22 - เกินเยียวยา
ในตอนนั้นเอง เสียงของเด็กสาวอีกคนก็ดังขึ้นมา
"คุณหนูเจ้าคะ ข้านำอานม้าตัวเล็กกลับมาจากบ้านแล้วเจ้าค่ะ"
เป็นเสียงของเด็กสาวอายุประมาณ 15-16 ปี แต่งกายเรียบง่าย ใบหน้าก็ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าเป็นสาวใช้หรือข้ารับใช้ในบ้านของเด็กสาวเจ้าเล่ห์
สาวใช้ยกกระโปรงวิ่งขึ้นมาจากเนินเขาอย่างรวดเร็ว วิ่งจนหายใจหอบถี่ ด้วยร่างกายที่กำลังเริ่มเติบโต สะท้อนตามจังหวะการหายใจ ทำให้หัวใจของจูผิงอันที่ยังโสดสนิทรู้สึกหวั่นไหว
ก่อนข้ามเวลามา จูผิงอันไม่เคยมีแฟนจนจบปริญญาโท จึงอดไม่ได้ที่จะมองสาวใช้น้อยสองสามครั้ง แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้น เพราะสาวน้อยไร้เดียงสาแบบนี้ไม่ใช่สเปกของเขา หัวใจของเขานั้นถูกครอบครองไปนานแล้วโดย โคซาวะ อาโออิ ผู้เป็นดาราในใจจากฝั่งเกาะญี่ปุ่น
คุณหนูเจ้าอารมณ์ที่เพิ่งเช็ดน้ำตาออกไป สังเกตเห็นสายตาของจูผิงอันเมื่อครู่เข้า นางจึงยิ้มเย็นชา
"เจ้า มานี่แล้วนั่งลง!" เด็กสาวเจ้าอารมณ์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จูผิงอันอยากขัดขวาง แต่เขาก็ไม่มีเหตุผลพอ อีกทั้งแค่ให้นั่งลง ไม่ใช่คุกเข่า และแม้จะคุกเข่าก็คงไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้อยู่ดี ในยุคที่เต็มไปด้วยระบบชนชั้นแบบนี้ การพูดถึงความเสมอภาคอาจจะทำให้เขาเดือดร้อนเสียเอง
สาวใช้ที่ไม่เคยขัดคำสั่งคุณหนูอยู่แล้ว ก็ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย กอดอานม้าไว้ในมือก่อนจะย่อตัวลงตรงหน้าคุณหนู
คุณหนูเจ้าอารมณ์ปรายตามองจูผิงอันด้วยสายตาเยือกเย็น ก่อนจะตวัดมือฟาดเข้าที่หน้าสาวใช้ดัง เพี๊ยะ
หลังจากฟาดเสร็จ นางยังสะบัดมือไล่ความเจ็บ แล้วมองจูผิงอันด้วยสายตาเย็นชาที่เต็มไปด้วยการท้าทาย
"โธ่เว้ย!" จูผิงอันสบถในใจ
คุณหนูเจ้าอารมณ์นี่มันเกินเยียวยาจริง ๆ ทั้งที่ยังเล็กแต่กลับมีจิตใจอำมหิตเหมือนงูพิษในคราบเทพธิดา
ความรู้สึกสงสารเมื่อครู่ของเขาหายไปหมดสิ้น
"เจ้า!" จูผิงอันตะโกนด้วยความโกรธ
"ข้าทำไม? เจ้ามายุ่งอะไร ข้าสั่งสอนสาวใช้ของข้าเอง ใครใช้ให้นางมาช้าล่ะ!" คุณหนูเจ้าเล่ห์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง
นี่มันคืออภิสิทธิ์ของชนชั้นคนรวยใช่ไหม? จะลงโทษหรือระบายอารมณ์กับใครก็ได้ตามใจ โดยไม่ต้องคำนึงถึงเหตุผลใด ๆ
สาวใช้ที่ถูกตบก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจ นางเพียงแต่ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว นั่งนิ่งไม่กล้าปกป้องใบหน้าของตัวเอง นี่แสดงให้เห็นว่าคุณหนูเจ้าเล่ห์คงเคยสร้างความหวาดกลัวให้นางมาก่อน
"ไม่เห็น ไม่ทุกข์"
จูผิงอันคิดในใจว่า ตัวเขาเองก็เป็นแค่เด็กบ้านนอกธรรมดา ไม่มีพลังเปลี่ยนแปลงสิ่งใดในยุคนี้ หากขัดขวางไปตอนนี้จะยิ่งทำให้สาวใช้คนนี้ต้องลำบากในภายหลัง
เขาจึงปลดเชือกวัวแล้วพามันเดินไปยังที่อื่น
"หยุดนะ เจ้าคนจน!"
เสียงตะโกนของคุณหนูเจ้าอารมณ์ดังไล่หลัง
"อะไรอีกล่ะ ยัยขี้เหร่!"
จูผิงอันหยุดเดิน หันกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย แต่ยังไม่วายเรียกนางว่า "ยัยขี้เหร่" เหมือนเดิม
"ไอ้เด็กน้อย! ยังกล้าเรียกข้าว่ายัยขี้เหร่อีก แถมเรียกต่อหน้าสาวใช้ของบ้านข้าด้วย!" เด็กสาวเจ้าอารมณ์โกรธจนตาแทบถลน
"ห้ามเลี้ยงวัวที่นี่!" นางยืนเท้าเอว ตะโกนด้วยท่าทางเอาเรื่อง
"เจ้าเลี้ยงม้าที่นี่ได้ แล้วทำไมข้าจะเลี้ยงวัวไม่ได้?!" จูผิงอันกลอกตา ไม่พอใจ เพราะที่นี่ไม่ใช่สนามหญ้าของนางสักหน่อย จะมาห้ามอะไรนักหนา
"ข้าบอกว่าห้ามก็คือห้าม! ที่นี่เป็นของข้า! ทั้งภูเขานี่ก็เป็นของข้า!" คุณหนูเจ้าเล่ห์เชิดหน้า พูดอย่างหยิ่งยโส
จริงเหรอ? คิดอะไรได้ก็เจอแบบนั้นเลยหรือไง ที่นี่เป็นของเด็กสาวคนนี้จริง ๆ เหรอ?
"ท่านพ่อข้าซื้อเนินหญ้านี้มาเพื่อให้ข้าเลี้ยงม้าโดยเฉพาะ!" นางพูดด้วยความภาคภูมิใจ ราวกับนกยูงที่กำลังกางหางอวดความงดงาม
"แบบนี้ต้องเรียกว่ายัยบ้าอำนาจ!" จูผิงอันคิดในใจ
"นางพูดว่าที่นี่เป็นของนาง แล้วมันรู้เรื่องหรือไง? เจาลองเรียกมันดูสิ ถ้ามันตอบก็ยอมรับว่าของเจ้าก็แล้วกัน!" จูผิงอันตอบกลับด้วยเหตุผลแบบเด็ก ๆ
...
คุณหนูเจ้าอารมณ์นิ่งไป แต่แล้วนางก็เปลี่ยนสีหน้า เมื่อคิดหาวิธีเอาคืนได้ เธอจ้องไปที่วัวของจูผิงอันก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงท้าทาย
"เจ้าบอกว่าวัวเป็นของเจ้า งั้นเจ้าเรียกมันดูสิ ถ้ามันไม่ตอบก็แสดงว่าเจ้าขโมยมา!"
คุณหนูเจ้าอารมณ์ใช้วิธีโต้กลับด้วยตรรกะเดียวกัน หวังว่าจูผิงอันจะจนมุม
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้นางคาดไม่ถึง
"ได้เลย!"
อะไรนะ? ข้าได้ยินไม่ผิดใช่ไหม? เขากล้าตอบว่า "ได้เลย" จริง ๆ เหรอ?
นางมองดูจูผิงอันที่เด็ดหญ้าสีเขียวสดจากพื้นมาถือไว้ในมือ แล้วแกว่งไปมาเรียกวัวของเขา
"เจ้าเหลือง มานี่!" จูผิงอันแกว่งหญ้าพร้อมเรียกวัว
เจ้าวัวเหลืองมองมาที่เขา จากนั้นก็มองไปที่หญ้าในมือ ก่อนจะเดินเข้ามาหาช้า ๆ
"มอ~"
วัวร้องเบา ๆ แล้วเริ่มกินหญ้าที่เขาถือไว้
หลังจากวัวกินเสร็จ จูผิงอันลูบหัวมันก่อนจะหันไปพูดกับเด็กสาวเจ้าเล่ห์อย่างจริงจัง
"เห็นไหม? ข้าเรียกวัวของข้า แล้วมันก็มาหาข้า เจ้าบอกว่าหญ้าพวกนี้เป็นของเจ้า งั้นเจ้าก็ลองเรียกมันดูสิ"
เรียกงั้นเหรอ? จะเรียกอะไรล่ะ?!
คุณหนูเจ้าอารมณ์โมโหจนกระทืบเท้า "ไม่เอา ๆ มันแค่ร้อง ไม่ใช่ตอบรับ!"
"ถ้าเจ้าไม่ใช่วัว เจ้าจะรู้ได้ยังไงว่ามันหมายถึงอะไร?" จูผิงอันพูดพร้อมรอยยิ้มกวนประสาท
"ข้าไม่สน! ข้าบอกว่าห้ามก็คือห้าม เจ้าห้ามเลี้ยงวัวที่นี่!" คุณหนูเจ้าเล่ห์พูดพลางกระทืบเท้าด้วยความโมโห
จูผิงอันไม่สนใจคำโวยวาย เดินจูงวัวไปยังที่อื่น
"เดี๋ยวก่อน! ข้าจะไปเรียกพี่ชายมาจัดการเจ้า!" นางขู่
"จะไปก็ไปเลย! น่าขายหน้าชะมัด ตัวเองไม่มีปัญญาแล้วยังจะต้องไปเรียกผู้ใหญ่ช่วยอีก! ไปสิ! จะเอาพี่ชาย พ่อ หรือปู่มาก็เชิญ!" จูผิงอันพูดโดยไม่หันกลับไป
เสียงคุณหนูที่โวยวายกับสาวใช้ยังคงดังแว่วมาจากด้านหลัง จูผิงอันได้แต่คิดในใจว่าเด็กสาวคนนี้ช่างไร้ยางอายและไร้ทางเยียวยาจริง ๆ