94 - ไม่รับไม่ได้!
94 - ไม่รับไม่ได้!
จูจวินกำลังตั้งใจเรียนหนังสือกับหลี่ว่านชิว
ศิษย์พี่ผู้มีนิสัยชอบหาเรื่องช่างชำนาญในสี่ตำราและห้าคัมภีร์ ช่วงกลางวันนางจะออกไปช่วยเหลือผู้ลี้ภัย และเมื่อจูจวินกลับจากการเรียน นางก็ยังต้องช่วยเขาทบทวนบทเรียนอีกครึ่งชั่วยาม
“เจ้าหมาโง่ออกไปดูสิ ใครมันร้องโหยหวนเหมือนหมูโดนเชือดนอกบ้าน มันรบกวนสมาธิหมด!” จูจวินกล่าว
“ใครใช้ให้เจ้าทำเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนหนังสือ?” หลี่ว่านชิวหยิบไม้เรียวเดินมาหาจูจวินพร้อมกับขมวดคิ้ว “แบมือออกมา!”
จูจวินพูดอย่างจนใจ “ศิษย์พี่ ข้าก็ทำเพื่อจะได้เรียนหนังสือให้มีประสิทธิภาพขึ้น!”
“หยุดพูด แบมือมา!”
จูจวินไม่อยากต่อล้อต่อเถียง เพราะหากเริ่มเถียงแล้ว จะไม่มีที่สิ้นสุด จึงยอมแบมือออกมา
เพี๊ยะ!
หลี่ว่านชิวตีมือลงไปหนึ่งครั้ง ในใจนางรู้สึกถึงชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ เมื่อมองจูจวินที่นั่งเงียบเหมือนเด็กดี นางรู้สึกพึงพอใจอย่างบอกไม่ถูก
“หมอนี่พอไม่หาเรื่องข้า ก็ดูเป็นคนดีใช้ได้!”
ไม่นานนัก ซวินปู้ซานเดินเข้ามา “ท่านอ๋อง เสิ่นต้าเป่ามา แต่ถูกพระชายาตีแล้ว!”
“อะไรนะ? เสิ่นต้าเป่าไปทำอะไรให้นาง?”
“เปล่าเลย พระชายาแค่ไม่ให้เขาพบท่าน เลยตีเขา!”
“เฮ้ย ผู้หญิงคนนี้ คิดว่าตัวเองเป็นแม่บ้านใหญ่หรือไร เห็นใครก็ห้ามไปหมด มีเวลาก็ไม่รู้จักพักผ่อน!”
พูดจบ จูจวินวางหนังสือลงแล้วพุ่งออกไปทันที
ด้านหลังหลี่ว่านชิวตะโกนอย่างโมโห “เจ้ากลับมาเดี๋ยวนี้ นั่งลง...”
ไม่นานนัก จูจวินก็ออกมาถึงข้างนอก และเห็นเสิ่นต้าเป่านอนร้องโอดครวญอยู่บนพื้น
“ต้าเป่า เจ้าเป็นอะไรไป?”
“ท่านหก ท่านมาเสียที!” เสิ่นต้าเป่ารู้แล้วว่าใครเป็นคนตีเขา เมื่อเห็นจูจวินมา เขาจึงบ่นด้วยความน้อยใจ
จูจวินเดินเข้าไปพยุงเขาขึ้น ก่อนหันไปมองสวีเมี่ยวจิ่นด้วยสายตาเย็นชา “นี่คือพี่น้องของข้า ใครอนุญาตให้เจ้าลงมือ?”
“พี่น้อง? เขามันตัวปัญหา หากเจ้าคบกับเขา เจ้าก็อย่าหวังจะก้าวหน้าในชีวิต!” สวีเมี่ยวจิ่นกล่าว “ฟังข้าเถอะ เลิกยุ่งกับเขาเสีย!”
เสิ่นต้าเป่าถึงกับตกใจ “ท่านหก...”
จูจวินยกมือห้ามไม่ให้เสิ่นต้าเป่าพูด “ข้าคบใคร จะก้าวหน้าหรือไม่ มันไม่เกี่ยวกับเจ้า นิสัยชอบแก้ปัญหาด้วยกำลังของเจ้านี่ ถ้าไม่เปลี่ยน ต่อให้เจ้าได้แต่งเข้าตำหนักอู่อ๋อง ข้าก็จะไม่แตะต้องเจ้าแม้แต่ปลายเล็บ
ใครสอนให้เจ้ามีนิสัยเช่นนี้?”
พูดจบ เขาหันไปบอกกับทุกคนในตำหนัก “ต่อไปห้ามให้ผู้หญิงคนนี้เข้าตำหนักอีก หากใครให้เข้ามา เจ้าคนนั้นก็เตรียมตัวถูกไล่ออกไปด้วย!”
ใบหน้าของสวีเมี่ยวจิ่นซีดเผือด นางไม่คิดว่าจูจวินจะพูดจาโหดร้ายได้ถึงเพียงนี้ “ข้าจะไปบอกฝ่าบาทและฮองเฮา...”
“ไปเถอะ เจ้าไปได้เลย หรือพวกเขาจะกล้าฆ่าลูกชายของพวกเขา? ลูกชายอย่างข้ามีคนเดียว แต่ลูกสะใภ้หาได้หลายคน เจ้าสำคัญตัวผิดแล้ว!”
พูดจบ จูจวินก็พาเสิ่นต้าเป่าเข้าไปในตำหนัก
ในขณะนั้น สวีเมี่ยวจิ่นรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวตลก ทุกสายตาที่มองมายังนางก็เหมือนกำลังเย้ยหยัน
ถึงแม้ว่านางจะเป็นคนที่จิตใจเข้มแข็ง แต่ในลมหายใจนั้นก็ไม่อาจอดทนไหว น้ำตาของนางไหลรินออกมา
“เจ้าบ้าจู ข้าหวังดีแต่เจ้ากลับมองว่าข้าร้าย เจ้าเสียใจทีหลังแน่!”
สวีเมี่ยวจิ่นร้องไห้และวิ่งหนีไป
“ท่านหก ข้าขอโทษที่ข้ามาผิดเวลา...” เสิ่นต้าเป่าพูดด้วยความเก้อเขิน
“เจ้าก็รู้นี่ว่าข้าไม่มีความรู้สึกอะไรกับนาง อย่าได้สนใจเลย!” จูจวินส่ายหน้า “ว่าแต่เจ้าล่ะ ยังไม่หายดี ทำไมถึงออกมานอกบ้าน?”
เมื่อได้ยินดังนั้น เสิ่นต้าเป่ากลับรู้สึกยินดีในใจ หากจูจวินไม่มีความรู้สึกกับนาง เช่นนั้นโอกาสของตงเอ๋อคงมาถึงแล้ว!
แต่เขาก็รู้ว่าสวีเมี่ยวจิ่นมีตระกูลคอยหนุนหลังซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะล่วงเกินได้
“ก็ข้าคิดถึงท่านมาก เลยมา!” เสิ่นต้าเป่ากล่าวขณะมองดูตำหนักอู่อ๋อง ซึ่งตอนนี้ได้รับการซ่อมแซมจนดูมีสง่าราศี แม้จะไม่ได้หรูหราอลังการ แต่ก็ดูเหมาะสมกับตำหนักอ๋อง
ช่วงนี้เขาได้ยินข่าวคราวมากมาย เมืองอิงเทียนดูเหมือนจะเต็มไปด้วยเล่ห์กล บิดาของเขาเองก็เตือนให้เขาวางตัวอย่างระมัดระวัง
“คืนนี้อย่ากลับเลย มากินข้าวที่นี่ด้วยกันเถอะ”
ขณะที่กำลังพูดอยู่ ซวินปู้ซานก็วิ่งเข้ามาอีกครั้ง “ท่านอ๋อง จิ้นอ๋องส่งคนนำเงินหมื่นตำลึงมา!”
“เก็บเข้าคลังตำหนักไป” จูจวินโบกมือกล่าว
เสิ่นต้าเป่ามองด้วยความสงสัย จูจวินอธิบาย “เจ้าคิดว่าข้าจะเลี้ยงผู้ลี้ภัยจำนวนมากนี้ได้อย่างไร เงินพวกนี้ล้วนมาจากพี่ชายข้าสนับสนุน เจ้าก็รู้ ข้าเก็บเงินไม่อยู่เลย”
เสิ่นต้าเป่าไม่ได้สงสัยอะไร ดึงมือจูจวินมา “ท่านหก ไม่ต้องห่วง หลังจากนี้ ค่าใช้จ่ายของท่านให้บ้านข้าดูแลเอง
ขอเงินจากคนอื่นตลอดมันดูไม่ดี อีกทั้งยังทำให้ถูกหัวเราะเยาะ!
เลี้ยงผู้ลี้ภัยไม่กี่คน เรื่องแค่นี้เอง พรุ่งนี้ข้าจะให้คนส่งเงินแสนตำลึงมาให้!”
จูจวินยิ้มจนหุบไม่อยู่ หากไม่ใช่เพราะพี่รองส่งเงินมา เขายังไม่รู้จะอธิบายกับเสิ่นต้าเป่าอย่างไรดี
เพราะร้านขายหวยเพิ่งเปิดไม่กี่วัน แต่การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยนั้นทำมานานแล้ว
อีกทั้งเงินของตระกูลเสิ่นก็ถูกมอบให้กับ “จูตี้” ไปหมดแล้ว
“ข้ารับเงินเจ้ามาเปล่าๆ ไม่ได้ ตระกูลเจ้าเพิ่งเผชิญปัญหา ต้องการเงินมากกว่าข้าเสียอีก พี่สี่ของข้าก็เพิ่งส่งเงินหนึ่งหมื่นห้าพันตำลึงมา
อีกอย่าง ข้าเพิ่งขายหุ้นร้านหวยไปได้สิบกว่าหมื่นตำลึง เพียงพอสำหรับสองสามเดือน” จูจวินกล่าว
“ท่านหกช่างยอดเยี่ยม เล่นไปเล่นมากลายเป็นเรื่องทำเงินใหญ่โตได้ ร้านหวยนั้นเป็นเหมืองทองทีเดียว ฟังข้านะ เก็บร้านไว้เองเถอะ” เสิ่นต้าเป่าพูด ส่วนหนึ่งเขารีบมาวันนี้ก็เพราะเรื่องนี้เช่นกัน
“เก็บไว้ไม่สนุกแล้ว ตอนนี้ราคาหุ้นพุ่งถึงหนึ่งหมื่นตำลึงต่อหุ้น ข้ายังมีหุ้นในมือกว่าสี่สิบหุ้น ขายได้มากกว่าสี่แสนตำลึง!”
เสิ่นต้าเป่าถึงกับตกตะลึง
จากคนที่เคยถูกมองว่าเป็นบ้า วันนี้กลับสร้างธุรกิจที่ทำเงินถึงหลักแสนตำลึงได้
บิดาของเขาเองยังกล่าวว่า จูจวินอาจเป็นอัจฉริยะในแบบที่แปลกแหวกแนว
แม้โชคจะมีส่วนช่วย แต่การเล่นพนันจนกลายเป็นเรื่องทำเงินแบบนี้ เขานับว่าเป็นคนแรกที่ทำได้
หากให้ตระกูลเสิ่นมาบริหาร ธุรกิจนี้อาจทำกำไรปีละเจ็ดถึงแปดแสนตำลึง
“ท่านหก ข้าคิดว่าแบบนี้ดีกว่า ให้ตระกูลข้าดูแลธุรกิจนี้ เงินสี่แสนตำลึง ข้าจะทยอยส่งให้ท่านเป็นงวดๆ
ส่วนผลกำไรจากร้านหวย ข้าจะส่งให้ท่านทุกเดือน แต่ละปีท่านจะมีรายได้หลายหมื่นตำลึง!
วิธีนี้ดีกว่าขายทิ้งแบบครั้งเดียวอย่างมาก”
จูจวินจ้องเสิ่นต้าเป่า “เจ้ามั่นใจ?”
“ข้ารับรองด้วยเกียรติของข้า วันนี้ข้ามาพบท่านก็เพราะคำสั่งของบิดาข้า หากท่านหกไม่รังเกียจ ตระกูลเสิ่นยินดีเป็นข้ารับใช้ของท่าน!” เสิ่นต้าเป่ากล่าวพลางคุกเข่าลง
จูจวินถึงกับอึ้ง รีบประคองเขาขึ้นมา “เจ้าทำอะไรน่ะ?”
“ท่านหก บิดาข้ากล่าวไว้ หากท่านไม่ยอมรับ ข้าก็ต้องตัดความสัมพันธ์พ่อลูก และปล่อยให้ข้าตายข้างถนน!” เสิ่นต้าเป่ากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
จูจวินยิ้มขมขื่น ในใจกลับคิดว่า เสิ่นว่านเชียนช่างเป็นคนที่ฉลาดยิ่งนัก คิดจะผูกสัมพันธ์กับเขาเพื่อใช้เป็นร่มเงาคุ้มภัย
แม้จะไม่แน่ใจในความจริงใจ แต่ข้อเสนอนี้ดีกว่าแผนที่เขาคิดไว้เสียอีก!
“เจ้าควรคิดให้ดี การเป็นข้ารับใช้ของข้า หมายถึงอะไร!”
…………..