ตอนที่แล้ว90 - ความจริงเงียบงัน แต่ก้องสะท้อนจนถึงใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป92 - จัดตั้งกลุ่มขุนนางประจำการให้จูจวิน?

91 - รักษาหน้า!


91 - รักษาหน้า!

จูหยวนจางไม่พูดอะไร

เรื่องนี้จึงไม่อาจโทษจูจวินได้

เริ่มต้นจากการเดิมพัน และจบด้วยการเดิมพัน

แต่ซ่งเหลียนเป็นอาจารย์ของไท่จื่อ หากทำให้เขาเสียหน้ามากเกินไป ก็คงไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ

การโจมตีซ่งเหลียน ในระดับหนึ่งก็คือการโจมตีไท่จื่อ

อีกทั้งซ่งเหลียนก็เป็นคนที่แพ้ได้และยอมรับได้

เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงกล่าวว่า "เอาล่ะจิ้งเหลียน เรื่องนี้จบไปเถอะ ข้าก็แค่ต้องการให้เจ้าหกก้าวหน้ามาขึ้น

ครั้งนี้เจ้าหกของข้าถือว่าโชคดีไป ทำสิ่งดีๆ ได้จริง

ส่วนการมอบหุ้นของร้านขายหวยให้หลานชายคนโตของข้า ก็เพราะรักหลานมากเกินไป

คนอื่นๆ ก็อย่าได้จับจ้องประเด็นนี้อีกเลย เรื่องของเจ้าหกครั้งนี้ ถือเป็นกรณีพิเศษ ทุกเหตุและผลได้แสดงชัดเจนแล้ว

ใครยังอยากโวยวายอีก ข้าก็จะให้พวกผู้ลี้ภัยในบ้านเจ้าหกไปอยู่บ้านเขาหมด!”

ขุนนางคนอื่นๆ ได้แต่ขมขื่นอยู่เต็มปาก หลิวจี้เองก็รู้ว่าเรื่องนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

เมื่อถูกหลี่เอี้ยนซีขัดจังหวะ เรื่องที่เจ้าบ้าจูไม่เพียงพ้นผิด แต่กลับได้รับความดีความชอบเสียอีก

คำพูดของฮ่องเต้ที่ว่า "กรณีพิเศษ" ทำให้ใครก็ตามที่กล้าพูดอีกต้องรอรับผลลัพธ์ที่ตามมา

จางหลงกับอีกไม่กี่คนซุบซิบกัน “นี่มันจะทำอย่างไรกันดี?”

ถังเซิ่งส่ายหน้า “ไม่รู้เลย ถ้าไม่ทำตามคำของคนลึกลับ จะเกิดปัญหาหรือไม่?”

เฉินเหิงกัดฟันกล่าวว่า “เมื่อถึงจุดนี้แล้ว ยังจะฟ้องร้องอะไรอีก? หากยังฟ้องร้องไม่ทันคนลึกลับลงมือ คนข้างบนจะจัดการพวกข้าก่อน!”

ทั้งหกคนกระซิบกันสองสามคำ และต่างตกลงกันเงียบๆ ที่จะปิดปาก

“อาหก สุดยอดเลย ไม่มีเรื่องแล้ว!” จูอิงสงจับมือจูจวินอย่างตื่นเต้น

จูจวินถึงกับมึนงง นี่อะไรกัน? เรื่องใหญ่ขนาดนี้ กลับเงียบไปง่ายๆ?

พวกเขาไม่คิดเองบ้างหรือ?

ฟ้องต่อสิ! ไม่ฟ้องจนถึงที่สุด เขาจะได้ออกจากเมืองหลวงอย่างไร?

“พระบิดาเรื่องนี้จะให้ผ่านไปง่ายๆ ไม่ได้ กระหม่อมยอมรับไม่ได้ หากอยู่ในเมืองหลวงต่อไปก็ไม่ไหวแล้ว โปรดให้กระหม่อมไปปกครองพื้นที่อื่นเถิด...”

“เจ้าหุบปาก! ถ้าพูดอีก ข้าจะเย็บปากเจ้าด้วยเข็ม!” เมื่อจูจวินทำตัวเกินไป ฮ่องเต้จึงโกรธเกรี้ยว

จูซินปลอบโยน “พี่หก สงบสติอารมณ์เถิด!”

จูตี้ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก “น้องหก ฟังพี่สี่เถิด อย่าส่งเสียงไปเลย มีพี่สี่อยู่ ไม่มีใครกล้าแตะต้องเจ้า!”

จูกังกล่าวว่า “ถึงจะต้องให้เจ้าไปปกครองที่อื่น ก็ไม่อาจให้เจ้าไปสถานที่ที่แร้นแค้นอย่างเว่ยไห่เว่ย จะต้องไปดินแดนที่มั่งคั่งทางใต้เท่านั้น!”

จูจวินได้แต่ทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก

มองดูแต่ละคน ล้วนเป็นอุปสรรคในการไปยังพื้นที่ปกครองใหม่ของเขา!

จูเติ้งและจูถังสองคนตบมืออย่างโล่งอกพร้อมกัน “เงินของข้าปลอดภัยแล้ว!”

เจ้าหนูน้อยพูดเบาๆ กับจูจวินว่า “อาหก ข้าเข้ามาเป็นคนที่สาม จะขายหุ้นให้ข้าในราคาถูกได้ไหม?”

จูจวินตอนนี้ไม่มีอารมณ์ คิดแต่กังวล

เขาหยิกแก้มอ้วนของเจ้าหนูอย่างหงุดหงิด “เอาเถอะ ให้เจ้าหมดเลย น่ารำคาญ!”

ในขณะนี้ ซ่งเหลียนได้แต่ส่ายหน้าไม่หยุด เขาหันไปหาจูหยวนจางกล่าวว่า “ฝ่าบาท แพ้ก็คือแพ้ กระหม่อมยอมรับได้

เพียงแต่จากนี้ไป กระหม่อมคงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะสอนในตำหนักใหญ่ได้อีกแล้ว”

เขาถอดหมวกขุนนางของตน วางลงบนพื้น ก่อนจะเดินเร็วๆ ไปทางจูจวิน

มองดูชายหนุ่มที่หน้าตาคล้ายจูหยวนจางตอนหนุ่มอยู่หกส่วน เขาก้มศีรษะได้กล่าวว่า “ซ่งเหลียนขอคำนับอู่อ๋อง จากนี้ไป ขอร่วมเรียนรู้ ‘ทักษะเล่นสนุก’ จากอู่อ๋องทุกวัน!”

ทุกคนต่างตกใจกับการกระทำของซ่งเหลียน

ชายผู้มีชื่อเสียงซึ่งได้รับการขนานนามว่าปราชญ์แห่งแผ่นดิน แม้แต่เฉินฮั่นและต้าโจวก็เคยส่งคำเชิญมา กลับคำนับองค์ชายบ้าที่นี่ หากเรื่องนี้แพร่ไป แน่นอนว่าจะต้องทำให้ทุกคนตกตะลึง

“พี่จิ้งเหลียน ทำไมถึงต้องทำถึงขนาดนี้?” เว่ยกวนและคนอื่นๆ ได้แต่ส่ายหน้า

เมื่อเห็นจูจวินไม่พูดอะไร ซ่งเหลียนจึงลุกขึ้น คำนับอีกครั้ง “หวังว่าอู่อ๋องจะรับกระหม่อมเป็นศิษย์”

เพียงแต่ครั้งนี้ เขายังไม่ได้คำนับลงไป ก็ถูกมือที่แข็งแรงช่วยพยุงขึ้นมา

ซ่งเหลียนเงยหน้าขึ้น มองจูจวินด้วยความไม่เข้าใจ

จูจวินกล่าว “พอได้แล้ว การเดิมพันครั้งนี้ที่แท้ก็เพราะท่านไม่พอใจข้า มองข้าไม่ดี

ข้ารู้ว่าที่ผ่านมาข้าไม่ค่อยก้าวหน้า สมองก็ทึบ เรียนรู้อะไรก็ไม่เข้าใจ

แต่อาจารย์หลี่กล่าวไว้ว่า ‘นกโง่ต้องบินก่อน’ อีกทั้งในงานสามร้อยหกสิบอาชีพ ก็ล้วนมีคนเก่งที่สุดในสายงานนั้นๆ

เปรียบเสมือนนักร้องจากวังหมื่นบุปผา คนที่โด่งดังที่สุด ไม่ใช่หรือที่เก่งที่สุดหรือ?

ขุนนางที่ถูกจดจำในประวัติศาสตร์มากที่สุดไม่ใช่ขุนนางผู้เก่งกาจ แต่กลับเป็นขุนนางกังฉินผู้ชั่วช้า

ตัวอย่างเช่นข้า เมื่อเล่นจนถึงขีดสุด ก็สามารถเล่นจนสร้างเส้นทางของตัวเองขึ้นมาได้”

จูจวินกล่าวต่อ “แต่ท่านก็แก่เกินไปแล้ว อย่าว่าแต่จะเรียนรู้ ‘เล่น’ กับข้าเลย แม้แต่จะเล่นกับสตรี ท่านก็อาจไม่มีเรี่ยวแรงเพียงพอ

แต่มีสิ่งหนึ่งที่ท่านทำได้ดีมาก อาจารย์ของข้ากล่าวว่าความรู้ของท่านแม้แต่เขาก็ต้องนับถือ

ในสำนักกว๋อจื่อเจียน ข้าเรียกท่านว่าอาจารย์ ดังนั้นท่านก็คืออาจารย์ของข้า

หนึ่งวันเป็นอาจารย์ ตลอดชีวิตก็คืออาจารย์

คำพูดของคนโบราณว่าไว้ ยิ่งอภิปรายก็ยิ่งกระจ่างชัด ยิ่งพูดก็ยิ่งเข้าใจ

ในยุคโบราณ บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายก็นั่งถกกันถึงความจริงที่พวกเขาเชื่อในใจ

ดวงจันทร์เต็มดวงในใจ สองริมฝีปากเปล่งความจริง

วันนี้ข้าชนะในด้านที่ตัวเองถนัด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าข้าเก่งกว่าท่านในด้านอื่น

ดังนั้น อาจารย์ซ่ง โปรดอย่าได้คิดมากอีกเลย!”

จูจวินถอยไปหนึ่งก้าว คำนับลงพื้นอย่างยาวนาน “อาจารย์ซ่ง ศิษย์กระทำการล่วงเกิน โปรดอย่าเก็บไว้ในใจ

หากท่านยินดี ก็สามารถร่วมอภิปรายกับข้าเกี่ยวกับ ‘การเล่นเพื่อการงาน’ ได้!”

พูดจบ เขาไม่สนใจสีหน้าตกตะลึงของคนรอบข้าง เดินไปหยิบหมวกขุนนางของซ่งเหลียนขึ้นมา แล้วสวมลงบนศีรษะของซ่งเหลียน

เขาจัดเสื้อผ้าของซ่งเหลียนให้เรียบร้อยอย่างระมัดระวัง “อ้อ อาจารย์ซ่งอายุมากแล้ว แต่ยังดูหล่อเหลาอยู่เลย!”

ปุ!

ฮ่า ฮ่า ฮ่า!

จูหยวนจางหัวเราะลั่น

หลี่เอี้ยนซียิ่งหัวเราะอย่างเปิดเผย

เสียงหัวเราะนี้แพร่กระจายออกไป ทำให้หลายคนหัวเราะตาม

เว่ยกวนและคนอื่นๆ มองหน้ากัน ก่อนถอนหายใจโล่งอก

ไม่มีใครคาดคิดว่าเจ้าบ้าจูจะทำเช่นนี้

“พี่อวี่อันช่างยอดเยี่ยมนัด!” กุ้ยเอี้ยนเหลียงถอนหายใจกล่าว

“การที่สอนอู่อ๋องจนถึงขั้นนี้ได้ ไม่ธรรมดาจริงๆ!” เว่ยกวนก็ยอมรับด้วยความจริงใจ!

จูตี้เองก็รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง ดูเหมือนว่าเจ้าหกจะได้เรียนรู้อะไรมากมายจากหลี่เอี้ยนซี ในอนาคตเขาก็ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้ว

ซ่งเหลียนมองจูจวิน ในช่วงเวลานั้น ความโกรธและการดูถูกทั้งหมดมลายหายไป

เหลือเพียงความละอายใจ “อู่อ๋อง ข้า……”

เขาหันไปมองหลี่เอี้ยนซี เห็นเพียงแววตาอันสงบนิ่ง และรอยยิ้มอ่อนๆ ที่มุมปาก เขาก็รู้ว่าตนเองแพ้แล้ว แพ้อย่างสิ้นเชิง!

“พี่อวี่อันเป็นผู้มีความสามารถ ข้าไม่อาจเทียบได้!” ซ่งเหลียนกล่าว พร้อมคุกเข่าลงมองจูหยวนจาง “ฝ่าบาท อู่อ๋องทรงพาณิชย์ก็เพราะกระหม่อม ครั้งก่อนกระหม่อมคับแคบเกินไปจึงเกิดเรื่องนี้

อู่อ๋องทรงจิตใจบริสุทธิ์ มุ่งมั่นเพื่อราษฎร ไม่ควรถูกลงโทษ ควรได้รับการสรรเสริญมากกว่า!”

ท่าทีของซ่งเหลียนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน จนหลายคนไม่ทันได้ตอบสนอง

จูหยวนจางหยุดหัวเราะ กล่าว “ต้องให้รางวัล แบบนี้ละกัน เดือนหน้าเจ้าหกของข้าจะถึงวัยบรรลุนิติภาวะ เจ้าก็ช่วยสวมหมวกให้เขาสักหนึ่งครั้งเถอะ ถือว่าให้กำลังใจเขาสักนิด!”

พิธีบรรลุนิติภาวะจะต้องมีการเปลี่ยนหมวกสามครั้ง โดยแต่ละครั้งต้องเปลี่ยนหมวกที่แตกต่างกัน

“กระหม่อมยินดี!” ซ่งเหลียนคำนับ

จูหยวนจางรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก แต่ก่อนจูจวินทำให้เขาอับอายเสมอ

แต่วันนี้ เขากลับทำให้เขาภูมิใจอย่างมาก

เขารู้สึกยินดี ถามว่า “เจ้าหก เจ้าว่ามา อยากได้รางวัลอะไร!”

…………..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด