บทที่ 435: โลกแห่งสันติสุข
【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】
【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】
【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】
บทที่ 435: โลกแห่งสันติสุข
หลังจากกล่าวลาทุกคน หลินเฉินก็มาถึงสถานที่คุ้นเคย ณ ริมหลุมดำกาแล็กซีโดยลำพัง
ครานี้ เขาตั้งใจจะใช้คะแนนเวลาเพื่อเดินทางไปยังโลกที่ 141
เนื่องจากเป็นเรื่องส่วนตัว เขาจึงไม่อาจร้องขอความช่วยเหลือจากโครโนอาได้ แต่โชคดีที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา หลินเฉินสะสมคะแนนเวลามาได้มากพอ
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบ ความเจ็บแปลบก็แล่นริ้วไปทั่วอก
เพราะการเดินทางเพียงเที่ยวเดียวต้องใช้คะแนนเวลาถึง 2 คะแนน และหากต้องการเดินทางไป-กลับก็ต้องใช้ถึง 4 คะแนน
“ทำไมมันถึงใช้เยอะขนาดนี้?” หลินเฉินรำพึง
“ติ๊ง! แจ้งผู้ใช้ ครั้งนี้ระบบต้องล็อกเป้าหมายเวลาในอนาคตของเส้นเวลาเดียวกันนี้ ซึ่งจุดเวลาดังกล่าวไม่สอดคล้องกับเส้นเวลาปัจจุบัน”
หือ? หลินเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัย
ครานั้นหลินเฉินก็นึกขึ้นได้ว่า แม้การเดินทางข้ามเวลามานับครั้งไม่ถ้วนจะต่างกันไปในแต่ละโลก แต่การกำหนดเป้าหมายลงไปยังเดือนและปีที่แน่ชัดเช่นนี้ นับเป็นครั้งแรกของเขา
ดูเหมือนการเดินทางข้ามเวลาที่แม่นยำเช่นนี้ จะต้องใช้คะแนนเวลามหาศาล
“ไม่มีทางเลือก!” หลินเฉินพึมพำกับตัวเอง เพื่อเบาะแสที่อยู่เหนือกว่า “ซูเปอร์ไซย่าร่าง 4” เขาต้องยอมกัดฟันแลก
หลินเฉินจึงยินยอมให้ระบบหักคะแนน และเปิด “ประตูแห่งกาลอวกาศ” ทันที
ไม่นานนัก ณ โลกที่ 141
หลินเฉินปรากฏตัวขึ้นกลางอวกาศอันเวิ้งว้างเช่นเคย
ถึงแม้ระบบจะแนะนำให้เขามายังที่แห่งนี้ แต่มันก็ไม่ได้บอกอย่างชัดเจนว่าเขาต้องทำอะไรต่อไป
อย่างไรก็ตามหลินเฉินคาดเดาว่าในเมื่อระบบต้องการให้เขาเป็นพยานในบางสิ่ง มันก็น่าจะเกี่ยวข้องกับโลกใบนี้
เพราะจากมิสเตอร์โปโป้ หลินเฉินก็พอจะรับรู้ถึงความพิเศษเฉพาะตัวของโลกในห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่อยู่แล้ว
และ...
เมื่อสายตาคมกริบกวาดสำรวจโดยรอบอย่างคร่าว ๆ เขาก็พบว่าแม้โลกใบนี้จะมีโลกศักดิ์สิทธิ์ของไค แต่กลับไร้ซึ่งดาวเคราะห์ของเทพเจ้าแห่งการทำลายล้าง
มันเป็นเพียงโลกขนาดเล็กธรรมดา ๆ ที่มีจักรวาลเดียวเท่านั้น
“เอาล่ะ ก่อนอื่นฉันควรจะระบุช่วงเวลาให้ชัดเจนเสียก่อน!” หลินเฉินพึมพำกับตัวเอง หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ได้กำหนดเป้าหมายของตนเองเรียบร้อย จากนั้นก็หันหลังกลับและหายวับไปในชั่วพริบตา
ไม่กี่วินาทีต่อมา ห่างจากโลกไปหลายล้านกิโลเมตร...
ณ วังพระเจ้า
ร่างของหลินเฉินปรากฏขึ้น ณ ที่แห่งนี้โดยตรง
ทันทีที่เท้าแตะพื้นหลินเฉินก็เห็นพระเจ้าเดนเด้และมิสเตอร์โปโป้ประทับอยู่ ณ ลานกว้าง
“ใคร...ใครกัน?” เดนเด้เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย ความประหม่าฉายชัดในแววตาเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังออร่าประหลาดที่แผ่ออกมาจากร่างของหลินเฉิน ตรงกันข้ามกับโปโป้ที่ยืนเคียงข้างกลับมีประกายวาวโรจน์ในดวงตา ราวกับรอคอยการมาเยือนของชายหนุ่มผู้นี้
หลินเฉินไม่เสียเวลาอธิบายใด ๆ ให้เดนเด้ฟัง ทันทีที่เห็นมิสเตอร์โปโป้ เขาก็ตรงเข้าไปหาในทันที
“มิสเตอร์โปโป้ คุณน่าจะจำผมได้” หลินเฉินกล่าว
มิสเตอร์โปโป้พยักหน้ารับ “คุณหลินเฉิน คุณมาที่นี่ได้อย่างไร?”
โปโป้แห่งโลกนี้รู้จักหลินเฉินมาก่อนหน้านี้จริง ๆ เสียด้วย
เห็นดังนั้น หลินเฉินจึงเอ่ยขึ้นทันทีว่า “ผมมาที่นี่เพื่อธุระบางอย่าง แต่ก่อนอื่น ผมอยากจะถามว่าตอนนี้เป็นยุคสมัยใด?”
“ปี 786”
“ไม่ ไม่ ไม่” หลินเฉินส่ายหน้าทันควัน “ผมไม่ได้ถามถึงปี ผมอยากรู้ว่ามีเหตุการณ์สำคัญอะไรเกิดขึ้นในโลกนี้บ้าง? ตอนนี้เป็นยุคสงบสุขหรือเป็นยุคสมัยแบบไหนกันแน่?”
“อ้อ คุณหมายถึงอย่างนี้นี่เอง”
มิสเตอร์โปโป้เข้าใจในทันทีว่าหลินเฉินหมายถึงอะไร และเริ่มอธิบาย
ปรากฏว่า หากจะว่ากันตามจริงแล้ว เส้นเวลาของโลกนี้ใกล้เคียงกับโลกในเนื้อเรื่องต้นฉบับมาก
ทรังคซ์และโกเท็นเติบโตเป็นหนุ่มฉกรรจ์ ส่วนโกฮังก็แต่งงานกับบีเดลและมีโซ่ทองคล้องใจแล้ว
แม้แต่ “ฮีโร่ผู้กอบกู้โลก” อย่างซาตานยังศีรษะล้านเลี่ยน และใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปพร้อมกับบูที่มีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์
โลกสงบสุขจนหลินเฉินรู้สึกงุนงงไปชั่วขณะ
ในโลกที่สงบสุขเช่นนี้ ระบบต้องการให้เขาทำสิ่งใดกัน?
ในโลกที่ปราศจากการต่อสู้มากว่าทศวรรษ จะมีร่องรอยเกี่ยวกับขั้นที่เหนือกว่าซูเปอร์ไซย่าร่าง 4 ได้ยังไงกัน?
“เอ๋ จริงสิ โกคูล่ะ?”
หลินเฉินเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามิสเตอร์โปโป้ไม่ได้เอ่ยถึงโกคูเลย
ทันใดนั้นเด็นเด้ที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้น
“คุณโกคูกำลังฝึกฝนอูบุอยู่!”
“อูบุ?” หลินเฉินชะงักฝีเท้าเล็กน้อย คำถามนั้นดังก้องอยู่ในหูราวกับเสียงสะท้อนจากหุบเหวลึก
“ใช่ อูบุคือชาติภพใหม่ของบูร่างเด็ก ตอนนี้เขาเป็นศิษย์ของท่านโกคู” คำตอบที่ได้รับยิ่งทำให้ความสงสัยทวีคูณ
หลินเฉินพลันนึกขึ้นได้ว่าในเนื้อเรื่องต้นฉบับก็มีตัวละครนี้อยู่จริง ราวกับภาพความทรงจำฉายชัดขึ้นในมโนสำนึก
หลังจากบูถูกแยกออกจากกัน ด้านดีกลายเป็นบูร่างอ้วน ส่วนด้านชั่วร้ายกลับกลายเป็นบูร่างเด็กดุจหยินหยางที่แยกขั้วออกจากกัน
ก่อนที่โกคูจะกำจัดบูร่างเด็กเขาได้อธิษฐานขอให้บูได้กลับชาติมาเกิดเป็นคนดี เพื่อที่เขาจะได้ประลองฝีมือกับบูอีกครั้ง ดุจนักสู้ที่โหยหาคู่ต่อกรที่คู่ควร
ท่านยมบาลได้จดจำคำขอของโกคูเอาไว้ และอูบุก็ถือกำเนิดขึ้นมา ราวกับปาฏิหาริย์ที่ถือกำเนิดจากคำขอ
แม้ว่าอูบุจะเป็นเพียงมนุษย์โลกธรรมดา แต่การเป็นชาติภพใหม่ของจอมมารบู ทำให้เขามีพรสวรรค์ในการต่อสู้อย่างหาตัวจับยาก ดุจอัญมณีที่ซ่อนเร้นอยู่ในผืนทราย
กล่าวได้ว่าเขาคือมนุษย์โลกผู้แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลดราก้อนบอล
ในการปรากฏตัวครั้งแรก อูบุสามารถต้านทานพลังของโกคูในร่างปกติได้อย่างน่าอัศจรรย์ พลังที่ซ่อนเร้นในกายเขานั้นช่างเหลือเชื่อ
หลินเฉินครุ่นคิดว่า ในเมื่อยังไร้เงื่อนงำใด ๆ ในตอนนี้ การไปพบอูบุผู้นี้อาจเป็นทางเลือกที่ดี
เขาฉงนใจนักว่า มนุษย์โลกผู้นี้จะมีพลังมหาศาลเช่นนั้นได้ยังไงกัน
เพราะร่างกายของมนุษย์ย่อมมีขีดจำกัด ไม่ว่าจะฝึกฝนเพียงใด ก็ไม่น่าจะเทียบเคียงพลังของซูเปอร์ไซย่าได้
ทว่าอูบุก้าวข้ามขีดจำกัดนั้นมาได้ นั่นจึงทำให้เขาเป็นบุคคลที่น่าค้นหายิ่ง
“ขอบคุณครับ มิสเตอร์โปโป้ ผมจะไปหาโกคูแล้ว”
หลินเฉินหันหลังกลับแล้วหายวับไปจากวังพระเจ้าในชั่วพริบตา ทิ้งเดนเด้และโปโป้ให้ยืนตะลึงงันอยู่เบื้องหลัง
“มิสเตอร์โปโป้ หลินเฉินคนนี้เป็นใครกันครับ? คุณดูเหมือนจะรู้จักเขาดี?” เดนเด้เอ่ยถาม เสียงสั่นเล็กน้อย
“เอาเถอะ พระเจ้า เขาเป็นบุคคลที่น่าเกรงขามยิ่งนัก แต่พระองค์ไม่จำเป็นต้องกังวลหรอก เชื่อเถอะว่าพระองค์จะไม่มีโอกาสได้พบเขา” โปโป้ตอบอย่างมีเลศนัย
เดนเด้เม้มริมฝีปากแน่น รอยกระตุกปรากฏขึ้นบนใบหน้าแวบหนึ่ง
หลังจากผ่านยุคสมัยที่สงบสุขมาเนิ่นนาน บุคคลลึกลับเช่นนี้กลับปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน จะไม่ให้เดนเด้กังวลได้อย่างไร
“จริงสิ! เขากล่าวว่าจะไปพบโกคู” เดนเด้พึมพำกับตัวเอง “ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นไรบ้างนะ”
ความคิดนี้ทำให้เดนเด้รีบสาวเท้าไปยังขอบวังพระเจ้า แล้วทอดสายตาสำรวจโลกมนุษย์เบื้องล่าง
สำหรับหลินเฉินแล้ว การตามหาโกคูและพรรคพวกนั้นช่างง่ายดายยิ่งนัก
เพราะในโลกที่สงบสุขเช่นนี้ โกคูปรากฏเด่นชัดราวกับดวงประทีปท่ามกลางความมืดมิด
มีเพียงเขาเท่านั้นที่แผ่ออร่าอันน่าเกรงขามออกมา บ่งบอกอย่างชัดเจนว่ากำลังต่อสู้กับใครบางคน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของหลินเฉินยิ่งกว่านั้นคือ บริเวณใกล้ ๆ กับโกคู ยังมีออร่าอีกสายหนึ่งที่ทรงพลังไม่แพ้กัน
ออร่านี้ไม่ใช่พลังของชาวไซย่า แต่มันให้ความรู้สึกคล้ายคลึงกับพลังของคุริริน เพียงแต่เหนือล้ำกว่ามากมายนัก
ดูเหมือนว่า นี่คงจะเป็นพลังของอูบุที่มิสเตอร์โปโป้เคยกล่าวถึงกระมัง
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_