ตอนที่ 60 ข่าวคราวเกี่ยวกับคนคนนั้น!
ตอนที่ 60 ข่าวคราวเกี่ยวกับคนคนนั้น!
“ทีชาก้า ฆ่ามันซะ! มันเกือบจะทำให้วาคานด้าจมลงสู่ใต้บาดาล!” เมื่อศัตรูเผชิญหน้ากัน ดวงตาของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความแค้นเคือง ราชินีที่เห็นนามอร์ถูกมัดลอยอยู่กลางอากาศกำลัดพูดอย่างไม่หยุดหย่อน และคว้ามีดสั้นขึ้นมาทันทีเตรียมพร้อมที่จะจบชีวิตนามอร์ด้วยโกรธแค้นที่พลุ่งพล่านอยู่ในหัวใจ . . .
น่าเสียดายที่ในช่วงเวลาสำคัญ สามีของเธอกลับไม่เด็ดเดี่ยวพอ
“รามอนด้า วางอาวุธลงเถิด พอได้แล้ว” น้ำเสียงของทีชาก้าเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าที่ไม่อาจอธิบายได้
“ทีชาก้า! เขาคือศัตรูของวาคานด้า!” ราชินีมองสามีด้วยความไม่อยากเชื่อ
“ข้าทำพลาดไปครั้งหนึ่งแล้ว อย่าให้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองเลย” ทีชาก้าค่อย ๆ จับมือราชินีและดึงมีดสั้นออกจากมือของเธอ
ทีชาก้าหันไปมองเอริคด้วยความลังเล “เอริค เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ใช่ไหม?”
เอริคตอบด้วยน้ำเสียงแฝงความอ่อนใจ “ท่านทีชาก้า ผมบอกแล้วว่าผมจะเป็นเพื่อนของวาคานด้าเสมอ!”
“ขอบคุณ!” ทีชาก้ากอดอกและแสดงความเคารพแบบวาคานด้าต่อเอริค “งั้นข้าขอมอบเรื่องของนามอร์ให้เจ้าเป็นคนจัดการ วาคานด้าไม่อาจเป็นศัตรูกับแอตแลนติสได้!”
“ตกลง”
. . .
แน่นอนว่าเรื่องของนามอร์ไม่ได้แก้ยากอย่างที่คิด แม้นิสัยของเขาจะรุนแรงและอารมณ์ร้อน แต่แก่นแท้ของเขาก็ยังเป็นคนดี
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เขากลายเป็นคนดุร้ายและกระหายเลือดเป็นผลมาจากการที่ ไฮดรา ทดลองกับเขามาเป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม บวกกับสารพิษและยาที่สะสมในร่างกายที่ทำให้เขาขาดสติ
เมื่อเอริคและทีชาก้าบุกเข้าฐานใต้ดิน ไฮดรายังใจร้ายยิ่งกว่าเดิม โดยฉีดยาในปริมาณครึ่งปีเข้าสู่ร่างของนามอร์ในคราวเดียว ทำให้เขาคลุ้มคลั่งจนก่อเหตุควบคุมน้ำให้ท่วมวาคานด้า
ซึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ของวาคานด้าเพียงพอที่จะล้างพิษเหล่านี้ได้ ร่วมกับการกระตุ้นด้วยคลื่นแม่เหล็กของเอริค ไม่นานนามอร์ก็คืนสติอีกครั้ง
เมื่อเอริคเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้นามอร์ฟัง เขาก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากเมื่อคิดว่าเขาเกือบทำให้ชาววาคานด้าล้มตายจำนวนมาก แต่ด้วยนิสัยแข็งกร้าวเขากลับไม่คิดจะเอ่ยคำขอโทษก่อน และตั้งคำถามใส่ทีชาก้าอย่างโกรธเคือง “ทำไมเจ้าถึงอยากฆ่าข้าทันทีที่พบกัน?”
แน่นอนว่าตอนนี้ทีชาก้าล้มเลิกความคิดที่จะฆ่านามอร์ไปแล้ว แต่ในฐานะกษัตริย์และอยู่บนแผ่นดินของตนเองย่อมต้องรักษาศักดิ์ศรีเอาไว้ ดังนั้นเมื่อถูกท้าทายเช่นนี้ ทีชาก้าก็ไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป
เขาถอดชุดแบล็กแพนเธอร์ทิ้งไปและพุ่งเข้าไปต่อสู้กับนามอร์ด้วยกำปั้นเปล่า ส่วนนามอร์ที่รู้ตัวว่าตัวเองผิด เขาจึงไม่กล้าใช้อำนาจควบคุมน้ำอีก แต่ใช้พละกำลังล้วน ๆ สู้กับทีชาก้า
พวกเขาทั้งสองคนเป็นนักสู้ที่เท่าเทียม นามอร์เป็นลูกผสมชาวแอตแลนติสที่ทนทานต่อแรงดันน้ำลึก ส่วนทีชาก้าก็มีร่างกายที่แข็งแกร่งจาก ‘สมุนไพรหัวใจ’ ดังนั้นการต่อสู้ครั้งนี้จึงดุเดือดถึงขีดสุด
หมัดกระแทกหมัด ร่างกายอันแข็งแกร่งปะทะกันไม่หยุดยั้ง ฝูงชนที่ยืนล้อมต่างส่งเสียงเชียร์อย่างตื่นเต้น
วาคานด้าไม่มีธรรมเนียมการต่อสู้แบบรุม พวกเขามักเน้นการดวลแบบตัวต่อตัว การที่ทีชาก้าทำเช่นนี้จึงสอดคล้องกับประเพณี ดังนั้นจึงไม่มีใครเข้าไปช่วย แม้แต่ราชินี เจ้าชาย องครักษ์ หรือเอริค พวกเขากลายเป็นผู้ชมที่ดี และคอยส่งเสียงเชียร์เป็นระยะ
ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นานผลการต่อสู้ก็ออกมาอย่างชัดเจน ทีชาก้าที่มีเสียงเชียร์หนุนหลังและกำลังใจเต็มเปี่ยม เขาจึงได้รับชัยชนะเล็ก ๆ มา ส่วนทางด้านของนามอร์นั้นดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ เขาไม่เพียงแต่ต่อสู้นอกถิ่นของตัวเองเท่านั้น แต่เขายังทำให้ชาววาคานด้าผู้บริสุทธิ์เกือบตาย ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าใส่แรงเต็มกำลังเพื่อไม่ให้เกิดสงครามระหว่างวาคานด้าและแอตแลนติส
“เอาล่ะ! พอได้แล้ว!” ทันใดนั้นเอริคที่รับบทเป็นผู้ไกล่เกลี่ยก็เข้ามาขวางพวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากมีอะไรจะพูดก็นั่งคุยกันดี ๆ พร้อมถ้วยชาสักถ้วย!”
พวกเขาทั้งสองคนยอมฟังและผละออกจากกัน แม้จะยังจ้องเขม็ง แต่ก็สงบลงในเวลาไม่นาน
“เรื่องนี้ข้าผิดเอง ข้าขอโทษ!” ทีชาก้ากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“ข้าเองก็ผิดที่ทำให้วาคานด้าน้ำท่วม ข้าขอโทษเช่นกัน!” นามอร์ตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เมื่อเห็นท่าทางของพวกเขาทั้งสองคน เอริคถึงกับตบหน้าผากตัวเองด้วยความเหนื่อยใจ ‘นี่คือวิธีขอโทษ? ปล่อยให้ต่อสู้กันอีกสักรอบดีไหมเนี้ย?’
“เอาล่ะ! ทีชาก้าทำผิด แต่นามอร์ก็ทำให้วาคานด้าเสียหายใหญ่หลวง แต่โชคดีที่ครั้งนี้ไม่มีใครเสียชีวิต เรื่องนี้จบลงตรงนี้เถอะ จับมือกันและทำสันติภาพกันดีไหม?”
ทั้งทีชาก้าและนามอร์ยังคงจ้องหน้ากันไม่มีใครยอมยื่นมือออกมาก่อน ทำให้เอริคจึงต้องคว้ามือทั้งสองฝ่ายมาจับกัน
ในที่สุดพวกเขาทั้งสองคนก็จับมือกันอย่างไม่เต็มใจ แต่ก็ถือเป็นการยอมรับสันติภาพอย่างเป็นทางการ
เอริคมองเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ด้วยความขบขันในใจ สองคนนี้ช่างหัวดื้อมากจนทำให้ชีวิตตัวเองต้องลำบาก!
หลังจากนั้นทุกอย่างก็ง่ายขึ้นมาก พวกเขากินดื่มกันเต็มที่ หลังจากได้จิบเหล้าสองสามแก้ว ความสัมพันธ์ที่เคยเป็นศัตรูก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความสนิทสนมอย่างไม่น่าเชื่อ . . .
“นามอร์ ทำไมไฮดราถึงต้องการจับตัวนาย?” ระหว่างมื้ออาหาร เอริคถามคำถามที่ทำให้ทุกคนรอบโต๊ะต้องหูผึ่ง
เมื่อพูดถึงไฮดรา ใบหน้าของนามอร์ก็เต็มไปด้วยความโกรธ “ข้าจะไปรู้ได้ยังไง? วันนั้นข้ากลับมาจากการเดินทางที่ขั้วโลกเหนือ ข้าอยู่ในทะเลนานเกินไปก็เลยอยากขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์บนบก แต่ทันทีที่ข้าขึ้นมา พวกสารเลวนั่นก็ปรากฏตัวขึ้น ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่ารำคาญมาก มีแค่หมื่นกว่าคนเอง ข้าจัดการพวกมันในเวลาแค่ไม่กี่นาทีด้วยซ้ำ!”
จำนวน ‘สองถึงสามร้อยคน’ ที่ฮอว์คอายเคยเล่าเอาไว้ ตอนนี้มันได้กลายเป็น ‘หมื่นกว่าคน’ เมื่อเรื่องนี้ถูกเล่าออกมาจากปากของนามอร์ ช่างขี้โม้เหมือนใครบางคนจริง ๆ . . .
“แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกมันก็ใช้บางสิ่งที่แปลกประหลาดมาก ข้ายังไม่ทันเห็นการโจมตี ข้าก็โดนกระแทกจนล้มลง หูอื้อ กระดูกชา พลังหายหมด แถมยังคลื่นไส้และเวียนหัว สุดท้ายก็โดนจับตัวไป” นามอร์เล่าพร้อมแววตาหวาดหวั่น ต้องการจะบอกว่ามันไม่ใช่เพราะเขาอ่อนแอ แต่เป็นเพราะอาวุธของศัตรูทันสมัยเกินไป
“อาวุธคลื่นเสียง?” ทีชาก้าพึมพำอย่างสับสน ทำให้เอริคที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบเบี่ยงประเด็นทันที “นามอร์ แล้วพวกไฮดราทำอะไรในฐานใต้ดิน?”
“พวกมันฉีดยาให้ข้าทุกวัน และเจาะเลือดข้าไป ซึ่งจากการที่ข้าฟังพวกมันพูด ดูเหมือนว่าพวกมันอยากให้ข้าทำลายอะไรบางอย่างบนพื้นดินและขโมก้อนอุกกาบาตมา ข้าจำไม่ได้ละเอียดนัก แต่มันวุ่นวายมาก”
คำพูดของนามอร์ทำให้ทีชาก้ากำหมัดแน่น พร้อมกับเสียงกระแทกหนักหน่วงที่ดังขึ้นบนโต๊ะ
ไฮดราแค่อยากขโมยไวเบรเนียมของวาคานด้า! หรืออาจจะตั้งใจขโมยทั้งหมด แล้วยกไปทั้งก้อนโดยไม่เหลืออะไรไว้ให้วาคานด้าเลย!
ไฮดราใจคอช่างโหดเหี้ยม!
ทีชาก้าเริ่มครุ่นคิดถึงวิธีการจัดการกับไฮดรา ในขณะที่เอริคก็วิเคราะห์จุดประสงค์ของอเล็กซานเดอร์ ดูเหมือนว่าอเล็กซานเดอร์จะต้องการไวเบรเนียมของวาคานด้า แต่ไม่อยากโจมตีตรง ๆ เลยจับตัวนามอร์มาใช้เป็นเครื่องมือหวังจะให้เขาเป็น ‘ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง[1]’
“อ้อ จริงสิ เมื่อปีที่แล้ว ข้าเดินทางไปที่ขั้วโลกเหนือและพบอะไรที่น่าสนใจอะไรบาง” จู่ ๆ นามอร์ก็พูดขึ้นลอย ๆ หลังจิบไวน์อีกคำ
เอริคกับทีชาก้าหันไปมองนามอร์ทันที และรอฟังเขาเล่าเรื่องต่อไป
“ข้าพบเครื่องบินลำหนึ่งที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง ในเครื่องบินนั้นมีคนคนหนึ่งถูกแช่แข็งอยู่ ข้าง ๆ เขามีโล่โลหะด้วย โดยสิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ คนในน้ำแข็งยังมีชีวิตอยู่!”
โปรดติดตามตอนต่อไป …
[1] ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง หมายถึงฉกชิงผลประโยชน์ ในขณะที่สองฝ่ายมัวแต่ตีนกัน หรืออีกฝ่ายหนึ่งมัวแต่จะเอาผลประโยชน์เฉพาะหน้า