ตอนที่ 45 ฟันแข็งแรงดีนี่!
ตอนที่ 45 ฟันแข็งแรงดีนี่!
ด้วยพิกัดที่แม่นยำจากศาสตราจารย์เอ็กซ์ เอริคจึงบินตรงไปยังสหราชอาณาจักรทันที
“อังกฤษ . . . มันดูไกลไปหน่อยนะ . . .”
ระหว่างที่บินอยู่กลางอากาศ เอริคได้ปรับทิศทางตามสนามแม่เหล็กโลกอย่างต่อเนื่อง และพยายามจับสัญญาณเป้าหมายพลางกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว “นี่มันอาจจะดูเวอร์ไปหน่อย แต่ฉันหวังว่าเจ้านั่นจะยังอยู่ดีจนกว่าฉันจะกลับมา”
ก่อนออกเดินทาง เอริคได้เพิ่ม ‘ส่วนผสมพิเศษ’ บางอย่างลงในถ้วยกาแฟที่เหลืออยู่ ซึ่งเขาได้ใช้พลังพิเศษอัดพลังงานมหาศาลเข้าไปในแผ่นเหล็กเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่ง
พลังงานนี้เขาได้มาจากตอนซ่อมเครื่องขยายคลื่นสมอง ซึ่งเกิดจากอนุภาคพลังงานสูงที่ตกค้างจากการใช้งานอุปกรณ์ เนื่องจากพลังงานนี้เต็มไปด้วยรังสีที่ยุ่งเหยิง บวกกับเอริคไม่มีเวลาจัดการ ดังนั้นเขาจึงปิดผนึกมันไว้ในแผ่นเหล็ก โดยสร้างสนามแม่เหล็กเพื่อควบคุมการปลดปล่อยพลังงานช้า ๆ ทำให้กระบวนการนี้ปล่อยความร้อนออกมาอย่างต่อเนื่อง และเขาก็ไม่แน่ใจว่ากาแฟที่เหลืออยู่มันจะอยู่ได้นานแค่ไหนก่อนจะระเหยจนหมด
“สมัยก่อน กวนอู่สังหารฮัวหยงโดยที่สุราในจอกยังอุ่นอยู่ ส่วนวันนี้ เอริคอุ่นกาแฟแล้วไปล่าแวมไพร์ . . . เอ๊ะ ทำไมมันฟังดูไม่คล้องจองกันเลยแฮะ . . . ช่างเถอะ!” เอริคยักไหล่เล็กน้อยปล่อยความคิดฟุ้งซ่านออกไป และมุ่งหน้าต่อ
การบินตามเส้นสนามแม่เหล็กไม่ได้เร็วอย่างที่เขาคิด ซึ่งเขาเพิ่งรู้ตัวหลังจากบินไปไม่กี่นาที และด้วยความเร็วระดับนี้เขาคงต้องใช้เวลาทั้งวันกว่าถึงจะถึงอังกฤษ
การออมมือจะมีประโยชน์อะไรนอกจากเสียเวลาเพิ่ม!
“เอาล่ะ! ไหน ๆ ก็พูดเอาไว้แล้ว เพราะงั้นเอาให้สุดแรงเลยแล้วกัน!” เอริคกัดฟันใช้พลังสร้างเกราะสนามแม่เหล็ก จากนั้นปลดปล่อยพลังจนทำให้อะตอมของแม่เหล็กที่ปกติไม่ตอบสนองต่อสนามแม่เหล็กในร่างกายของเขาได้ถูกกระตุ้นขึ้นมาเพื่อผลักแรงดึงดูดของโลก
แน่นอนว่านี่เป็นสิ่งที่เอริคไม่ค่อยอยากทำสักเท่าไหร่ เพราะมันเปลืองพลังงานมาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือความเร็วที่รวดเร็วทันใจ และเพียงไม่กี่วินาทีก็ทะลุผ่านกำแพงเสียงในพริบตา
นอกจากนี้ถ้าหากเพิ่มความเร็วการบินด้วยวิธีการอื่น ๆ อีกความเร็วของเขาในตอนนี้ทางทฤษฎีมันคงใกล้เคียงกับความเร็วแสงอย่างแน่นอน!
บึ้ม!!
เสียงแตกของอากาศดังสนั่นไปทั่วท้องฟ้า เอริคพุ่งทะยานขึ้นไปพร้อมกับก้อนเมฆโซนิคบูมที่ถูกสนามแม่เหล็กกันไว้ด้านนอก
อย่างไรก็ตามเสียงรบกวนก็ยังคงดังก้องอยู่ในหูของเขาอยู่ดี . . .
. . .
ถึงแม้จะบินด้วยความเร็วเหนือเสียง แต่เอริคก็ยังใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าจะถึงจุดหมาย
โดยจุดหมายของเขาก็คือโบสถ์เก่าแก่แห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลจากผู้คน กำแพงสีแดงเข้มของโบสถ์เต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ และเถาวัลย์จำนวนมากเลื้อยปกคลุมกระจกสีที่หน้าต่างจนบดบังใบหน้าของพระแม่มารีไปครึ่งหนึ่ง
เอริคเดินเข้าไปในโบสถ์และมองสำรวจรอบ ๆ บนผนังเต็มไปด้วยฝุ่นและกลิ่นอับชื้น แสงอาทิตย์ลอดผ่านกระจกสีตกกระทบลงบนพื้น สร้างลวดลายสีสันที่สะท้อนบรรยากาศภายในโบสถ์
ที่นั่งแถวหน้าสุดแดร็กคูลากำลังนั่งเอามือทั้งสองเท้าที่คาง จ้องมองรูปปั้นพระเยซูเหมือนคนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
เอริคค่อย ๆ เดินเข้าไป และมองสำรวจแวมไพร์ในตำนานตรงหน้า พลางคิดหาวิธีจัดการเขา
ความจริงแล้วแดร็กคูลาไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น เพราะมีฮีโร่หลายคน เช่น กัปตันอเมริกา ธอร์ หรือ เบลด ก็เคยกำจัดเขาได้เพียงลำพัง และมีครั้งหนึ่งตอนที่แดร็กคูลาเผชิญหน้ากับทีมอเวนเจอร์ส เขามักจะชอบหาเรื่องกับอเวนเจอร์สเป็นพัก ๆ และทุกครั้งก็โดนฆ่าตาย หลังจากนั้นก็ฟื้นขึ้นมาก่อกวนอีก วนเวียนแบบนี้ไม่รู้จบ
ดังนั้นเพื่อเพื่อแก้ปัญหาเรื่องแวมไพร์ เอริครู้ดีว่าเขาไม่ควรฆ่าแดร็กคูลา เพราะถ้าหากแดร็กคูลาตายแล้วไปฟื้นที่อื่นจะยิ่งเพิ่มความยุ่งยากเข้าไปอีก และเขาไม่อยากต้องมาพึ่งศาสตราจารย์เอ็กซ์ให้ช่วยค้นหาตำแหน่งอีก
แดร็กคูลาในตอนนี้ดูเหมือนในเรื่องเล่าเกือบทุกประการ ใส่ทักซิโด้สีดำ คลุมด้วยเสื้อคลุมสีแดงเลือด หน้าซีดขาว เล็บแหลมคม และเขี้ยวที่เผยออกมาเวลาพูด
“เจ้าคิดว่าพระเจ้ามีจริงไหม?” ในขณะที่เอริคเดินถึงแถวที่สาม แดร็กคูลาที่กำลังจมอยู่ในความคิดก็ถามขึ้นมาลอย ๆ
เอริคยกคิ้วเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงที่แถวหลัง “น่าเสียดาย นายถามผิดคนแล้ว ฉันเป็นยิว ฉันไม่เชื่อในพระเยซู”
“ข้าหวังว่าพระเจ้าจะมีจริง เพื่อที่เขาจะได้ฆ่าข้าทิ้งเสียที!” เสียงของแดร็กคูลาฟังดูว่างเปล่า ทว่าทุกคำเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเลือด
“โอ้? นายอยากตายเหรอ? ให้ฉันช่วยไหม!” เอริครู้สึกประหลาดใจกับคำพูดของแดร็กคูลา หรือว่าเขาจะเบื่อโลกนี้แล้วเหมือนกับวาร์เน่?
“ไม่ . . . ข้าอยากถูกฆ่าโดยพระเจ้า หรือไม่ก็ฆ่าพระเจ้าเสียเอง!” ดวงตาของแดร็กคูลาเปล่งประกายแสงสีแดงจาง ๆ ก่อนจะหันกลับมาพร้อมกับซัดหมัดตรงเข้าใส่เอริคทันที!
“เฮ้! พี่ชาย ฉันไม่ใช่พระเจ้านะ!” เอริคกำหมัดของแดร็กคูลาไว้แน่น ขณะที่ในใจอดบ่นไม่ได้ว่า ‘ทำตัวโอ่อ่าซะอย่างกับฆ่าพระเจ้าได้แค่สะบัดนิ้ว! น่าหงุดหงิดจริง ๆ โว้ย!’
“ฮึ! คนที่มาหาข้าได้ มีแค่สองพวกเท่านั้น นักล่าแวมไพร์หรือตัวแทนจากศาสนจักร แต่ไม่ว่าจะเป็นพวกไหน ข้าจะส่งพวกแกไปพบพระเจ้าเอง!” แดร็กคูลาหัวเราะเยาะเย้ย ก่อนที่ร่างของเขาจะหดเล็กลงและกลายเป็นหมอกสีดำลื่นหลุดจากการจับของเอริคและหายวับไป
เอริคแสยะยิ้ม และเลื่อนมือไปข้างหน้าอย่างแผ่วเบา ทันใดนั้นกลุ่มหมอกสีเงินก็ลอยออกมาจากร่างเขา กระจายตัวออกไปรอบ ๆ
“อ๊าก!” แดร็กคูลาร่วงลงมาจากท้องฟ้ากลับคืนสู่ร่างเดิมอีกครั้ง
ถึงแม้ว่าเงินจะไม่สามารถฆ่าแดร็กคูลาได้โดยตรง แต่ความเจ็บปวดจากเงินก็ทำให้แดร็กคูลารู้สึกไม่คุ้นชินเล็กน้อยหลังจากหลับใหลมาหลายปี แดร็กคูลาลุกขึ้นยืนอีกครั้งด้วยสายตาแค้นเคือง ขณะที่เขาพึมพำบางสิ่งในลำคอ พร้อมกับลูกบอลหมอกสีดำที่หมุนวนอยู่ในมืออย่างรวดเร็ว
เอริคตั้งการ์ดป้องกันทันที เวทมนตร์นั้นถือเป็นจุดอ่อนที่สุดของเขา โดยเฉพาะเวทมนตร์ดำที่ชั่วร้ายที่ยิ่งต้องระวังเป็นพิเศษ ดังนั้นเขาจึงรีบเปิดใช้งานโล่สนามแม่เหล็กพร้อมเติมอนุภาคเงินเข้าไปทันที
เวทมนตร์ของแดร็กคูลาก่อตัวเป็นรูปร่างอย่างรวดเร็ว หมอกดำกลายเป็นลูกศรสั้นสีดำ และพุ่งตรงมายังเอริคด้วยความเร็วสูง
ฟิ้ว!!
ลูกศรสีดำพุ่งเข้ามาถึงตัวเอริคในชั่วพริบตา และโล่สนามแม่เหล็กก็ไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ทำให้ลูกศรสีดำพุ่งทะลุผ่านเข้าไปเหมือนเป็นเพียงเงา
ทันใดนั้นดวงตาของเอริคก็เบิกกว้างขึ้น ก่อนที่เขาจะยกมือขึ้นเพื่อป้องกันตามสัญชาตญาณ
เคร้ง!
เสียงใสดังขึ้น พร้อมกับประกายสีเงินส่องแสงสะท้อนบนฝ่ามือของเอริค นี่คือไวเบรเนียมที่ซ่อนอยู่ในเซลล์ของเขาและถูกดึงมารวมกันกับเงินบริสุทธิ์
เมื่อเห็นว่าการโจมตีพลาดเป้า ใบหน้าของแดร็กคูลาก็เปลี่ยนเป็นบึ้งตึง เสื้อคลุมที่อยู่ด้านหลังของเขาสะบัดเล็กน้อย ก่อนที่ฝูงค้างคาวจำนวนมหาศาลจะบินกรูกันออกมา โดยที่แดร็กคูลาเองก็กลายร่างเป็นค้างคาวตัวหนึ่งแฝงตัวอยู่ในฝูงเพื่อโจมตีเอริคเช่นกัน
ฟันของค้างคาวเหล่านี้ถูกเสริมด้วยเวทมนตร์ดำ ทำให้โล่ของเอริคถูกกัดจนพรุนเป็นรูนับพันภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ทำให้เอริคต้องรีบถอยหลังพร้อมตบมือเข้าหากันอย่างแรง ปล่อยกระแสไฟฟ้าปริมาณมหาศาลออกมาจากฝ่ามือ กลายเป็นสายฟ้าฟาดใส่ฝูงค้างคาวจนร่วงหล่นลงกับพื้นจำนวนมาก
แน่นอนว่าค้างคาวพวกนี้เป็นเพียงตัวล่อเพื่อเปิดทางให้แดร็กคูลาหลบสายฟ้าและพุ่งไปด้านหลังของเอริค ทันใดนั้นแดร็กคูลาก็กลับคืนร่างมนุษย์อีกครั้ง และใช้มือทั้งสองข้างคว้าหัวไหล่ของเอริคเอาไว้ ก่อนจะเปิดปากเผยเขี้ยวแหลมคมและกัดลงไปอย่างรุนแรง
เอริคไม่ได้ขัดขวางการกระทำของแดร็กคูลา และควบคุมไวเบรเนียมให้เข้ามารวมกันในจุดที่แดร็กคูลากำลังจะกัดเขา . . .
เคร้ง!
เสียงใสดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับแดร็กคูลาที่ปิดปากตัวเองอย่างเจ็บปวดและถอยกรูดออกไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว
“ว้าว ฟันแข็งแรงดีนี่! ไวเบรเนียมรสชาติเป็นยังไงบ้าง?” เอริคหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
โปรดติดตามตอนต่อไป …