ตอนที่ 61 โล่!
ตอนที่ 61 โล่!
ชายที่ถูกแช่แข็งในขั้วโลกเหนือ ไม่ต้องคิดให้มากความ จะเป็นใครไปได้ถ้าไม่ใช่กัปตันอเมริกา!
เอริคถือแก้วไวน์ไว้ในมือ พลางใช้นิ้วลูบไปตามลวดลายบนแก้วอย่างไม่รู้ตัว ตอนนี้เขากำลังขบคิดเกี่ยวกับกัปตันอเมริกาว่าเขาควรทำอย่างไรกับอีกฝ่ายดี
การขุดตัวเขาออกมาตอนนี้คงไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม ถ้าถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น? เพราะการเอากัปตันอเมริกาออกมาตอนนี้มันก็เหมือนกับการฆ่าตัวตายดี ๆ นี่เอง อย่าลืมว่าเขามีความลับมากมาย รวมถึงการเก็บนักวิทยาศาสตร์ไฮดราไว้เป็นร้อยคนในชั้นใต้ดินของเขาเอง ถ้ากัปตันอเมริการู้เข้า มีหวังต้องลงมือฆ่าปิดปากแน่ ๆ
นอกจากนี้จะมอบตัวให้ชีลด์ก็ไม่ได้ เพราะในตอนนี้ ชีลด์ อยู่ภายใต้การนำของอเล็กซานเดอร์ ดังนั้นไฮดราเองจึงมีอำนาจมากมายมหาศาลในตอนนี้ ทำให้ถ้าหากส่งตัวกัปตันอเมริกาให้พวกเขา ก็คงเหมือนโยนแกะเข้าไปในปากเสือ และไม่พ้นโดนจับไปทดลองในทันที
ส่วนเรื่องการไปเขาออกไปเดินเล่นนั้นยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ กัปตันอเมริกาเป็นซูเปอร์ฮีโร่คนแรกของอเมริกา ทุกคนรู้จักเขา แถมจิตใจของเขายังติดอยู่ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ถ้าหากปล่อยตัวเขาออกไป โลกต้องปั่นป่วนแน่นอน
แล้วถ้าส่งตัวเขาให้คาร์เตอร์ดูแลล่ะ?
เดี๋ยวนะ . . . คาร์เตอร์!
เอริคสะดุ้งอย่างแรง เมื่อคิดถึงปัญหาร้ายแรงที่เขาไม่เคยพิจารณามาก่อน ในจักรวาลคู่ขนานแห่งนี้ เหล่าอเวนเจอร์สได้เดินทางข้ามเวลาแล้วหรือยัง?
ถ้าหากมีการข้ามเวลาเกิดขึ้นจริง มันก็อาจจะมีกัปตันอเมริกาสองคนในจักรวาลนี้ โดยคนหนึ่งยังคงแช่แข็งอยู่ที่ขั้วโลกเหนือ ส่วนอีกคนได้แต่งงานกับคาร์เตอร์และใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวของเขา
แต่ตัวเขาเองเล่า? ในฐานะผู้ที่เดินทางมาจากจักรวาลคู่ขนาน แถมยังได้รับการยอมรับจาก ตุลาการสามหน้า มันก็แสดงว่าเขาจะต้องมีผลกระทบที่เป็นประโยชน์ต่อจักรวาลนี้
ดังนั้นด้วยการมีอยู่ของเขา ธานอสยังดีดนิ้วได้หรือไม่? ตอนที่ธานอสดีดนิ้ว เขาจะกลายเป็นผงธุลี หรือรอดมาได้? และเขาเองก็เคยเดินทางข้ามเวลาแล้วหรือไม่?
สามีของคาร์เตอร์ คือกุญแจสำคัญ!
ถ้าสามีของคาร์เตอร์คือกัปตันอเมริกา นั่นก็หมายความว่า ตัวเขาเองอาจจะตกเป็นเหยื่อของธานอสในอนาคต และจำเป็นต้องเร่งปรับแผนการพัฒนาตัวเอง
แต่ถ้าสามีของคาร์เตอร์ไม่ใช่กัปตันอเมริกา? นั่นก็อาจจะหมายความว่าจักรวาลนี้รอดพ้นจากธานอสเพราะการมีส่วนร่วมของเขา?
ตอนนี้ไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจน ทุกอย่างดูสับสน และเขาไม่สามารถหาคำตอบได้!
เอริคเริ่มเหงื่อแตกพลั่ก และรู้สึกว่าเขาควรบินไปอังกฤษเดี๋ยวนี้เพื่อดูว่า สามีลึกลับของคาร์เตอร์คือใครกันแน่
“เอริค เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า? หนาวเหรอ? หรือรู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม?” ทีชาก้าถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นเอริคนั่งเหงื่อซึม
“เขาคงดื่มมากไป!” นามอร์ที่เริ่มตาลอยตบไหล่เอริคพร้อมหัวเราะลั่น “เจ้านี่ช่างคออ่อนจริง ๆ! ในแอตแลนติส ผู้ชายที่ดื่มไม่เก่งจะถูกดูถูก! เอ้า! ดื่มอีกแก้วสิ เอริค เจ้าคนขี้ขลาด!”
“ทีชาก้า ตอนนี้ผมมีเรื่องด่วน ผมคงอยู่ดื่มต่อไม่ได้แล้ว ขอโทษด้วยนะ เอาไว้เจอกันใหม่คราวหน้าได้ไหม?” เอริคตัดสินใจหลังครุ่นคิดอยู่นาน เขาจะไปอังกฤษทันที
“อะไรนะ? ด่วนขนาดนั้นเลย? เจ้าต้องการความช่วยเหลือไหม?” ทีชาก้ารีบเสนออย่างจริงใจ ถ้าหากเอริคต้องการ วาคานด้าก็พร้อมลุยไม่เกี่ยงอันตราย
“อะไรกัน? จะมีศึกใช่ไหม? เอาข้าไปด้วยสิ!” นามอร์วางแก้วไวน์ลง ดวงตาเริ่มชัดเจนขึ้นพร้อมกับท่าทีที่กระตือรือร้น
เอริคส่ายหน้าปฏิเสธน้ำใจของพวกเขาทั้งคู่ “ผมแค่อยากไปยืนยันบางสิ่งที่สำคัญมาก มันไม่อันตราย ผมจัดการเองคนเดียวได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นทีชาก้าจึงมอบสร้อยลูกปัดคิโมโยให้เอริค พร้อมกำชับว่าถ้าหากต้องการความช่วยเหลืออะไรให้ติดต่อวาคานด้าได้ทันที
เมื่อเห็นว่าเอริคกำลังจะไปจริง ๆ นามอร์เองก็ลุกขึ้นเช่นกัน พร้อมกล่าวลาแก่ทีชาก้า แต่ในสายตาของเขายังมีประกายความดุดัน เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการล้างแค้นไฮดรา
“นามอร์ เรื่องไฮดราไม่ต้องรีบร้อน ฉันว่านายควรกลับไปแอตแลนติสก่อนจะดีกว่า” เอริคตบบ่าเขา พลางพูดเตือนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ทำไม? แอตแลนติสจะมีปัญหาอะไรได้?” นามอร์ถามอย่างสงสัย
“ไฮดรารู้ตำแหน่งของนายได้แม่นยำขนาดนี้ นายไม่คิดว่ามันแปลกบ้างเหรอ?” เอริคส่ายหน้าอย่างเหนื่อยหน่าย ชายหัวแข็งคนนี้ นอกจากจะอารมณ์ร้อนแล้ว สมองก็เหมือนจะไม่ค่อยทำงานเลย แอตแลนติสที่มีเขาเป็นผู้นำคงต้องวุ่นวายไม่หยุดในอนาคตแน่ ๆ
“จริงด้วย!!” นามอร์เบิกตากว้างด้วยความตกใจด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ แต่แล้วทันใดนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ เขาใช้เท้ากระแทกพื้นอย่างรุนแรงจนร่างทะยานขึ้นฟ้าไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดตะโกนว่า “ข้าจะไปจัดการปัญหาของข้าก่อน!”
ทีชาก้ามองพื้นไม้ที่ถูกเหยียบทะลุเป็นรูใหญ่ด้วยความเหนื่อยใจ พื้นไม้อย่างดีต้องมาเสียหายอีกแล้ว งานนี้ต้องเสียเงินซ่อมอีก . . .
วาคานด้าเองก็กำลังอยู่ในช่วงฟื้นฟูหลังภัยพิบัติ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องใช้เงินทั้งนั้นไม่รู้หรือไงไอ้บ้านี่!!
ก่อนจะออกเดินทาง เอริคก็แวะไปดูคู่สามีภรรยาฮาเวิร์ดที่ยังคงนอนหมดสติอยู่เล็กน้อย ซึ่งตอนนี้พวกเขาทั้งคู่ยังไม่ฟื้น แต่ถ้าดูจากลักษณะภายนอกแล้วพวกเขาดูเหมือนกำลังค่อย ๆ ฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ขึ้นมาทีละน้อย ผิวหนังเริ่มกลับมามีชีวิตชีวา เส้นผมที่ขาวโพลนค่อย ๆ กลับมาเป็นสีดำอีกครั้ง
ถึงแม้ตามข้อมูลการเฝ้าดูของวาคานด้าจะบอกว่าเมื่อฟื้นขึ้นมา พวกเขาอาจไม่อ่อนเยาว์ถึงขั้นเดียวกับเอริค แต่รูปลักษณ์น่าจะย้อนกลับไปที่ช่วงวัยกลางคนราว 40 ปี อีกทั้งสุขภาพร่างกายจะแข็งแรงกว่าคนธรรมดาอย่างแน่นอน
. . .
ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ เอริคตามหาบ้านของคาร์เตอร์จนพบอย่างง่ายดาย มันเป็นบ้านสองชั้นเล็กๆ สไตล์อังกฤษ มีสนามหญ้าขนาดย่อมอยู่ข้าง ๆ พร้อมดอกไม้หลากหลายชนิดที่ปลูกไว้อย่างประณีต ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่นเป็นกันเอง
นอกจากนี้เอริคสามารถรรับรู้ถึงตัวตนของเจ้าหน้าที่ลับที่ซ่อนตัวอยู่รอบ ๆ บ้านสองคนได้อย่างชัดเจน ดูเหมือนว่า ชีลด์ จะยังคงปกป้องผู้นำเก่าของพวกเขาเป็นอย่างดี
ในบ้านไม่มีใครอยู่ คาร์เตอร์น่าจะออกไปข้างนอกแล้ว ซึ่งนั่นเป็นเรื่องดีสำหรับเอริค เขาใช้พลังบิดเบือนแสงจนตัวเองหายไปจากสายตา พร้อมกับลอยขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อยราว 5 เซนติเมตร ก่อนจะเคลื่อนตัวเข้าไปในบ้านของคาร์เตอร์อย่างเงียบเชียบราวกับผี
ภายในบ้านดูอบอุ่นและเรียบร้อย ของตกแต่งส่วนใหญ่ยังคงมีกลิ่นอายแบบยุค 1930 และบนผนังก็เต็มไปด้วยรูปถ่ายมากมาย
เอริคลอยตัวเข้าไปใกล้ และตรวจดูรูปภาพทีละใบอย่างระมัดระวัง มีทั้งรูปของคาร์เตอร์เอง รูปลูกสาว รูปลูกชาย และรูปของคาร์เตอร์กับลูก ๆ ทั้งสอง แต่ไม่มีภาพของสามีของเธอเลย
ดูเหมือนว่าการค้นหาข้อมูลจากสิ่งที่มองเห็นจะไม่ได้ผล เอริคส่ายหัวเบา ๆ ก่อนจะหลับตาใช้พลังสัมผัสตรวจสอบโครงสร้างของบ้าน
ทันใดนั้นเขาก็พบสิ่งที่ผิดปกติ!
บนผนังของห้องทำงานมีช่องทางลับที่นำไปสู่ชั้นใต้ดิน แต่ที่น่าประหลาดคือ เขาไม่สามารถรับรู้ได้เลยว่าช่องทางนี้จะพาไปที่ใด ราวกับว่าช่องทางนั้นอยู่ในอีกมิติหนึ่ง ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อน
เอริคเริ่มระวังตัวมากขึ้น ก่อนที่เขาจะมุ่งหน้าไปยังห้องทำงาน และพบกลไกที่ซ่อนอยู่บนชั้นหนังสือตามที่สัมผัสได้ และเมื่อกดมันช่องทางลับก็ค่อย ๆ เปิดออกมาอย่างช้า ๆ
โดยสิ่งที่พบทำให้เขาต้องประหลาดใจอีกครั้ง ทางลับนี้สะอาดหมดจด แม้แต่ขั้นบันไดยังดูเหมือนถูกเช็ดจนไร้ฝุ่น
เอริคระมัดระวังไม่สัมผัสสิ่งใด และลอยตัวลงไปตามทางลับ ซึ่งไม่ยาวมากนักเพียงราวสิบกว่าเมตร แต่ความยาวแค่นี้มันกลับทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังเดินทางผ่านจักรวาลคู่ขนาน และโลกทั้งใบก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป
นี่มันอะไรกัน? ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็ก ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงของอากาศหรือสิ่งแวดล้อม แต่มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า แบบเดียวกับที่เขาเคยรู้สึกตอนเดินทางผ่านจักรวาลคู่ขนาน!
‘ฉันคิดผิด? หรือว่านี่คือมิติพิเศษที่สร้างขึ้นโดยพ่อมด?’
เอริคมองไปรอบ ๆ ด้วยความสับสน ทันใดนั้นกระแสลมวูบหนึ่งพุ่งเข้ามาจากด้านหลังศีรษะของเขา เอริคยื่นมือออกไปคว้าสิ่งนั้นไว้ได้ทัน และพบว่ามันคือวัตถุทรงกลมที่หยุดนิ่งกลางอากาศ . . .
โล่!
ใช่มันคือ โล่!
โปรดติดตามตอนต่อไป …