ตอนที่แล้ว89 - ความต่ำช้าคือใบผ่านทางของคนต่ำช้า!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป91 - รักษาหน้า!

90 - ความจริงเงียบงัน แต่ก้องสะท้อนจนถึงใจ


90 - ความจริงเงียบงัน แต่ก้องสะท้อนจนถึงใจ

จูจวินมองจูจิ้น เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่มีหุ้นใดๆ ทั้งสิ้น

พูดง่ายๆ จูจิ้นมาที่นี่เพื่อ "รับเคราะห์แทน" โดยแท้จริง

พี่สามนี่ไม่เลวเลย ดีกว่าพี่สี่เยอะ!

เมื่อจูจวินมองไป จูจิ้นก็ยิ้มให้เป็นเชิงบอกว่าอย่ากลัว

จูหยวนจางที่ดูเหมือนโกรธ แต่ในใจก็โล่งใจขึ้นมาไม่น้อย เขายังคงแสดงสีหน้าขึงขัง

“พวกเจ้าช่างกล้าดีที่เข้าวังมา! ไม่รู้หรือว่าข้าออกคำสั่งห้ามเชื้อพระวงศ์ทำการค้าขาย?”

จูจิ้นยกมือคารวะ “พระบิดา การที่น้องหกทำการค้าขาย ก็ยังดีกว่าเขาเที่ยวเล่นและก่อเรื่อง

ลูกในฐานะพี่ชาย รู้สึกทั้งสบายใจและยินดีที่เขาเปลี่ยนแปลงตนเอง ไม่ว่าจะขาดทุนหรือกำไร นี่ถือเป็นเรื่องน่ายินดี

ในฐานะพี่ชาย ลูกย่อมต้องช่วยเหลือเขา!”

จบคำ เขาหันไปมองจูตี้ “ข้าคิดว่าเจ้าเองก็คงคิดเช่นนี้ใช่ไหม?”

จูตี้หรี่ตาเล็กน้อย ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม

“แน่นอนน้องหกของข้าพัฒนาไปในทางที่ดี ในฐานะพี่ชาย มีหรือที่ข้าจะไม่สนับสนุนเขา

ยิ่งไปกว่านั้น ธุรกิจสลากการกุศลของเขาถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย

ข้ากลับอยากถามพวกท่านว่า ในยามที่ผู้ประสบภัยลี้ภัยเข้ามาในเมือง พวกท่านได้ช่วยเหลือพวกเขาอย่างทันท่วงทีหรือไม่?

แต่น้องหกของข้า เพียงลำพังตัวเขา ได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยนับไม่ถ้วน!”

“ข้าก็คิดเช่นนั้น!” จูเติ้งและจูถังกล่าวสนับสนุน

แต่เจิ้งหยวนพูดแย้งด้วยเสียงหนักแน่น “พวกท่านพูดพลิกขาวเป็นดำ ธุรกิจที่ต่ำต้อยก็คือธุรกิจที่ต่ำต้อย

กฎก็คือกฎ ต่อให้พูดให้ดีแค่ไหน มันก็ยังเป็นการขัดต่อคำสั่งของปฐมฮ่องเต้!”

เขาหันไปพูดต่อ “ข้าขอยอมรับว่าอู่อ๋องได้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจริง แต่เขาก็เป็นตัวอย่างที่เลวร้ายที่สุด

หากโอรสคนอื่นของฝ่าบาทต่างอ้างเหตุผลนี้เพื่อลงมือทำการค้า เช่นนั้นคำสั่งของปฐมฮ่องเต้จะต้องเขียนใหม่เสียแล้ว!”

“ความดีไม่อาจลบล้างความผิดได้ อู่อ๋องต้องไปปกครองอาณาเขต!” หานอี้เสริม

กลุ่มขุนนางที่สนับสนุนลุกขึ้นพร้อมกัน “ขอให้ส่งอู่อ๋องไปปกครองอาณาเขต!”

จูจวินที่ยืนอยู่ท่ามกลางข้อกล่าวหาเหล่านี้กลับยิ้มออกมา

“ดี!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ส่งไปก็ส่งไป ข้าไม่กลัวอะไรทั้งนั้น!

พระบิดา ลูกไม่ได้ทำอะไรผิด หากต้องไปปกครองอาณาเขต ลูกก็ยังจะใช้ชีวิตอย่างดีได้!”

“เจ้าหก อย่าพูดอะไรอีก!” จูตี้ขมวดคิ้ว

“น้องหก หากเจ้าไม่ได้ทำผิด เหตุใดต้องยอมไปปกครองอาณาเขต?” จูจิ้นกล่าว “พวกเขาแค่รอให้พี่ใหญ่ไม่อยู่ แล้วก็หาเรื่องกดดันเจ้า แต่ข้าไม่ยอม!”

ขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียด หลี่เอี้ยนซีเดินเข้ามา

“อู่อ๋องไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุใดจึงต้องส่งเขาไปปกครองอาณาเขต? กระหม่อมขอความเป็นธรรมให้กับอู่อ๋อง!”

เขาคุกเข่าลงพร้อมพูดต่อ “ฝ่าบาท กระหม่อมขอร้องขอความยุติธรรมให้กับอู่อ๋อง!”

“ยุติธรรมอะไร?”

หลี่เอี้ยนซีตอบ “จนถึงตอนนี้ ธุรกิจสลากการกุศลได้แสดงศักยภาพออกมาแล้ว

รายได้เมื่อวานสูงถึงห้าพันตำลึง ซึ่งเพียงพอที่จะเลี้ยงดูผู้คนหลายหมื่นคนให้ได้กินอิ่มและมีเสื้อผ้ากันหนาว

อู่อ๋องขายหุ้นและได้เงินมากกว่าสิบหมื่นตำลึง นั่นหมายถึงเขาสามารถช่วยเหลือราษฎรนับแสนให้กินอิ่มและมีเสื้อผ้ากันหนาว หรือแม้กระทั่งได้กินครบสามมื้อในแต่ละวัน!

ส่วนการทำธุรกิจนั้น เป็นหนึ่งในเงื่อนไขของการเดิมพันตั้งแต่ต้น

ใต้เท้าซ่งยกคำสั่งของปฐมฮ่องเต้ขึ้นมาอ้าง ก็ไม่เคยพูดให้คนอื่นรู้ว่าเหตุใดอู่อ๋องจึงทำธุรกิจ

นี่เพราะไม่กล้าหรือเพราะไม่อยากบอก?

ทุกคนในที่นี้รู้ดีว่าอะไรถูกอะไรผิด!”

หลี่เอี้ยนซีที่ชอบยืนหยัดเพื่อความถูกต้องพูดต่ออย่างไม่ลังเล “วันนี้กระหม่อมขอร้องความยุติธรรมให้กับอู่อ๋อง

การเดิมพันในครั้งนั้นมีพยานอยู่หลายคน

และตอนนี้ อู่อ๋องได้ใช้ความถนัดของเขาในการ ‘เล่น’ เพื่อช่วยเหลือชีวิตคนจำนวนมาก!”

ในที่สุด เหตุการณ์ที่เต็มไปด้วยการต่อต้านและข้อกล่าวหาต่อจูจวิน ก็ถูกสั่นสะเทือนโดยคำพูดของหลี่เอี้ยนซี

“ผู้ลี้ภัยจำนวนมากในเมืองหลวงได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

ข้าอยากถามใต้เท้าซ่งว่านี่ใช่ฝีมือของอู่อ๋องหรือไม่?”

หลี่เอี้ยนซีจ้องตรงไปที่ซ่งเหลียน

ซ่งเหลียนเม้มริมฝีปาก ใบหน้าแดงก่ำ “นี่มัน...”

“เจ้าก็พูดไม่ออกใช่ไหม?” หลี่เอี้ยนซียิ้มอย่างเย็นชา “เพราะเจ้าไม่มีเหตุผล และรู้สึกละอายใจ

ในฐานะครู แต่กลับไม่กล้ายอมรับจุดอ่อนของตนเอง เล่นได้แต่ยอมแพ้ไม่ได้

เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะยืนอยู่ในกลุ่มนี้เพื่อกล่าวหาอู่อ๋อง?”

เขามองไปรอบๆ “อย่าว่าแต่เจ้าเลย ทั้งราชสำนักนี้ มีสักกี่คนที่มีสิทธิ์?”

“หลี่เอี้ยนซี เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” หานอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ข้าหมายความว่า เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ คนอื่นก็ไม่มีสิทธิ์เช่นกัน!” หลี่เอี้ยนซีกล่าวเสียงดัง “เมื่อมีเหตุผลที่ชัดเจน แต่พวกเจ้าไม่แม้แต่จะไต่ถาม นี่มันไม่ใช่การตัดสินที่ยุติธรรม

ตามที่อู่อ๋องเคยกล่าวไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน ‘คนโง่มักชอบรวมกลุ่มกันเพื่อส่งเสียง ใครเสียงดังที่สุด คนนั้นชนะ’

พวกเจ้าไม่ใช่เช่นนั้นหรือ?”

เขาชี้ไปที่ซ่งเหลียน “นั่นเป็นเงินหลายหมื่นตำลึง! อู่อ๋องใช้มันเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยไม่ลังเล

แต่ข้าหลี่เอี้ยนซี ยอมรับว่าตัวข้าเองยังทำไม่ได้ในระดับนั้น

ฝ่าบาทมอบหมายให้บางคนช่วยเหลือผู้ประสบภัย มอบเงินและอาหารให้มากมาย

แต่ผลลัพธ์เป็นอย่างไร? ทุกวันยังมีผู้คนล้มตายจากความอดอยากและความหนาวเย็น

บางคนถึงกับค้าขายข้าวหลวง!”

เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวเสียงดัง “ข้าขอพูดว่า คนที่สมควรถูกลงโทษคือคนเที่นั่งกินนอนกินเปล่า สมควรถูกถอดฐานันดร ยึดทรัพย์ และแม้กระทั่งประหารเพื่อชดใช้ความผิด!”

คำพูดนี้ตบหน้าขุนนางหลายคนอย่างแรง

เหตุผลชัดเจนจนไม่มีใครกล้าโต้แย้ง

จูจวินที่ยืนฟังอยู่นั้นรู้สึกซาบซึ้งในใจ หลี่เอี้ยนซี คนผู้นี้แม้จะเข้มงวดกับข้ามาก แต่เขาก็ให้ความรู้และคำแนะนำโดยไม่มีการปิดบังใดๆ

หลี่เอี้ยนซีหัวเราะเบาๆ “ทำไม ไม่พูดอะไรแล้ว? ไม่มีเหตุผลจะพูดต่อหรือ?”

เขามองไปที่ซ่งเหลียนอีกครั้ง “ในสายตาข้า เสียงของคนโง่ดังเพียงชั่วคราว

แต่ความจริงเงียบงัน กลับก้องสะท้อนจนถึงใจ!”

เขาชี้ไปที่ซ่งเหลียนอีกครั้ง “ข้าขอถามใต้เท้าซ่งอีกครั้ง นี่เป็นฝีมือของอู่อ๋องหรือไม่?”

สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่ซ่งเหลียน

ซ่งเหลียนตัวสั่นเล็กน้อย ภายใต้แรงกดดันจากคำถาม เขาแทบพูดไม่ออก

“เป็นหรือไม่?” หลี่เอี้ยนซีเพิ่มเสียงขึ้น “หากเจ้าไม่ซื่อสัตย์ในฐานะมนุษย์ แล้วจะมีหน้ามีตาอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไร?”

“เป็น!” ซ่งเหลียนพูดออกมาเบาๆ

“พูดดังๆ ข้าไม่ได้ยิน!”

“เป็น!” ซ่งเหลียนตะโกนจนสุดเสียง หลังพูดจบ เขาหอบจนแทบยืนไม่อยู่

หลี่เอี้ยนซีพยักหน้า “เจ้ากล้าพูดความจริง เจ้าก็ยังเป็นคนที่ข้าชื่นชม

แต่การเดิมพันก็คือการเดิมพัน นับจากนี้ เจ้าต้องเรียนรู้วิธี ‘เล่น’ จากอู่อ๋องในทุกๆ วัน!”

ขุนนางหลายคนถึงกับอ้าปากค้าง

เว่ยกวนถึงกับพูดออกมา “อวี่อัน เจ้าไปไกลเกินไปแล้ว!”

กุ้ยเอี้ยนเหลียงส่ายหน้าช้าๆ “ข้าเข้าใจแล้ว นี่ไม่ใช่เพียงการเดิมพันระหว่างซ่งเหลียนกับจูจวิน

แต่มันคือกาต่อสู้กันระหว่างสองราชครูแห่งราชสำนัก ซ่งเหลียนกับหลี่เอี้ยนซี

และครั้งนี้ หลี่เอี้ยนซีเป็นฝ่ายชนะ!”

หลังจากนี้ ทุกคนที่เคยตะโกนให้ส่งจูจวินไปปกครองอาณาเขต ต่างเงียบไปหมด

ซ่งเหลียนที่ยืนอยู่ตัวสั่นเล็กน้อย

“จิ้งเหลียน ข้าไม่เห็นด้วย!” เว่ยกวนพูดด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย

ซ่งเหลียนสะบัดมือออกจากเว่ยกวน สูดลมหายใจลึกเพื่อรวบรวมสติ ก่อนจะพูดอย่างหนักแน่น “ข้าซ่งจิ้งเหลียน เป็นคนเริ่มการเดิมพันนี้ และข้ายอมรับผลของมัน!”

………..

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด