ตอนที่ 54 ปล้นสมบัติจากเจ้าของบ้าน!
ตอนที่ 54 ปล้นสมบัติจากเจ้าของบ้าน!
หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งปี เอริคก็ได้กลับมายังทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ของเคนยาอีกครั้ง
ด้วยความพยายามที่ไม่หยุดยั้ง อลิซ อินดัสตรีส์ได้ลงทุนสร้างฐานการผลิตและแปรรูปวัตถุดิบจำนวนมากในเคนยา ไม่ว่าจะเป็นเหล็ก แร่หายาก ไนโอเบียม หรือแบไรต์ วัตถุดิบเหล่านี้ถูกขนส่งกลับสหรัฐอเมริกาในราคาถูกและนำไปใช้ในโครงการต่าง ๆ เช่น การก่อสร้างรถไฟแม็กเลฟ ทำให้บริษัทประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายได้อย่างมหาศาล
ครั้งนี้เอริคไม่ได้แจ้งใครก่อนการเดินทาง เมื่อเครื่องบินลงจอด เขาก็มุ่งหน้าไปยังวาคานด้าโดยตรงทันที
ครั้งนี้ชาวชนเผ่าแนวชายแดนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ในขณะที่รถของเอริคยังมาไม่ถึง พวกเขาก็ร้องเพลงพื้นเมืองแอฟริกันเพื่อเป็นเกียรติให้กับแขกผู้ทรงเกียรติ ทำให้เมื่อเอริคขับรถมาถึง เขาก็ขับรถเข้าไปในวาคานดาท่ามกลางเสียงเชียร์ดังกึกก้องอย่างยิ่งใหญ่
“เอริค เพื่อนรักของวาคานดา ยินดีต้อนรับ!” ณ พระราชวังวาคานด้า กษัตริย์ทีชาก้าอ้าแขนออกกว้างโอบกอดเอริคอย่างแนบแน่น
เอริคยิ้ม พลางตบหลังทีชาก้าเบา ๆ “ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ท่านทีชาก้า ดูสิร่างกายของท่านยังแข็งแรงราวกับเสือไม่มีผิด!”
ในขณะเดียวกันเบื้องหลังของทีชาก้าตอนนี้มีเด็กน้อยสองคนยืนอยู่ หนึ่งในนั้นคือเจ้าชายผู้สูงศักดิ์ ทีชัลลา และอีกคนคือ เอ็นจาด้าก้า
เอ็นจาด้าก้าสวมชุดพื้นเมืองที่สะท้อนเอกลักษณ์ของวาคานด้า ส่วนทีชัลลาสวมสูทสีดำที่ตัดเย็บมาอย่างประณีต ดูราวกับเจ้าชายน้อยที่มาเยือนวาคานด้า ในขณะที่เอ็นจาด้าก้าดูเหมือนเจ้าแห่งวาคานด้าในอนาคตมากกว่า
นี่หมายความว่าอะไร? พิธีประลองที่น้ำตกจบแล้วหรอ? เอ็นจาด้าก้ายึดอำนาจสำเร็จ? เป็นไปได้อย่างไร!
“ฮ่า ๆ เอริค ถ้าเจ้ามาช้ากว่านี้ เจ้าคงไม่ได้เจอทีชัลลาแล้วล่ะ! เขากำลังจะไปเรียนต่อที่อังกฤษ” ทีชาก้าตอบความสงสัยของเอริค
“อย่างนี้นี่เอง ว่าแต่ทำไมไม่เห็นโอโรโร่เลยล่ะ?” เอริคมองหาไปทั่วแต่ไม่เจอสาวน้อยสตอร์ม
“เธอไปแล้ว” ทีชัลลาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย “ช่วงพายุสุริยะเมื่อไม่กี่วันก่อน โอโรโร่บอกว่าเธอรู้สึกได้ถึงใครบางคนที่ควบคุมพายุสุริยะได้ เธอเองก็อยากเก่งแบบนั้นบ้าง แล้วเธอก็จากไป”
“อ้อ แบบนี้นี่เอง ฮ่า ๆ . . .” เอริคหัวเราะแห้ง ๆ พร้อมรู้สึกผิดในใจ ที่แท้ก็ความผิดของเขาอีกแล้ว!
“เอริค ไปข้างในกับข้าสิ ข้าจะพาไปพบลูกสาวของข้า โอ้ พระเจ้า เธอช่างเป็นของขวัญจากเทพแห่งแบล็คแพนเธอร์จริง ๆ!” ทีชาก้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข ราศีความเป็นกษัตริย์ของเขาหายวับไปกับความเป็นพ่อที่ภาคภูมิใจ
ดูสิ ทีชาก้ากลายเป็นพ่อเห่อลูกอีกคนแล้ว . . .
. . .
หลังจากเยี่ยมราชินีและเจ้าหญิงน้อยชูริ เอริคจึงเริ่มเข้าสู่หัวข้อสำคัญของการเดินทางครั้งนี้สักที
“ท่านทีชาก้า ที่ผมมาที่นี่วันนี้เพราะมีเรื่องนี้สำคัญมากที่ต้องการความช่วยเหลือจากวาคานด้า!”
ทีชาก้าคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าเอริคจะต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงสั่งให้ปิดห้องทันที พร้อมกับสีหน้าที่แสดงถึงความพร้อมที่จะรับฟังอย่างเต็มที่
“วาคานด้ากำลังตกอยู่ในอันตราย!” คำพูดแรกของเอริคทำให้ทีชาก้าถึงกับขมวดคิ้ว “ช่วยเอาแผนที่ของเคนยาออกมาให้ผมดูหน่อย!”
ทีชาก้าหยิบลูกปัดที่อยู่ใกล้มือออกมา ก่อนที่ลูกปัดจะปล่อยลำแสงออกมาเป็นภาพฉายสามมิติในอากาศ
ลูกปัดคิโมโย! เอริคเลิกคิ้วขึ้นอย่างพึงพอใจ ภาพฉายสามมิตินี้ช่วยประหยัดเวลาการอธิบายไปได้มาก
“ท่านทีชาก้า ดูนี่ นี่คือวาคานด้า!” เอริควงกลมบนภาพเพื่อระบุตำแหน่งของวาคานด้า จากนั้นเลื่อนนิ้วขึ้นเล็กน้อยจนเกือบถึงพรมแดนวาคานด้าแล้วเคาะสองครั้งบนจุดนั้น
“ส่วนที่นี่มีบุคคลอันตรายอย่างยิ่งถูกขังอยู่ที่นี่!”
“เป็นไปไม่ได้!” ทีชาก้ามองด้วยความไม่เชื่อ “เอริค ทวีปแอฟริกาทั้งหมดอยู่ในสายตาของวาคานด้า ใครก็ตามที่เข้ามาในแอฟริกาไม่อาจหลุดรอดสายตาเราไปได้!”
“ถ้ามีคนถูกส่งมาที่นี่โดยไม่ผ่านแอฟริกาล่ะ!” เอริคจ้องตาทีชาก้าด้วยสีหน้าจริงจัง
คำถามนี้ทำให้ทีชาก้าถึงกับนิ่งไป ก่อนจะเอ่ยด้วยความตกตะลึง “หรือว่ามีประเทศใดในโลกที่พัฒนาเทคโนโลยีการวาร์ปได้แล้ว?”
เอริคกลอกตาเล็กน้อย เขาอยากบอกเหลือเกินว่าคาร์มาทาชมีเทคโนโลยีนี้มาตั้งพันปีแล้ว . . .
“ไม่ใช่การวาร์ปหรอก แต่เป็นใต้น้ำต่างหาก!” เอริคประกบมือเข้าหากันก่อนจะขยายแผนที่ออกให้เห็นทั้งมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรอินเดีย ก่อนที่เขาจะชี้ไปที่จุดสุ่มบนชายฝั่งแอตแลนติก แล้วลากเส้นตรงมายังวาคานด้า
“มีคนลักลอบเข้ามาจากมหาสมุทรแอตแลนติก เดินทางผ่านพื้นมหาสมุทรใต้แผ่นทวีปแอฟริกา และสร้างฐานลับขึ้นมาใต้ดินของวาคานด้า!”
คำพูดของเอริคทำให้ทีชาก้าต้องเบิกตากว้าง เขาจ้องมองแผนที่อยู่นานก่อนจะส่ายหัวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เป็นไปไม่ได้ แม้แต่วาคานด้าที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้า ยังทำแบบนี้ได้ยาก ประเทศอื่นจะมีเทคโนโลยีก้าวหน้าขนาดนั้นได้อย่างไร?”
“ถ้าพวกเขาไม่ได้ใช้เทคโนโลยีล่ะ?” เอริคเอ่ยเบา ๆ
“ไม่ใช้เทคโนโลยี? แล้วจะทำได้อย่างไร?” ทีชาก้ามองเอริคด้วยความสงสัย ก่อนจะเห็นว่าเอริคหยิบเหรียญขึ้นมาหมุนเล่นที่ปลายนิ้ว
เหรียญหมุนไปมาระหว่างนิ้วของเอริค บางครั้งเหรียญลอยขึ้นกลางอากาศ แล้วถูกจับไว้อย่างมั่นคงเมื่อร่วงลงมา ทีชาก้าเชื่อว่าต่อให้เป็นนักมายากลฝีมือดีที่สุดในโลก ก็อาจทำได้ไม่สมบูรณ์แบบเท่านี้
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นถัดไปกลับทำให้ทีชาก้าต้องเบิกตากว้างกว่าเดิม เอริคค่อย ๆ วางมือลงข้างลำตัวและซ่อนไว้ด้านหลัง แต่เหรียญกลับยังหมุนอยู่เหมือนเดิม แถมยังหมุนเร็วขึ้นและดูคล่องแคล่วขึ้นอีกด้วย
“นี่มัน . . .”
“ขอโทษด้วย ท่านทีชาก้า ผมเป็นมนุษย์กลายพันธุ์” เอริคโค้งตัวลงอย่างรู้สึกผิดต่อทีชาก้า “ท่านก็รู้ว่าโลกภายนอกไม่เป็นมิตรกับมนุษย์กลายพันธุ์ ผมจึงเลือกที่จะปิดบังมันไว้ ผมต้องขอโทษอย่างยิ่งที่ไม่ได้บอกเรื่องนี้กับท่าน”
“ไม่เป็นไร เพื่อนรักของข้า วาคานด้าไม่สนใจว่ามิตรของเราจะเป็นมนุษย์กลายพันธุ์หรือไม่!” ทีชาก้ารีบยืนยันจุดยืนของตัวเองทันที จากนั้นถามต่อด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เจ้าหมายถึง คุกใต้ดินแห่งนั้นถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์กลายพันธุ์อย่างนั้นหรอ?”
“ไม่! เป็นฝีมือของอีกกลุ่มหนึ่ง พวกเขาจับตัวมนุษย์กลายพันธืที่พิเศษมากมา นั่นก็คือราชาแห่งแอตแลนติส นามอร์!”
“แอตแลนติส!” ทีชาก้าขมวดคิ้วครุ่นคิด วาคานด้ามีบันทึกเกี่ยวกับแอตแลนติสอยู่บ้าง และเขาเองก็เคยอ่าน แต่เนื่องจากทั้งสองประเทศแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเลย—วาคานด้าอยู่บนแผ่นดินแอฟริกา ส่วนแอตแลนติสอยู่ใต้มหาสมุทรแอตแลนติก ทำให้ข้อมูลจึงมีน้อยมากจนเขานึกไม่ออก
“นามอร์ ราชาแห่งมหาสมุทร ก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์เช่นกัน เขามีพลังมหาศาล สามารถควบคุมน้ำทะเล และถึงขั้นสร้างแผ่นดินไหวใต้มหาสมุทรได้!”
“แผ่นดินไหวใต้มหาสมุทร!” ทีชาก้าสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ สิ่งที่วาคานด้าหวงแหนที่สุดคืออะไร? แน่นอนว่า ไวเบรเนียม!
วาคานด้าปกป้องไวเบรเนียมราวกับกำแพงเหล็กกล้ากำบังทุกทิศทาง ไม่ว่าจะทางอากาศหรือใต้ดิน เทคโนโลยีขั้นสูงสุดของวาคานด้าก็พร้อมปกป้องมันอยู่เสมอ แต่การสร้างแผ่นดินไหวใต้มหาสมุทร?
ทีชาก้าเริ่มตื่นตระหนก นี่มันเท่ากับมาปล้นสมบัติจากเจ้าของบ้านเลยไม่ใช่หรอ!
“เอริค เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร? วาคานด้าจะช่วยเจ้าอย่างสุดความสามารถ!”
โปรดติดตามตอนต่อไป …