ตอนที่ 64 คนที่ตกลงมาจากบนท้องฟ้า!
ตอนที่ 64 คนที่ตกลงมาจากบนท้องฟ้า!
“คุณโทรผิดเบอร์แล้วครับ ลาก่อน!” เอริควางสายทันที พร้อมกับขยับนิ้วเล็กน้อยเพื่อตัดการเชื่อมต่อโทรศัพท์ทุกสายในบ้าน
ในจักรวาลมาร์เวลการเจอ ไข่ต้ม (ฉายาของนิค ฟิวรี่) ไม่เคยเป็นเรื่องดี ครั้งแรกที่เจอเขาต้องเจอพวกโจรจับตัวประกัน ครั้งที่สอง แบล็ควิโดว์ บุกมางัดเซฟของเขา ส่วนครั้งที่สาม เขาถูกลากไปล่าผีดูดเลือด
ชายคนนี้เปรียบเสมือนเทพเจ้าแห่งความซวย ถ้าหลีกเลี่ยงได้ก็ควรหลีกให้ไกล!
แต่น่าเสียดายคนบางคนต่อให้พยายามหนีแค่ไหนก็ยังไม่พ้น . . .
ไม่ถึงห้านาที เอริคก็สัมผัสได้ถึงสนามแม่เหล็กของ โคลสัน ที่ปรากฏอยู่หน้าบ้าน ทำให้เขาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากเป็นโคลสันที่มาเยือน เอริคที่ยังมีความรู้สึกดีต่อชายคนนี้อยู่บ้าง เขาจึงยอมเปิดประตูให้
. . .
“นายหมายถึง มีผู้หญิงตกลงมาจากท้องฟ้า? แล้วพังร้านเช่าวิดีโอ?” เอริคถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ พลางพลิกดูรูปถ่ายที่โคลสันยื่นให้
ผู้หญิง . . . ร้านเช่าวิดีโอเบสท์บาย . . . นี่มัน กัปตันมาร์เวล ชัด ๆ!
“แล้วนายมาหาฉันทำไม? นายควรไปหาผู้หญิงคนนั้นหรือบริษัทประกันภัยมากกว่าไม่ใช่เหรอ!”
“คุณเอริค เราอาจกำลังเผชิญภัยคุกคามจากภายนอก” โคลสันยังคงยิ้มอย่างเป็นมิตร “ผู้บัญชาการฟิวรี่บอกว่าเราต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”
“ภายนอก? ภายนอกอะไร?”
“ภายนอกโลกครับ!” โคลสันชี้นิ้วขึ้นไปบนฟ้า
เอริคมองเขาอย่างประหลาดใจ “ภายนอกโลก? มนุษย์ต่างดาว? นายควรไปที่ เอเรีย 51 หรือ นาซ่า สิ มาหาฉันทำไม ฉันแค่คนสร้างรถไฟความเร็วสูงเท่านั้น!”
“คุณเอริค ผู้บัญชาการฟิวรี่บอกว่าคุณมาจากแผนกพิเศษ” โคลสันหยิบรูปอีกใบจากกระเป๋ายื่นให้เอริค “ครั้งที่แล้วที่เรากำจัดพวกแวมไพร์ ดาวเทียมของเราถ่ายภาพพิเศษบางอย่างไว้ได้”
เอริครับรูปมาดูอย่างตั้งใจ รูปนี้แสดงให้เห็นโลกที่กินพื้นที่ประมาณสี่ในห้าของภาพ แต่บริเวณมุมซ้ายบนใกล้ชั้นบรรยากาศที่มีวัตถุจานกลมบางอย่างปรากฏอยู่ แม้จะพร่ามัว แต่ก็เพียงพอที่จะรู้ว่ามันคืออะไร
นั่นคือเครื่องแปลงพลังงานพายุสุริยะที่เขาสร้างขึ้นมา! เอริคมั่นใจว่าถ้าโคลสันเอาภาพนี้มาให้ดู แสดงว่ามันจะต้องมีภาพความละเอียดสูงกว่านี้แน่นอน
‘ในที่สุดก็มองเห็นจนได้! ฉันนึกว่าดาวเทียมบนโลกตาบอดกันหมดแล้ว ครั้งที่แล้วที่มีเรื่องใหญ่ขนาดนั้นกลับไม่มีใครสังเกตเห็น!’ มุมปากของเอริคยกขึ้นเล็กน้อยอย่างขบขัน
ใช่ ครั้งนั้นเขาตั้งใจแสดงพลัง ถ้าต้องการซ่อนเขาเพียงแค่บิดเบือนแสงก็ทำได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่ทำแบบนั้น เพราะหลังจากซ่อนตัวมานาน มันถึงเวลาแล้วที่เขาจะเปิดเผยตัว
อย่างไรก็ตามเขาก็ยังต้องแกล้งทำเป็นตกใจ เอริคขยำรูปถ่ายจนเป็นก้อนด้วยท่าทางเหนื่อยใจ ก่อนถอนหายใจและถามว่า “โอเค ฉันพลาดเอง บอกมาสิ นายต้องการอะไรจากฉัน?”
“เราต้องไปลอสแอนเจลิสครับ”
. . .
บาร์พันโช่ ในลอสแอนเจลิส
เอริคสามารถสัมผัสได้ถึงสนามแม่เหล็กที่กดดันอย่างรุนแรงตั้งแต่ยังอยู่ไกลจากบาร์ ในโลกของสนามแม่เหล็ก แหล่งพลังสนามแม่เหล็กที่แข็งแกร่งจะเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์เล็ก ๆ ที่ปลดปล่อยพลังงานออกมาตลอดเวลา
“ไม่คิดเลยว่าเธอจะเก่งขนาดนี้!” เอริคพึมพำก่อนเดินเข้าไปในบาร์
“เอริค ในที่สุดนายก็มาถึง!” นิค ฟิวรี่ลุกขึ้นยืนพร้อมอ้าแขนเตรียมกอด
แต่เอริคก็รีบเบี่ยงตัวหลบอย่างรวดเร็ว ก่อนที่สายตาของเขาจะเลื่อนไปที่ต้นตอของสนามแม่เหล็กอันมหาศาล “คุณคือผู้หญิงที่ตกจากฟ้าที่โคลสันพูดถึงใช่ไหม? มนุษย์ต่างดาว?”
“ไม่นึกเลยว่าจะมีคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้บนโลก พลังงานในร่างกายของคุณก็สูงกว่ายานรบอวกาศเสียอีก!” หญิงสาวจ้องมองเอริค ดวงตาของเธอเริ่มเรืองแสง ขณะที่ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ๆ เอริค
“ผมก็ไม่นึกเหมือนกันว่าวันหนึ่งจะได้เจอกับมนุษย์ต่างดาวที่ทรงพลังขนาดนี้!” เอริคจ้องมองดวงตาที่เรืองแสงของเธอด้วยรอยยิ้ม ก่อนแนะนำตัว “เอริค แลนเซอร์ ยินดีต้อนรับสู่โลกนะครับ คุณผู้หญิง!”
“เวิร์ส จากหน่วยรบดาวครี” แครอล แดนเวอร์สยังคงใช้ชื่อว่า เวิร์ส ซึ่งทำให้เอริครู้สึกทึ่งในอำนาจของ ภูมิปัญญาสูงสุด
“โอ้ ครี? เท่าที่ผมรู้ ชาวครีไม่ใช่พวกที่เป็นมิตรนัก!” เอริคเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเย็นชาเมื่อพูดถึงชาวครี
ทั้งเขาและแม็กนีโตต่างเกลียดชาวครีเข้าไส้ ในจักรวาล จักรพรรดิธานอส ภรรยาคนสุดท้ายของแม็กนีโตถูกชาวครีฆ่าตาย และเพราะชาวครีหลบหนีมายังโลก ธานอสจึงตามมาทำลายทุกสิ่ง
แครอลขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินคำพูดของเอริค “คุณรู้จักชาวครี? ทำไมถึงพูดว่าชาวครีไม่เป็นมิตร? เราทำหน้าที่รักษาความสงบและระเบียบของจักรวาลมาตลอด!”
“โดยใช้กำลังและความรุนแรงน่ะเหรอ? โรแนนมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ติดอันดับในจักรวาล” คำพูดของเอริคทำให้บรรยากาศในห้องหยุดนิ่งจนถึงขีดสุด
“หยุดพูดซะ! โรแนนคือฮีโร่ ฉันไม่ยอมให้คุณมาดูถูกเขา!” แครอลกำหมัดแน่น พร้อมกับแสงสีแดงเรืองรองออกมาจาง ๆ พร้อมที่จะลงมือทันที
“ใจเย็นก่อน! ใจเย็นทั้งคู่!” ฟิวรี่รีบยืนขวางระหว่างทั้งสองคนอย่างระมัดระวัง เขาพยายามจะจับหมัดของแครอลเพื่อห้าม แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นแสงสีแดงที่ปล่อยออกมา “พวกนายทั้งสองแข็งแกร่งมาก แต่กรุณาคิดถึงชีวิตของคนธรรมดาอย่างพวกเราด้วยหน่อยได้ไหม?”
เอริคยักไหล่ หยิบเบียร์ขึ้นมาดื่มก่อนนั่งลง “ก็ได้ ฟิวรี่ บอกมาเลยว่าเกิดอะไรขึ้น? ทำไมถึงมีเรื่องของพวกครีเข้ามาเกี่ยวข้อง?”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไง! นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินคำว่าครี! แต่แกเถอะ เอริค ทำไมถึงรู้เรื่องมนุษย์ต่างดาวมากขนาดนี้?” ฟิวรีหันไปจ้องเอริคด้วยสายตาไม่พอใจ หลังจากพยายามสงบสติอารมณ์ของแครอล
“ฉันมาจากแผนกพิเศษไง ลืมไปแล้วเหรอ?” เอริคหรี่ตา และดื่มเบียร์รวดเดียวหมดก่อนจะเรอเสียงดัง ทำให้แครอลเบือนหน้าหนีด้วยสีหน้ารังเกียจ
“แผนกพิเศษ? ฮึ! รอเรื่องนี้จบก่อนแล้วฉันจะสืบให้ถึงต้นตอว่าแกสังกัดหน่วยไหน!” ฟิวรี่พูดอย่างเย็นชา ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมด แน่นอนว่า ‘ความจริง’ ที่เขาพูดนั้นล้วนเป็นสิ่งที่แครอลบอกเขามา
จากคำบอกเล่าของฟิวรี่ กลุ่ม สกรัลล์ ที่ชั่วร้ายและอัปลักษณ์ได้ซุ่มโจมตีทีมสำรวจอวกาศที่แครอลสังกัดอยู่ ทำให้เธอพลั้งพลาดจนถูกจับตัวไป โดยกลุ่มสกรัลล์พยายามปรับเปลี่ยนความทรงจำของเธอ แต่เธอเอาชนะพวกมันได้ และไม่เพียงแต่ทำลายยานของพวกมัน เธอยังล่วงรู้เป้าหมายของพวกมันที่มายังโลกอีกด้วย
“โคลสัน หัวหน้าของนายคงไม่ได้ถูกมนุษย์ต่างดาวผู้หญิงล้างสมองไปแล้วหรอกนะ?” หลังจากฟังเรื่องราวของฟิวรี่จบ เอริคก็เอียงศีรษะไปหาโคลสัน พร้อมใช้มือป้องปากถามเสียงเบา แต่ดังพอให้ทุกคนได้ยิน
“เอริค! ฉันเห็นกับตาว่ามนุษย์ต่างดาวผิวเขียวตัวหนึ่งแปลงร่างเป็นโคลสัน! และฉันก็ฆ่ามันด้วยมือของฉันเอง!” ฟิวรี่ตะโกนเกือบจะลั่นห้อง
“โอเค ๆ เข้าใจแล้ว แล้วเราจะทำยังไงต่อ? ไปจัดการกับพวกปีศาจแปลงร่างงั้นเหรอ?”
“เราต้องไปฐานทัพอากาศ” แครอลพูดขัดฟิวรีที่กำลังจะสบถ “พวกสกรัลล์กำลังตามหาคนชื่อเวนดี้ ลอว์สัน เธอมีส่วนร่วมในโครงการชื่อ โปรเจกต์เพกาซัส เราจำเป็นต้องแอบเข้าไปในฐานทัพอากาศเพื่อตามหาข้อมูลเหล่านี้”
“แอบเข้าไปในฐานทัพอากาศ? ล้อกันเล่นหรือเปล่า? ฉันมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น!” เอริคลุกขึ้นพร้อมทำหน้าตาประมาณว่าพวกนายจะต้องล้อฉันแน่ ๆ จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์จากบาร์แล้วกดหมายเลข “สวัสดีครับ นายพลรอสส์ ผมมีเรื่องเล็ก ๆ ที่อยากขอความช่วยเหลือจากคุณหน่อย!”
โปรดติดตามตอนต่อไป …