ตอนที่ 55 เจาะทวีปแอฟริกา!
ตอนที่ 55 เจาะทวีปแอฟริกา!
ทำยังไงดี? จะให้ทำอะไรได้อีกเล่า? ก็ต้องลงไปใต้ดินแล้วช่วยนามอร์ขึ้นมายังไงล่ะ! ในขณะที่เอริคกำลังจะพูดประโยคนี้ออกมา แต่เมื่อมองเห็นแววตาอำมหิตของทีชาก้าเขาก็ชะงักไปทันที
ว๊า! ดูเหมือนว่าทีชาก้าจะวางแผนฆ่านามอร์ซะมากกว่าช่วยนะเนี้ย? แต่เมื่อลองคิดดูดี ๆ แล้วการฆ่าคนมันก็ง่ายกว่าการช่วยชีวิตตั้งเยอะ ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถของนามอร์ก็ดูจะเป็นศัตรูโดยตรงกับวาคานด้า ดังนั้นทำไมถึงจะต้องช่วยเขา? ช่วยขึ้นมาแล้วปล่อยให้กองกำลังอื่นมาจับอีกที แล้วหันมาทำร้ายวาคานด้าอีกอย่างนั้นเหรอ?
ทีชาก้าคือกษัตริย์แห่งวาคานด้า! กษัตรริย์ที่แม้แต่น้องชายตัวเองก็ยังฆ่าได้!
“ท่านทีชาก้า ผมต้องเตือนท่านก่อนว่า นามอร์คือราชาแห่งแอตแลนติส! พลังของแอตแลนติสไม่ได้ด้อยไปกว่าวาคานด้าเลย!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเอริค แววอำมหิตในดวงตาของทีชาก้าก็เริ่มจางลงเล็กน้อย แต่เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ได้ล้มเลิกแผนการเดิม
เอริคส่ายหัวเบา ๆ และไม่พูดอะไรอีก แต่ในใจเขาตัดสินใจแล้วว่าจะต้องระวังไม่ให้ทีชาก้าฆ่านามอร์
“ท่านทีชาก้า ผมต้องการไวเบรเนียม ไวเบรเนียมเยอะมาก!”
. . .
ด้วยความช่วยเหลือของทีชาก้า ไวเบรเนียมจำนวนมากก็ถูกนำมากองอยู่เบื้องหน้าเอริค มันเปล่งแสงสีฟ้ารำไรอย่างน่าหลงใหล
เอริคมองโลหะอันน่ารักเหล่านี้พร้อมกับพลังในตัวที่เริ่มจะตื่นตัวขึ้นมา
“ท่านทีชาก้า ก่อนเริ่มผมต้องบอกท่านก่อนว่าผม เอริค แลนเซอร์ จะเป็นมิตรกับวาคานด้าเสมอ!”
ทีชาก้าชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มและตอบว่า “แน่นอน เอริค วาคานด้าก็จะเป็นมิตรกับเจ้าเสมอเช่นกัน”
เอริคพยักหน้ามองทีชาก้าด้วยความลึกซึ้ง ก่อนจะค่อย ๆ ยกมือขึ้น
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทีชาก้า กองไวเบรเนียมเบื้องหน้าก็ค่อย ๆ ลอยขึ้น จากนั้นหลอมละลายกลางอากาศจนรวมตัวกันกลายเป็นลูกบอลทรงกลมขนาดใหญ่
จากนั้นเอริคก็เริ่มปั้นลูกบอลทรงกลมไวเบรเนียมราวกับดินน้ำมัน ทำให้มันค่อย ๆ ยืดและหนาขึ้นจนในที่สุดกลายเป็นวัตถุรูปทรงคล้ายยานอวกาศ
ทันใดนั้นเองความสนิทสนมในดวงตาของทีชาก้าก็ได้จางหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงความกลัวและความเคลือบแคลง
แน่นอนว่าเอริคก็มองเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้เช่นกัน แต่เขาก็ได้แต่ถอนหายใจ จะโทษใครได้ล่ะ? ก็เพราะพลังของเขามันแข็งแกร่งเกินไปแค่นั้นเอง . . .
“แม็กนีโต?” ทีชาก้าถามเบา ๆ ทำให้เอริคชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหัวและตอบว่า “พลังของเราคล้ายกัน แต่แตกต่างกันเล็กน้อย และผมก็แข็งแกร่งกว่าเขา!”
ทีชาก้าเงียบไปอีกครั้ง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ส่วนเอริคก็โบกมือเล็กน้อยเพื่อควบคุมยานไวเบรเนียมที่เพิ่งสร้างเสร็จให้ลอยเข้ามาใกล้ ก่อนจะเปิดช่องว่างออก และกระโดดขึ้นไปบนยานอวกาศ และหันหลังกลับมามองที่ทีชาก้า
ทีชาก้ามองเอริคบนยานด้วยความรู้สึกหลากหลาย วันนี้ถือเป็นวันที่เขารู้สึกเหนื่อยที่สุดตั้งแต่เกิดมาในโลกนี้ การเผชิญหน้ากับคนที่สามารถสั่นคลอนวาคานด้าได้ถึงสองคนติดต่อกัน ทำให้เขารู้สึกหมดเรี่ยวแรง
ไม่สิ อาจจะสามคนก็ได้ ถ้ารวมแม็กนีโตที่อยู่ในยุโรป . . .
“ท่านทีชาก้า ท่านจะไม่ขึ้นมาเหรอ?” เอริคตะโกนถามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่ขยับ
ทีชาก้าสะดุ้ง ก่อนจะรีบเก็บอารมณ์ และก้มหัวลงสวมหน้ากากแบล็คแพนเธอร์ และกระโดดขึ้นยานอย่างคล่องแคล่ว
ภายในยานนั้นดูเรียบง่ายมาก มีเพียงปุ่มเล็ก ๆ บนเพดานที่มีประกายไฟฟ้าส่องแสงวาบเป็นครั้งคราว ทำให้ภายในยานสว่างขึ้น บนพื้นมีที่นั่งสองที่ซึ่งถูกสร้างขึ้นจากไวเบรเนียม ส่วนนอกนั้นไม่มีอะไรเลย
“ท่านทีชาก้า นั่งให้ดี เรากำลังจะออกเดินทางกันแล้ว!” เอริคพูดด้วยสีหน้าตื่นเต้น เขารู้สึกว่านี่คือภารกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขา เขาเชื่อว่าแม็กนีโตในจักรวาลคู่ขนานอื่น ๆ ยังไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนอย่างแน่นอน . . .
ตอนนี้เขากำลังจะเจาะแผ่นดินแอฟริกา!
ท้องฟ้าสูงแค่ไหน? ผืนดินหนาแค่ไหน? ไม่มีใครบอกได้ชัดเจน แต่เอริคมีการคำนวณคร่าว ๆ ว่าความหนาของแผ่นทวีปแอฟริกานั้นประมาณ 100 ไมล์ แน่นอนว่านี่เป็นเพียงส่วนของแผ่นเปลือกโลก ต่อจากนั้นจะเป็นชั้นมหาสมุทรและชั้นแมนเทิลที่มีความลึกถึง 1,800 ไมล์ . . .
100 ไมล์ ซึ่งใช้เวลาเดินทางบนพื้นดินเพียงประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น หรือพอ ๆ กับระยะทางจากพื้นผิวโลกถึงขอบอวกาศ!
เอริคควบคุมยานไวเบรเนียมที่เปลี่ยนเป็นสว่านขนาดยักษ์เจาะมุ่งหน้าลงใต้ดินโดยตรง
ไม่มีหน้าต่างในสว่านหรือยานอวกาศ ดังนั้นทีชาก้าจึงมองไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายนอก เขาได้ยินเพียงเสียงคำรามดังลั่น จนในที่สุดเขาตัดสินใจเคาะหน้ากากแบล็คแพนเธอร์สองครั้งเปิดระบบตัดเสียง และหลับตานิ่งพักสายตา . . .
พลังการดูดซับพลังงานของไวเบรเนียมนั้นแข็งแกร่งจริง ๆ ถึงแม้พวกเขาทั้งสองคนจะอยู่ภายในสว่านขนาดยักษ์ แต่ก็แทบไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิเลย อย่างไรก็ตาม เอริครู้ดีว่าขณะที่พวกเขาเจาะลึกลงไปเรื่อย ๆ อุณหภูมิรอบข้างก็กำลังเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
หลังจากเจาะมานานกว่าสามชั่วโมง อยู่ ๆ ยานไวเบรเนียมก็สั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างรุนแรง ทำให้ทีชาก้าลืมตาขึ้นทันที ก่อนที่เขาจะกระโดดขึ้นยืนและมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง
“ถึงแล้ว!” เอริคพูดด้วยความดีใจ ก่อนจะโบกมือเปิดยานออกและกระโดดออกไป ส่วนทีชาก้าก็ไม่รอช้ารีบกระโดดตามลงไปทันที
. . .
“นี่คือฐานลับใช่ไหม?”
“แน่นอน เรากำลังยืนอยู่บนส่วนบนสุดของฐานลับแห่งนี้!” เอริคหลับตาสัมผัสสภาพโดยรอบ พร้อมกับรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ทันใดนั้นเขาก็ยกเท้าขึ้นกระแทกพื้นแรง ๆ จนเกิดเสียงดัง ‘ปัง!’
“พวกมันสร้างเปลือกเหล็กล้อมตัวเองไว้อย่างมิดชิด น่าสนใจดีนี่!”
ใช่ น่าสนใจมาก ถ้าไม่ใช่เพราะต้องช่วยชีวิตนามอร์ เอริคคงแค่บีบฐานนี้ให้กลายเป็นเศษเหล็กในพริบตา
“ไปกันเถอะครับ!” เอริคเปิดช่องว่างบนเปลือกเหล็กและกระโดดลงไป
ฐานลับแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่มากนัก การที่ไฮดราเลือกตั้งฐานลับในที่แบบนี้ก็ถือว่าไม่ง่ายเลย เพราะการขนส่งเสบียงมาที่นี่เป็นเรื่องลำบากมาก
ทันทีที่เอริคและทีชาก้ากระโดดลงไป พวกเขาก็พบกับทหารของไฮดรา แต่ทีชาก้ายังไม่ทันได้ลงมือ เอริคเพียงแค่โบกมือเบา ๆ แผ่นเหล็กบางส่วนจากกำแพงก็หลุดออกมาเฉือนศีรษะและร่างกายของทหารไฮดราแยกออกจากกันในทันที
เมื่อเดินลึกเข้าไป ทหารไฮดราก็ปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เอริคจึงหยุดปล่อยให้ทีชาก้าได้ระบายความเครียดบ้าง
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาทั้งสองก็เปิดเส้นทางตรงไปยังที่ที่นามอร์ถูกคุมขังอยู่
ตอนนี้พวกเขาทั้งสองคนสามารถได้ยินเสียงคำรามของนามอร์ดังขึ้นมาแต่ไกลได้อย่างชัดเจน ทำให้พวกเขาทั้งสองรีบเร่งฝีเท้าไปจนถึงที่หมาย
เอริคโบกมือเปิดประตูเหล็ก เผยให้เห็นภาพของนามอร์ที่ถูกกักขังในกล่องโลหะ มีเพียงศีรษะและแขนที่ยื่นออกมาได้ ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์ไฮดราหลายคนในเสื้อคลุมสีขาวกำลังฉีดสารบางอย่างเข้าไปในร่างกายของเขา
ทำให้ตอนนี้นามอร์ซึ่งมีดวงตาแดงก่ำคำรามอย่างบ้าคลั่ง เขาดูเหมือนคนเสียสติไปแล้วไม่มีผิด
เอริครีบลงมือหยุดพวกไฮดรา แต่ดูเหมือนว่ามันจะสายเกินไปแล้ว เพราะบนพื้นในตอนนี้เต็มไปด้วยขวดยาเปล่า ดูเหมือนว่านามอร์จะได้รับสารเหล่านี้ในปริมาณมาก
“นี่มันอะไร?” ทีชาก้าหยิบกระบอกฉีดยาบนพื้นขึ้นมาดมเบา ๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนีด้วยความรังเกียจ
“กลิ่นมันแย่มาก ของแบบนี้สามารถฉีดเข้าไปในร่างกายได้จริงเหรอ?”
เอริคไม่สนใจคำพูดของทีชาก้า และวางมือลงบนศีรษะของนามอร์และปล่อยพลังแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาอย่างระมัดระวังเพื่อพยายามปลุกสติของนามอร์ให้กลับคืนมา
“กรรรรร!” อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าพลังของเอริคไม่เพียงไม่ช่วยให้นามอร์สงบลง แต่กลับทำให้นามอร์คลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิม นามอร์คำรามใส่เอริคและสะบัดตัวอย่างรุนแรงจนกล่องโลหะที่กักเขาไว้สั่นสะเทือนไปหมด
ทีชาก้ายืนอยู่ด้านหลังเอริคมองดูเอริคที่พยายามช่วยเหลือนามอรร์ด้วยความตั้งใจ ก่อนที่จากนั้นเขาจะยกมือขึ้นแตะที่ชุดแบล็คแพนเธอร์บริเวณแขน
ทันใดนั้นชุดของทีชาก้าก็เปลี่ยนรูปร่างทันทีกลายเป็นปืนเลเซอร์สีฟ้า ก่อนที่ทีชาก้าจะเล็งไปที่นามอร์อย่างเงียบ ๆ . . .
โปรดติดตามตอนต่อไป …