ตอนที่ 795 ประมูลหัวมังกร
“ของประมูลชิ้นแรก คือเครื่องชามสูงลวดลายมังกรในทะเล สมัยราชวงศ์หมิง ราคาประมูลเริ่มต้นที่ 10 ล้าน”
ของสะสมชิ้นแรกในงานประมูลเป็นเครื่องเคลือบชั้นเยี่ยมจากราชวงศ์หมิงที่งดงามสีสันสดใส ถือเป็นงานศิลปะที่ล้ำค่าเป็นพิเศษ
“12 ล้าน...”
“15 ล้าน...”
“18 ล้าน...”
ในเวลาไม่นาน ราคาของชามสูงลวดลายมังกรในทะเล สมัยราชวงศ์หมิงชิ้นนี้ก็พุ่งขึ้นไปเกินกว่า 30 ล้านแล้ว
“33 ล้าน...”
ทันใดนั้น นักสะสมต่างชาติคนหนึ่งก็ยกมือเสนอราคา
เมื่อสักครู่ หลังจากที่ผู้จัดการใหญ่ของ ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป ได้กล่าวจบ นักสะสมชาวต่างชาติก็เข้าร่วมการประมูลด้วย พวกเขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะต้องได้หัวมังกรติดมือกลับไป
ราคาประมูลพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนนักสะสมต่างชาติคนนี้เสนอราคาไปถึง 60 ล้าน
เมื่อเห็นเช่นนี้ คนอื่นๆ ก็เริ่มลังเล
“70 ล้าน...”
เสียงพูดเรียบนิ่งของ เย่เฉิน ดังขึ้น
ที่จริงแล้ว เย่เฉิน ไม่ได้สนใจชามสูงลวดลายมังกรในทะเล สมัยราชวงศ์หมิงชิ้นนี้มากนัก แต่เขากลับรู้สึกเกลียดชังผู้จัดการใหญ่ของ ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป และนักสะสมชาวต่างชาติพวกนี้มาก
ในแผ่นดินจีน ใครกล้าคิดจะแย่งชิงหัวมังกร.. นั่นถือว่าอาจหาญเกินไป!
ก่อนเริ่มงานประมูล เย่เฉิน ได้บอกกับ อวี๋ เทียนหง ว่า ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป และนักสะสมชาวต่างชาติพวกนี้ไม่มีทางนำหัวมังกรออกไปได้
แต่เพราะคำพูดของผู้จัดการใหญ่ของ ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป และนักสะสมชาวต่างชาติเมื่อครู่ ทำให้ เย่เฉิน เปลี่ยนใจ
วันนี้ พวกเขาไม่เพียงจะเอาหัวมังกรไปไม่ได้ แม้แต่โบราณวัตถุชิ้นใดในงานประมูลนี้ พวกเขาก็อย่าได้คิดว่าจะเอากลับไปได้เลย!!!
เย่เฉิน จะทำให้พวกเขาคว้าน้ำเหลวกลับไป..
“75 ล้าน...”
นักสะสมชาวต่างชาติยังไม่ยอมแพ้
“80 ล้าน...”
เย่เฉิน เสนอราคาอีกครั้ง
ด้วยราคานี้ นักสะสมชาวต่างชาติถึงกับนิ่งเงียบ
สุดท้าย เย่เฉิน ก็ประมูลชามสูงลวดลายมังกรในทะเล สมัยราชวงศ์หมิงมาได้สำเร็จในราคา 80 ล้าน
ราคาของชามใบนี้ก็อยู่ในระดับนี้ ดังนั้น เย่เฉิน จึงไม่ได้ขาดทุนแต่อย่างใด
ในรอบประมูลถัดๆ มา ไม่ว่าผู้จัดการใหญ่ของ ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป หรือบรรดานักสะสมชาวต่างชาติยกมือเสนอราคา เย่เฉิน ก็จะยกมือสู้ในทุกๆ ครั้ง
จนถึงตอนนี้ เย่เฉิน ได้ซื้อของโบราณไปแล้วหลายชิ้น
สิ่งนี้ทำให้ผู้จัดการใหญ่ของ ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป และนักสะสมชาวต่างชาติเหล่านั้นโกรธจัด แต่ถึงพวกเขาจะโกรธแค่ไหน ก็ทำอะไร เย่เฉิน ไม่ได้ เพราะเงินในมือพวกเขาสู้ เย่เฉิน ไม่ได้
ในยุคที่สงบสุข สิ่งของโบราณย่อมมีค่า แม้ เย่เฉิน จะซื้อโบราณวัตถุมาเยอะเพียงใด ก็ไม่ถือว่าขาดทุน..
ในระยะยาว มูลค่าของสิ่งของเหล่านี้ก็จะค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้น
นี่ถือได้ว่าเป็นการลงทุนแบบพิเศษอย่างหนึ่ง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายหัวมังกรที่ทุกคนรอคอยก็ปรากฏตัว!!!
ทุกคนต่างจับจ้องมอง วันนี้ผู้คนโดยส่วนใหญ่มาที่นี่เพื่อหัวมังกร
แม้จะซื้อไม่ได้ แต่การได้เห็นด้วยตาตัวเองก็ถือว่าคุ้มค่าพอแล้ว
“ราคาเริ่มต้น 80 ล้าน การเพิ่มราคาต้องไม่ต่ำกว่า 5 ล้าน ตอนนี้เริ่มประมูลได้”
เมื่อพิธีกรพูดจบ ก็มีคนตะโกนเสนอราคาทันที
“90 ล้าน...”
“105 ล้าน...”
“115 ล้าน...”
ผู้คนแย่งกันเสนอราคาอย่างรวดเร็ว จนราคาพุ่งสูงขึ้นถึงกว่า 300 ล้านภายในเวลาไม่นาน
“400 ล้าน!”
ชายชาวตะวันตกวัยกลางคนในโซนวีไอพีเอ่ยขึ้น
“เขาชื่อ สมิธ เป็นนักสะสมชื่อดังในต่างประเทศ และมีทรัพย์สินมหาศาล…”
อวี๋ เทียนหง จำชายชาวตะวันตกคนนี้ได้ทันที
เขาเคยเจอ สมิธ ในการประมูลครั้งหนึ่งในต่างประเทศ และต้องประหลาดใจกับความร่ำรวยของเขา
ผลงานไฮไลต์ของงานประมูลครั้งนั้นคือภาพวาดสีน้ำมันที่มีมูลค่าประมาณ 500 ล้าน แต่สุดท้าย สมิธ กลับทุ่มเงินมหาศาลถึง 800 ล้านเพื่อคว้ามันมาไว้ในครอบครอง นั่นแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของเขา
“430 ล้าน!”
ผู้จัดการใหญ่ของ ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป ก็เข้าร่วมการประมูลเช่นกัน
ตัวแทนจากบริษัทยักษ์ใหญ่อีกหลายราย ต่างเข้าร่วม ‘สนามรบ’ กันอย่างดุเดือด
ราคาพุ่งสูงขึ้นจนเกือบแตะ 700 ล้าน เข้าไปแล้ว
ราคานี้เป็นสิ่งที่เหล่ามหาเศรษฐีชาวจีนไม่เคยคาดคิดมาก่อน นี่ถือเป็นราคาสูงสุดในประวัติศาสตร์การประมูลเลยทีเดียว
เนื่องจากทุนทรัพย์ที่เตรียมมาไม่เพียงพอ มหาเศรษฐีชาวจีนจึงไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้
เมื่อเห็น ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป และนักสะสมชาวต่างชาติคนอื่นๆ แข่งขันกันอย่างบ้าคลั่ง มหาเศรษฐีชาวจีนทำได้เพียงยืนมองดูด้วยความเป็นกังวล
“1 พันล้าน”
สุดท้ายมหาเศรษฐีชาวจีนคนหนึ่งลองเสนอราคา
“1.1 พันล้าน”
สมิธ เสนอราคาต่อ มหาเศรษฐีชาวจีนจึงต้องยอมแพ้ เพราะ 1 พันล้านคือขีดจำกัดของเขา
สุดท้าย การประมูลเหลือเพียงผู้จัดการใหญ่ของ ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป และสมิธ ที่ยังแข่งขันกันอยู่
“1.6 พันล้าน...”
ผู้จัดการใหญ่ของ ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป กัดฟันเพิ่มราคาเป็น 1.6 พันล้าน นี่น่าจะเป็นราคาสูงสุดของปีนี้
“พวกคนจีนที่ไม่มีเงิน พวกคุณไม่ใช่จะแข่งขันหรือ แล้วทำไมไม่พูดอะไรต่อล่ะ?”
ผู้จัดการใหญ่ ของ ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป พูดเป็นภาษาจีนด้วยน้ำเสียงดูถูก
เมื่อครู่พวกคนจีนยังกล้ามาท้าทายเขาไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมตอนนี้กลับเงียบกันไปหมด!!
มหาเศรษฐีชาวจีนหลายคนรู้สึกโกรธมาก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะราคา 1.6 พันล้านนั้นสูงเกินไป
แม้แต่ สมิธ เองก็ถอยไปแล้ว
เมื่อเห็น สมิธ ยอมแพ้ ผู้จัดการใหญ่ ของ ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป จึงมอง เย่เฉิน ด้วยสายตาท้าทาย ราวกับจะบอกว่า :
‘คุณไม่ใช่ว่ามีเงินเหรอ? ถ้าคุณแน่จริงก็ลองสิ ฉันเสนอ 1.6 พันล้าน’
‘คุณกล้าที่จะให้มากกว่านี้ไหม?’
“2 พันล้าน!!!”
เย่เฉิน ยกยิ้มให้กับผู้จัดการใหญ่ ของ ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป ก่อนจะพูดขึ้น
เมื่อคำพูดของ เย่เฉิน ดังขึ้น บรรยากาศในงานประมูลพลันเงียบสงัด
2 พันล้าน แม้แต่งานประมูลในอดีตก็แทบไม่มีของชิ้นไหนที่ราคาสูงถึงระดับนี้มาก่อน…
ผู้จัดการใหญ่ ของ ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป พลันมีใบหน้าแข็งทื่อ เขาไม่คิดว่า เย่เฉิน จะเพิ่มราคาทีเดียวถึง 400 ล้าน
นี่……
ในท้ายที่สุด ผู้จัดการใหญ่ ของ ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป ลองเพิ่มไปอีก 100 ล้าน แต่...
“2.5 พันล้าน”
เย่เฉิน เพิ่มราคาทันที
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้จัดการใหญ่ ของ ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป ก็ได้แต่ลดศีรษะที่เคยเย่อหยิ่งลง และเลือกที่จะยอมแพ้ไป
ปัง!
เสียงค้อนประมูลดังขึ้น เย่เฉิน คว้าหัวมังกรมาได้สำเร็จในราคา 2.5 พันล้าน
“สุดยอด!”
“ทำได้ดีมาก พ่อหนุ่ม!”
“คุณคือความภาคภูมิใจของพวกเรา!”
มหาเศรษฐีชาวจีนหลายคนชื่นชม เย่เฉิน อย่างมาก เมื่อครู่พวกเขาถึงกับกลัวอำนาจเงินของ ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป และนักสะสมชาวต่างชาติ จนแทบไม่มีความหวังเหลือแล้ว
แต่สุดท้าย เย่เฉิน ก็พลิกสถานการณ์ด้วยการทุ่มเงินประมูลหัวมังกรมาได้สำเร็จ ไม่ปล่อยให้มันไหลออกไปนอกประเทศ
ตั้งแต่เริ่มงานประมูลจนจบ ผู้จัดการใหญ่ของ ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป และนักสะสมชาวต่างชาติกลับไม่ได้โบราณวัตถุชิ้นใดติดมือเลย พวกเขามางานประมูลครั้งนี้ถือว่าเปล่าประโยชน์จริงๆ
เมื่อจบงานประมูล ผู้จัดการใหญ่ของ ฮาชิโมโตะ กรุ๊ป รีบเดินตรงไปหา เย่เฉิน ด้วยท่าทีไม่เป็นมิตร…
#ในเนื้อเรื่องไม่ได้ชี้นะครับ ว่า หยวนจีน/ดอลลาร์ฮ่องกง/ดอลลาร์สหรัฐฯ