ตอนที่ 48 ในที่สุดฉันก็พบเธอจนได้!
ตอนที่ 48 ในที่สุดฉันก็พบเธอจนได้!
สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเซนต์แอกเนส
แสงแดดอ่อนของฤดูใบไม้ผลิส่องเข้ามาในโถงทางเดิน ไล่ความหนาวเย็นที่ปกคลุมอยู่หลายวันให้หมดไป ต้นไม้ใกล้ ๆ เริ่มผลิใบอ่อน นกสองสามตัวเกาะกิ่งไม้ร้องเพลงอย่างมีความสุข
เด็กหญิงคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ตามลำพังบนราวระเบียง เธอก้มหน้าต่ำจนผมดำหนาปกปิดใบหน้า มือสองข้างกอดเสื้อผ้าแน่น ราวกับเธอกำลังเศร้าสร้อยเรื่องบางอย่างอยู่
ภายใต้เส้นผมที่บดบังอยู่ ใบหน้าเล็กละเอียดอ่อนกลับดูตึงเครียดมาก ริมฝีปากของเธอกัดกันจนมีเลือดซึม เธอนั่งนิ่งอย่างเงียบเชียบ ราวกับมีช่องว่างที่แยกเธอออกจากโลกภายนอกที่ทั้งสองฝ่ายไม่มีวันรบกวนซึ่งกันและกันได้
ในขณะเดียวกันนั้นเองเด็กชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเด็กสาวพร้อมไม้เท้าสำหรับผู้พิการทางสายตา ดวงตาของเขาปิดสนิท และมีรอยแผลที่มุมตาหลายแห่ง บ่งบอกว่าเขาเคยประสบอุบัติเหตุมาก่อน
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าเขาจะมองไม่เห็น แต่เขากลับเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว ราวกับคุ้นเคยกับสถานที่นี้เป็นอย่างดี
“สกาย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ ฉันได้ยินว่าพวกเขาบอกว่าเธอถูกส่งกลับมาอีกแล้ว ฉันก็เลยเดาว่าเธอคงอยู่ที่นี่” เด็กชายพูดอย่างสนิทสนมพลางนั่งลงข้างเธอ และตบไหล่เธอเบา ๆ “สกาย อย่าเสียใจไปเลย ทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”
“แมตต์ ฉันถูกครอบครัวอุปถัมภ์ส่งกลับมาอีกแล้ว” ในที่สุดสกายก็เงยหน้าขึ้นเผยให้เห็นดวงตาของเธอที่แดงก่ำ จมูกสั่นไหว แต่เธอก็พยายามอดกลั้นเอาไว้ไม่ให้ร้องไห้ออกมา
แมตต์ยิ้ม ก่อนจับมือเธอมาวางบนดวงตาของเขา “อย่างน้อยเธอก็เคยได้ออกไปด้านนอก ได้มองเห็นโลกภายนอก จริงไหม?”
“แมตต์ . . . ขอโทษนะ” สกายพูดจบก็ร้องไห้ออกมาทันที และซบลงบนไหล่ของแมตต์
แมตต์ยังคงยิ้มสดใส และลูบหัวเธอเบา ๆ เพื่อปลอบโยน “ไม่เป็นไร ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี”
. . .
ในห้องทำงานของผู้อำนวยการ
คู่สามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้อำนวยการ โดยที่สามีกำลังขมวดคิ้ว และเอามือไขว้กันบนอกไม่พูดอะไร ในขณะที่ภรรยากำลังร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางเช็ดน้ำตาไม่หยุด
ผู้อำนวยการถอนหายใจยาวด้วยความลำบากใจ ก่อนพูดขึ้นว่า “คุณนายโจนส์ คุณแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะไม่ลองคิดดูอีกสักครั้ง?”
คุณนายโจนส์เงียบอยู่นาน ก่อนพยักหน้าเบา ๆ “คุณผู้อำนวยการ พวกเราทำเต็มที่แล้วจริง ๆ ค่ะ”
ทันทีที่พูดจบคุณนายโจนส์ก็ปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง ขณะบ่นไปด้วยเสียงสะอื้น “คุณผู้อำนวยการ พวกเราชอบเธอมากจริง ๆ! พวกเราไม่สามารถมีลูกด้วยตัวเองได้ และรับเลี้ยงเธอมา เราทำทุกอย่างเพื่อเธอ แต่เธอกลับไม่สามารถปรับตัวเข้ากับชีวิตของเราได้เลย เธอมักจะจ้องกระจกอยู่คนเดียว และไม่เคยพูดอะไรกับเราก่อนเลยสักครั้ง . . .”
“พวกเราไปสวนสนุก ไปตกปลาที่ทะเลสาบ ปิกนิก และเข้าพิพิธภัณฑ์ทุกสัปดาห์ ทุกเย็นหลังเลิกงานเราก็เล่นกับเธอ เล่านิทานให้ฟัง สอนทำอาหาร วาดรูป และเล่นเปียโน! พวกเราทำทุกอย่างจริง ๆ แต่เธอกลับไม่เคยพูดกับเราก่อนเลย เธอไม่เคยแม้แต่จะยิ้มให้เรา เธอไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกเราได้เลย!” โจนส์พูดเสริมพร้อมกับโบกมือไปมาในอากาศด้วยคิ้วที่ขมวดแน่นกว่าเดิม
“พอเถอะ!” ผู้อำนวยการถอนหายใจ “ตอนที่คุณมารับเธอเมื่อปีที่แล้ว ฉันเคยบอกคุณแล้วว่าเธอก็เป็นแบบนี้ที่บ้านอุปถัมภ์ครั้งก่อน”
“เราเคยคิดว่าถ้าเราพยายามมากพอ เราจะได้รับผลตอบแทนกลับมา . . .” โจนส์ลดมือลง สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความท้อแท้
“ฉันเข้าใจ เดี๋ยวฉันจะจัดการเรื่องเอกสารให้” ผู้อำนวยการนั่งตัวตรงยิ้มให้ทั้งสอง “โจนส์และคุณนายโจนส์ พวกคุณมีแผนยังไงต่อ? สนใจจะรับเลี้ยงเด็กอีกคนไหม?”
“แน่นอนค่ะ!” คุณนายโจนส์หยุดร้องไห้ทันที เธอมองผู้อำนวยการด้วยดวงตาแดงช้ำและน้ำเสียงหนักแน่น “นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่เรามาอีกครั้ง! เราต้องการลูกสักคน!”
“งั้นพวกคุณต้องการแบบไหน? เหมือนเดิมใช่ไหม?” ผู้อำนวยการลุกขึ้น หยิบแฟ้มหนาออกมาจากตู้ใกล้ ๆ
“ใช่ค่ะ เหมือนครั้งที่แล้ว เราต้องการลูกสาวที่สุขภาพดี!” โจนส์มองแฟ้มในมือของผู้อำนวยการอย่างตั้งใจ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความคาดหวัง
ผู้อำนวยการเปิดแฟ้มเลือกข้อมูลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบแฟ้มหนึ่งส่งให้พวกเขา “พวกคุณคิดยังไงกับเธอคนนี้?”
โจนส์รีบรับแฟ้มมาเปิดดูและมองภาพในมุมขวาบนทันที “โอ้ พระเจ้า เธอน่ารักมาก!”
“ใช่ค่ะ โจนส์ ดูสิ จมูกเธอเหมือนของคุณเลย!” คุณนายโจนส์ชี้ไปที่เด็กหญิงในภาพด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ใช่! ตาเธอก็คล้ายคุณมาก! คุณผู้อำนวยการ เธอชื่ออะไร? พวกเราขอเจอเธอได้ไหม?”
“ได้แน่นอนค่ะ เธอชื่อเจสสิก้า!”
ในที่สุด โจนส์และคุณนายโจนส์ก็นำลูกสาวบุญธรรมคนใหม่กลับไป
หลังจากนั้นผู้อำนวยการก็กลับมาที่ห้องทำงานอีกครั้ง และหยิบเอกสารของสกายที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาดู ก่อนจะถอนหายใจด้วยความเหนื่อยใจ ก่อนที่เธอจะเดินไปที่หน้าต่างมองออกไปข้างนอก และเห็นเงาโดดเดี่ยวของเด็กหญิงตัวเล็กที่นั่งอยู่บนราวระเบียงไกล ๆ
“สกาย ทำไมหนูไม่เห็นค่าของโอกาสพวกนี้บ้างนะ? มีเด็กในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับโอกาสถูกรับเลี้ยง ส่วนใหญ่จะต้องอยู่ที่นี่จนโตเป็นผู้ใหญ่ แต่หนูกลับปฏิเสธถึงสองครั้ง!”
ผู้อำนวยการยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าต่างพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่เธอจะเป่าลมหายใจใส่กระจกจนเกิดฝ้าขาวบาง ๆ แล้วค่อย ๆ เช็ดมันออกเผยให้เห็นภาพเงาโดดเดี่ยวของสกาย และพูดพึมพำขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเจือความเศร้าใจว่า “ไม่รู้เลยว่าหนูจะมีใครมารับเลี้ยงอีกไหม!”
“มีแน่นอนครับ!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลัง ทำเอาผู้อำนวยการตกใจจนเกือบล้มลง
“โอ้! ขอโทษครับคุณผู้หญิง!” ชายร่างสูงรีบวิ่งเข้ามาช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้น และพาเธอไปนั่งที่เก้าอี้ “ผมเห็นประตูเปิดอยู่เลยเดินเข้ามา ต้องขอโทษที่ทำให้คุณตกใจ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร” ผู้อำนวยการหอบเล็กน้อยก่อนจะตั้งสติ “คุณคือใครคะ?”
“ขออนุญาตแนะนำตัวนะครับ ผมชื่อเอริค แลนเซอร์ เป็นบารอนสืบสายเลือดจากโปแลนด์ และยังเป็นประธานของบริษัทอลิซ อินดัสทรีส์ด้วย” เอริคยืนตัวตรงปรับเสื้อผ้าให้เรียบร้อย พร้อมยิ้มแบบใจดีชนิดที่คล้ายกับสายลับโคลสันในภาพยนตร์เพื่อทำให้ตัวเองดูน่าไว้วางใจ “ผมต้องการรับเลี้ยงเด็กหญิงคนนั้น สกาย!”
“เอ่อ ทำไมล่ะคะ? คุณอาจจะยังไม่ทราบว่าเธอเพิ่งถูกครอบครัวอุปถัมภ์ส่งกลับมา และเธอ . . .”
“คุณผู้หญิงครับ ผมศึกษาข้อมูลของเธอมาแล้ว และถึงอย่างนั้นผมก็ยังยืนยันจะรับเลี้ยงเธออยู่ดี” เอริคพูดขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ผู้อำนวยการมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความสงสัย “คุณคะ ฉันขอดูบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตของคุณหน่อยได้ไหม?”
รอยยิ้มของเอริคแข็งค้างอยู่บนใบหน้าทันที ดูเหมือนว่าท่าทีที่ดูรีบร้อนเกินไปของเขาทำให้ดูเหมือนคนไม่น่าไว้ใจ!
ดังนั้นเอริคจึงจำใจหยิบเอกสารทั้งหมดออกมาให้ผู้อำนวยการตรวจสอบ พร้อมทั้งอธิบายอย่างละเอียด จนกระทั่งเธอเชื่อว่าเขาไม่ใช่คนร้าย
“คุณเอริค ทำไมคุณถึงต้องการรับเลี้ยงเธอ? เธอไม่ใช่เด็กที่เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ๆ เลยนะคะ”
“เพราะเธอสำคัญกับผมมาก! จะเรียกว่าพรหมลิขิตก็ได้ครับ คุณลองคิดดูสิ เราทั้งคู่มีเชื้อสายจีนเหมือนกันใช่ไหม?” เอริคหันมองออกไปนอกหน้าต่าง และเห็นเงาร่างอ้างว้างของสกายได้อย่างชัดเจน
‘ในที่สุดฉันก็พบเธอจนได้!’
โปรดติดตามตอนต่อไป …