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูดียิ่งขึ้น แถมยังทำทรงผมให้ดูน่ารักกว่าเดิม แต่ไอ้เด็กตัวแสบคนนี้กลับเรียกเขาว่ายัยขี่เหร่อีก ทำเอาเขาโมโหจนกัดฟันกรอด
“โอ้โห เสื้อผ้าที่เจ้าสวมอยู่นี่แย่จริง ๆ ยังมีรอยปะอยู่อีก บ้านข้าคนรับใช้ยังแต่งตัวดีกว่าเจ้าเลย ยาจกน้อย!” คุณหนูเจ้าอารมณ์เดินเข้ามาใกล้ มองจูผิงอันด้วยสายตาดูถูก
“อืม ใช่ เสื้อผ้าข้ามีรอยปะอยู่สองสามที่ เมื่อกี้ข้าก็เห็นคนรับใช้ที่บ้านเจ้าด้วย พวกเขาแต่งตัวดีกว่าข้าจริง ๆ” จูผิงอันพยักหน้าอย่างจริงใจ ไม่มีท่าทีอับอายแม้แต่น้อย
ความตรงไปตรงมาของจูผิงอันทำให้คุณหนูเจ้าอารมณ์ที่ตั้งใจจะเยาะเย้ยเขาถึงกับไปต่อไม่ถูก ไม่ใช่ว่าเขาควรจะเขินอายจนหน้าแดงหรือรู้สึกเสียหน้าหรอกเหรอ?
หน้ายังกับหนังแรด! คุณหนูเจ้าอารมณ์แอบคิดในใจ
“ไม่ใช่ว่าเจ้าบอกว่าจะไปเรียกพี่ชายของเจ้าหรือไง? แล้วพี่ชายเจ้าอยู่ไหนล่ะ? หรือจะเป็นเจ้าม้าตัวน้อยสีแดงที่อยู่ข้างหลังเจ้านั่น?” จูผิงอันเดินลงมาจากหินข้างแม่น้ำถามอย่างแผ่วเบา
“พี่ชายข้าไม่อยู่บ้าน”
คุณหนูเจ้าอารมณ์หน้าแดงซ่านจนดูเขินอาย มือไม้แทบทำอะไรไม่ถูก
“อ๋อ พี่ชายเจ้าไม่อยู่บ้านสินะ เช่นนั้นข้าก็...” จูผิงอันลากเสียงยาว ใบหน้ากลมอวบอิ่มเผยรอยยิ้ม ก่อนจะก้าวเท้าสั้น ๆ เดินเข้าไปหา
“เจ้า เจ้า จะทำอะไร?” คุณหนูเจ้าอารมณ์เบิกตากว้าง น้ำเสียงที่พูดออกมาสั่นระริก รีบยกกระโปรงวิ่งหนี
“พี่ชายเจ้าไม่อยู่บ้าน เช่นนั้นข้าก็รอดจากการโดนตีไปหนึ่งรอบน่ะสิ” จูผิงอันพูดด้วยท่าทางจริงจัง ก่อนจะมองคุณหนูขี้โกงราวกับดูคนโง่ “เจ้าวิ่งหนีทำไมกัน?”
“ข้า...ข้าไม่ได้วิ่งหนีเสียหน่อย!” คุณหนูเจ้าอารมณ์ยังปากแข็ง ยืนเท้าสะเอวด้วยความไม่ยอมแพ้
จูผิงอันไม่สนใจนาง เมื่อกี้แค่ตั้งใจจะแกล้งนางเล่น ๆ ในเมื่อจับปลาจากแม่น้ำไม่ได้ ก็ลองดูรอบ ๆ ฝั่งว่ามีผลไม้ป่าหรืออะไรที่พอกินได้ไหม ท้องเริ่มหิวขึ้นมาแล้ว ใกล้ภูเขาใกล้น้ำแบบนี้น่าจะมีอะไรดี ๆ อยู่
กลิ่นอะไร? หอมจังเลย
จูผิงอันหันไปมองก็เห็นคุณหนูเจ้าอารมณ์ใช้ผ้าเช็ดหน้าจับน่องไก่ชิ้นหนึ่ง เตรียมจะกัดคำโต
กลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว ร่างกายตอบสนองโดยอัตโนมัติ แม้พยายามห้ามตัวเองไม่ให้มอง แต่ก็อดไม่ได้เลย น่องไก่ชิ้นนั้นน่าจะทำด้วยวิธีตุ๋น ผิวมันแวววาว เนื้อดูนุ่มนิ่ม กลิ่นคงหอมอร่อยสุด ๆ
โอ้ย ทนไม่ไหวแล้ว!
อ่า
คุณหนูเจ้าอารมณ์เห็นจูผิงอันจ้องมองเขาอยู่ เลยยิ่งทำตัวหยิ่งและโอ้อวดกว่าเดิม
“ยาจกน้อย เจ้ารู้ไหมว่าข้ากำลังกินอะไรอยู่? เจ้าคงไม่เคยกินแน่ ๆ” คุณหนูเจ้าอารมณ์พูดพลางแกว่งน่องไก่ตุ๋นโชว์ ทำให้กลิ่นหอมอบอวลมากขึ้น
ยัยนี่ต้องตั้งใจแน่ ๆ!
กลิ่นหอมชวนลิ้มลอง น้ำลายเริ่มส่อเค้าออกมา
ในฐานะคนรักการกิน จูผิงอันไม่ได้กินน่องไก่ตุ๋นที่อร่อยขนาดนี้มานานแล้ว ครั้งล่าสุดที่ลุงใหญ่ทำไก่ป่ามาให้สองตัว เขายังไม่ได้กินแม้แต่น่องเดียว แถมเมนูนั้นยังเป็นไก่ตุ๋น ไม่ใช่ไก่ตุ๋นซีอิ๊วแบบนี้ ซึ่งน่าจะอร่อยกว่าแน่นอน
เพื่อไม่ให้น้ำลายไหลไปมากกว่านี้ จูผิงอันเลือกที่จะไม่สนใจคุณหนูเจ้าอารมณ์ที่กำลังอวดของกิน
“น่องไก่ตุ๋นน่ะ หอมมากเลยนะ ใช้น้ำผึ้งปรุงด้วยล่ะ กัดเข้าไปคำเดียวอาจจะเผลอกลืนลิ้นตัวเองเลย ฮ่า ๆ ๆ เจ้ากำลังน้ำลายไหลอยู่ใช่ไหมล่ะ”
คุณหนูเจ้าอารมณ์พูดแก้แค้นพลางหัวเราะอย่างพอใจเมื่อเห็นจูผิงอันกลืนน้ำลาย
“น่องไก่ตุ๋นจะไปอร่อยกว่าหมั่นโถวได้ยังไง ข้าไม่เชื่อหรอกว่ามันจะอร่อยขนาดนั้น” จูผิงอันทำหน้าตาไม่เชื่อ
“เจ้าคงไม่เคยกินใช่ไหมล่ะ หึ! หมั่นโถวจะไปสู้ไก่ตุ๋นได้ยังไงกัน” คุณหนูเจ้าอารมณ์มองด้วยสายตาดูถูกพลางกรอกตา
“ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อว่ามันจะอร่อยกว่าหมั่นโถว เจ้าหลอกข้าแน่ ๆ” จูผิงอันเถียงกลับด้วยสีหน้าจริงจัง
ไม่ว่าคุณหนูเจ้าอารมณ์จะพูดยังไง จูผิงอันก็มีแต่ประโยคเดียวตอบกลับไปว่า “ข้าไม่เชื่อ เจ้าหลอกข้า”
“ข้าไม่ได้หลอกนะ! ถ้าไม่เชื่อ เจ้าลองกินดูสิ!” คุณหนูเจ้าอารมณ์รีบยื่นไก่ตุ๋นให้เมื่อเห็นจูผิงอันไม่เชื่อและยังกล่าวหาว่าเขาโกหก
จูผิงอันเห็นคุณหนูเจ้าอารมณ์ยื่นน่องไก่มาให้ ใบหน้าอ้วนกลมรีบยื่นเข้าหาอย่างรวดเร็ว
อ้าม!
จูผิงอันกัดน่องไก่ตุ๋นไปคำใหญ่ กินหมดในพริบตาด้วยสามคำ
เนื้อนุ่ม อร่อย ไม่เลี่ยน หอมตอนดม ยิ่งอร่อยตอนกิน
คุณหนูเจ้าอารมณ์มองผ้าเช็ดหน้าที่เหลือแต่ว่างเปล่าในมือ ก่อนจะมองจูผิงอันที่ปากมันแผล็บ แล้วเหมือนจะรู้ตัวว่าโดนหลอกเข้าให้ เขาจึงโมโหจนเอามือปิดหน้าพลางร้องไห้
ใครใช้ให้เจ้าทำตัวอวดเก่งกันล่ะ! จูผิงอันมองคุณหนูเจ้าอารมณ์ที่เพิ่งรู้ตัว พร้อมยิ้มอย่างภูมิใจ
แต่เดี๋ยวก่อน เสียงร้องไห้ของเจ้าดูแปลก ๆ นะ...
แล้วจูผิงอันก็เห็นคุณหนูที่กำลังปิดหน้าอยู่เริ่มหัวเราะคิกคักออกมา
ยัยนี่บ้าไปแล้วเหรอ!?
ทันใดนั้น จูผิงอันก็รู้สึกถึงบางอย่างปั่นป่วนในช่องท้อง แรงดันเริ่มพุ่งตรงไปที่จุดอ่อนแอ
ให้ตายเถอะ! ยัยนี่ใส่อะไรในน่องไก่แน่ ๆ!!!
แล้วในเสียงหัวเราะเยาะของคุณหนูเจ้าอารมณ์ จูผิงอันก็วิ่งเตลิดเข้าพงหญ้าสูงพร้อมดึงขอบกางเกงไว้แน่น
เสียงโครมครามดังอยู่พักใหญ่ ก่อนที่เขาจะออกมาพร้อมรอยคล้ำใต้ตาและขาที่เดินโซเซ
หน้าตาดั่งนางฟ้า แต่จิตใจดั่งงูพิษ คุณหนูเจ้าอารมณ์คนนี้วางแผนเล่นงานเขาตั้งแต่แรก เรื่องพี่ชายไม่อยู่บ้านก็คงโกหกชัด ๆ นางแค่อยากแก้แค้นเอง คนแบบนี้ถ้าไม่มาเป็นนักแสดงเสียดายจริง ๆ เขาประมาทเกินไป ถึงได้พ่ายแพ้ให้กับคุณหนูขี้โกงคนนี้
“มองอะไร ยาจกน้อย เจ้าสมควรโดนเอง!” คุณหนูเจ้าอารมณ์พูดอย่างได้ใจ พร้อมชูหมัดเล็ก ๆ อย่างภูมิใจ