ตอนที่ 59 วิกฤตคลี่คลายแล้ว!
ตอนที่ 59 วิกฤตคลี่คลายแล้ว!
น้ำท่วมโหมกระหน่ำ!
แม้ว่าวาคานด้าจะมีเทคโนโลยีก้าวล้ำกว่าชาติใดในโลก แต่พวกเขาไม่สามารถต้านทานภัยพิบัติน้ำท่วมที่รุนแรงนี้ได้
บ้านเรือนพังทลาย ต้นไม้จมหายไปใต้สายน้ำ ผู้คนจำนวนมากถูกน้ำซัดไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องและร้องไห้โหยหวน . . .
“เทพีบาสท์ เจ้าแห่งแบล็คแพนเธอร์ ข้าได้ทำอะไรลงไป!” ทีชาก้าคุกเข่าลงด้วยความเสียใจ น้ำตาไหลสองสายพรากขณะที่เขาจ้องมองประชาชนที่กำลังจมน้ำ
“ทีชาก้า ช่วยพวกเขาด้วยเถอะ!” ราชินีที่เต็มไปด้วยความทุกข์ใจดึงชุดเกราะของสามีตัวเองและพยายามวิงวอน
“เครื่องบินรบ! เครื่องบินขนส่ง! ทุกอย่างที่บินได้ ให้รีบส่งออกไป! และต้องการเรือด้วย ให้ส่งทุกลำออกไปช่วยชีวิตให้ได้มากที่สุด!” ก่อนที่ทีชาก้าจะทันได้พูดอะไร เจ้าชายเอ็นจาด้าก้า ผู้มีฉายา ‘แบล็คแพนเธอร์ทองคำ’ ก็ออกคำสั่งไปยังหัวหน้ากองทหารหญิง ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน
“ทำตามที่เขาบอก!” ทีชาก้าตะโกนพร้อมสนับสนุนคำสั่งนั้น ทำให้หัวหน้ากองทหารหญิงรีบออกไปถ่ายทอดคำสั่งทันที
ไม่นาน เครื่องบินและเรือจำนวนมหาศาลก็เริ่มเคลื่อนที่ท่ามกลางกระแสน้ำไหลบ่า พร้อมกับการช่วยเหลืออย่างตึงเครียดได้เริ่มต้นขึ้น
อย่างไรก็ตาม น้ำท่วมก็ยังคงเพิ่มระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทุกขณะ ผู้คนในวาคานด้าถูกกระแสน้ำพัดพาไป แม้เครื่องบินและเรือจะเร่งรีบเพียงใด แต่ก็ไม่สามารถช่วยทุกคนได้ ทำให้หลายคนต้องมองดูครอบครัวและเพื่อนของตนถูกน้ำพัดไปจนหายลับไป
เสียงร้องไห้คร่ำครวญดังไปทั่ววาคานด้า น้ำตาของประชาชนหลั่งไหลปะปนไปกับสายน้ำที่ไม่รู้จะสิ้นสุดเมื่อใด
แม้ผู้คนจะอ้อนวอนเทพเจ้าที่พวกเขานับถือ แต่ก็ไร้ซึ่งการตอบสนอง เทพีบาสท์ที่เคยช่วยวาคานด้าพ้นจากอันตรายหลายครั้ง กลับไร้วี่แววในครั้งนี้
ตอนนี้วาคานด้ากำลังเผชิญความสิ้นหวัง!
ทันใดนั้นเองวัตถุโลหะมากมายที่ผู้คนไม่เคยสังเกตมาก่อนก็เริ่มลอยขึ้นมาจากน้ำ สิ่งของเหล่านี้เป็นของใช้ในชีวิตประจำวันของพวกเขา เช่น หม้อ กระทะ มีด สิ่ว ขวาน เลื่อย และแม้แต่ช้อนหรือกระดุม ทุกสิ่งที่เป็นโลหะล้วนลอยขึ้นมาจากน้ำ
ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นานวัตถุเหล่านี้จะรวมตัวและเปลี่ยนรูปร่างในน้ำ กลายเป็นตาข่ายขนาดใหญ่ที่คลุมไปทั่ววาคานด้า ก่อนที่ตาข่ายนี้จะค่อย ๆ ลอยขึ้นสู่ผิวน้ำ
แม้น้ำจะไหลทะลุตาข่าย แต่ประชาชนกลับถูกช่วยขึ้นมาได้ ตาข่ายค่อย ๆ ยกผู้คนให้ขึ้นมาหายใจเหนือผิวน้ำอีกครั้ง
ทันใดนั้นผู้ที่เกือบจมน้ำก็รีบสูดอากาศเข้าปอดอย่างกระหาย ส่วนผู้ที่หมดสติก็ถูกช่วยโดยคนรอบข้าง
“ทีชาก้า ดูสิ! เทพีบาสท์ปรากฏตัวแล้ว!” ราชินีร้องอย่างดีใจขณะเขย่าแขนของสามีให้ดูสิ่งที่เกิดขึ้น
ทีชาก้าเงยหน้าขึ้นมองตาข่ายโลหะขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่เหนือน้ำ ดวงตาเต็มไปด้วยความซับซ้อน ก่อนจะพึมพำเบา ๆ กับตัวเอง “นั่นไม่ใช่เทพีบาสท์ . . . นั่นคือเอริค”
. . .
หลังจากช่วยประชาชนวาคานด้าไว้ได้ เอริคก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะหันไปมองเกราะพลังงานที่เหลืออยู่
เกราะพลังงานดั้งเดิมของวาคานด้านั้นสร้างจากพลังงานบริสุทธิ์ ซึ่งมีข้อได้เปรียบในด้านความแข็งแกร่งและการดูแลรักษาแบบเรียบง่าย แต่ก็มีข้อเสียคือต้องใช้พลังงานมหาศาล
เมื่อเจอกับการโจมตีทั่วไป เกราะจะสามารถดูดซับพลังงานจากการโจมตีได้อย่างไม่ยากเย็น แต่เมื่อเจอการโจมตีที่เข้มข้น เช่น น้ำท่วมของนามอร์ที่ทุกโมเลกุลน้ำล้วนพุ่งชนเกราะโดยตรง การใช้พลังงานจะเพิ่มขึ้นแบบมหาศาล
การโจมตีครั้งนี้หนาแน่นยิ่งกว่ากองทัพของธานอสหลายเท่า! และผลลัพธ์ก็คือการพ่ายแพ้ของเกราะพลังงาน
ดังนั้นเอริคจึงวางแผนที่จะเสริมความแข็งแกร่งให้เกราะพลังงานโดยเปลี่ยนให้มีลักษณะคล้ายกับเกราะแม่เหล็กของเขา
ด้วยเหตุนี้เองเอริคจึงเริ่มดึงพลังงานจำนวนมากจากแหล่งไวเบรเนียมเพื่อชดเชยพลังที่เสียไปตอนที่ช่วยชีวิตชาววาคานด้า
จากนั้นอนุภาคโลหะเล็ก ๆ จำนวนมหาศาลก็ลอยขึ้นจากสายแร่ไวเบรเนียม รวมตัวกันกลางอากาศกลายเป็นแม่น้ำแสงสีน้ำเงินที่สวยงาม
แม่น้ำแห่งไวเบรเนียมนี้พุ่งออกจากเหมืองใต้ดินและแผ่ขยายออกไปทุกทิศทาง
. . .
บนตาข่ายโลหะ ผู้คนในวาคานด้าที่เพิ่งผ่านพ้นจากความหวาดกลัวสู่ความปิติยินดีที่รอดชีวิต พวกเขานั่งอยู่บนตาข่ายขอบคุณเทพเจ้าที่พวกเขานับถือด้วยหัวใจเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ
ทันใดนั้นเองชาววาคานด้าก็เริ่มสังเกตเห็นว่าเหนือศีรษะของพวกเขามีแม่น้ำแสงสีน้ำเงินยาวหลายสายปรากฏขึ้น แม่น้ำเหล่านี้เคลื่อนไหวเหมือนมังกรยักษ์ที่กำลังแหวกว่ายในอากาศ เผยให้เห็นคมเขี้ยวและกรงเล็บที่ดูทรงพลัง ก่อนจะมุ่งหน้าสู่เกราะพลังงานเดิมและกระจายตัวออกไปโดยรอบอย่างรวดเร็ว
อนุภาคไวเบรเนียมขนาดจิ๋วถูกจัดเรียงในตำแหน่งเฉพาะ และเชื่อมต่อกันด้วยสนามแม่เหล็กที่ซับซ้อน ทำให้อนุภาคไวเบรเนียมทั้งหมดเชื่อมโยงกันจนกลายเป็นหนึ่งเดียวก่อให้เกิดเกราะแม่เหล็กขนาดมหึมาที่ครอบคลุมวาคานด้าแทนที่เกราะพลังงานเดิม
“ต่อไปก็เปิดเกราะพลังงานอีกครั้ง!” เอริคปลดปล่อยพลังงานที่เหลือทั้งหมดเข้าสู่เกราะพลังงาน ทันใดนั้นเกราะบางใสราวกับเปลวเทียนที่สั่นไหวท่ามกลางสายลมก็ปรากฎขึ้นอีกครั้ง ซึ่งมันน่าจะเพียงพอที่จะยื้อเวลาเอาไว้ได้
เพราะตอนนี้เกราะแม่เหล็กได้เข้ามาครอบคลุมเกราะพลังงานเอาไว้ทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นภายใต้การทำงานร่วมกันของพลังงานและไวเบรเนียม เกราะป้องกันที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าจึงถูกสร้างขึ้น
น้ำท่วมถูกสกัดไว้ภายนอกเกราะอีกครั้ง แม้ภายในวาคานด้าจะกลายเป็นทะเลกว้างใหญ่ แต่กระแสน้ำจากโลกภายนอกก็ไม่สามารถซัดเข้ามาได้อีกต่อไป
เมื่อความอยู่รอดได้รับการรับประกัน ชาววาคานด้าที่เต็มไปด้วยความคับแค้นใจก็เริ่มออกมาแสดงตัว ผู้คนจำนวนมากพร้อมทั้งเครื่องบินรบและเรือเดินทางออกไปเพื่อตามล่าตัวนามอร์ผู้ก่อเหตุร้ายในครั้งนี้
เอริคใช้พลังจิตของเขาครอบคลุมทั่วทั้งวาคานด้าผ่านระบบควบคุมกลาง ทำให้เขารับรู้ถึงทุกซอกทุกมุมของอาณาจักรนี้
แต่เขาก็ไม่พบนามอร์! ดังนั้นเอริคจึงขยายพลังการรับรู้ของเขาออกไปไกลเกินกว่าขอบเขตของวาคานด้า และในที่สุดเขาก็พบ นามอร์ ที่ก้นแม่น้ำแห่งหนึ่ง
ถ้าถามว่าเขาจะจับตัวนามอร์ได้อย่างไร? แน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องโจมตีโดยตรง แต่ใช้วิธีการโจมตีแบบเงียบเชียบแทน!
อนุภาคไวเบรเนียมขนาดเล็กจำนวนมากเริ่มไหลย้อนขึ้นไปตามแม่น้ำ และเมื่อเข้าใกล้นามอร์พวกมันก็แทรกตัวลงไปในดินใต้เท้าของเขา และซุ่มรออยู่อย่างเงียบ ๆ
“จัดการซะ!” เอริคซึ่งอยู่ไกลออกไปในศูนย์ควบคุมวาคานด้า ยื่นมือออกมาตรงหน้าและกำแน่นทันที
ทันใดนั้นอนุภาคไวเบรเนียมใต้เท้าของนามอร์พุ่งขึ้นมารวมตัวกลางอากาศ กลายเป็นเกราะไวเบรเนียมและสวมใส่ให้กับเขาโดยไม่ทันตั้งตัว
นามอร์ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะถูกโจมตีมาจากใต้เท้า เพราะเขากำลังใช้พลังควบคุมน้ำทะเลอย่างสุดกำลัง แต่ในพริบตาเขาก็ถูกจับในเกราะโลหะที่ดูอัปลักษณ์ ดังนั้นตอนนี้เขาจึงทั้งตกใจและโกรธจัด และพยายามฉีกมันออกด้วยแขนทั้งสองข้าง
แต่ไวเบรเนียมมันง่ายต่อการฉีกขาดเสียเมื่อไหร่จริงไหม?
เอริคควบคุมเกราะไวเบรเนียมให้รัดแน่นขึ้น จนทำให้นามอร์เจ็บปวดและสูญเสียการควบคุมน้ำทะเลไป
ที่พรมแดนวาคานด้า น้ำท่วมที่เคยโหมกระหน่ำและพันอยู่รอบเกราะป้องกันพลันพังทลายลงทันที สายน้ำไหลบ่ากระจายออกไปทุกทิศทาง กลายเป็นสายธารที่หล่อเลี้ยงพืชพรรณ
ขณะเดียวกัน เกราะแม่เหล็กใหม่ก็ยังคงกั้นน้ำภายในไม่ให้ทะลักออกไป เอริคจึงรีบคลายการควบคุม ส่งน้ำที่อันแน่นอยู่ภายในให้ไหลลงสู่ที่ต่ำ พร้อมกับตาข่ายโลหะขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่ในอากาศก็สลายตัว หลังจากพาผู้คนลงสู่พื้นอย่างปลอดภัย
ภัยน้ำท่วมในวาคานด้าได้จบลงแล้ว!
เอริคถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ก่อนจะยกมือขึ้นและโบกไปบนฟ้า ทำให้นามอร์ที่ถูกเกราะไวเบรเนียมรัดจนขยับไม่ได้ ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าและถูกพาไปยังพระราชวังของวาคานด้าอย่างรวดเร็ว
โปรดติดตามตอนต่อไป …