บทที่ 40 เมื่อดวงดาวส่องแสง (ฟรี)

ในวังสูงตระหง่าน ดวงดาวนับพันพากันส่องประกาย

ร่างสูงสง่านั่งตัวตรงบนบัลลังก์สูงสุด อาบไปด้วยแสงดาวสุกสกาว

อพอลโล่จ้องมองขึ้นไปเบื้องบน พลางแสดงความเคารพอย่างนุ่มนวล "อพอลโล่ขอคารวะเทพแห่งดวงดาว"

"เจ้าคืออพอลโล่?" เสียงทรงพลังดังมาจากเบื้องบน ราวกับดวงดาวกำลังเคลื่อนไหว

แอสเทรียออส เทพแห่งดวงดาวในชุดคลุมประดับดวงดาว ผู้มีคิ้วอันสง่างาม จ้องมองเทพผมทองด้วยดวงตาลึกล้ำเป็นเวลานาน

จากนั้นเขาก็กระซิบ "ซุสช่างเป็นที่โปรดปรานของชะตากรรมจริงๆ เริ่มจากอธีนา แล้วก็เจ้า เหล่าเทพหนุ่มสาวที่โดดเด่นที่สุดล้วนเป็นลูกของเขา ข้าเพียงแต่ไม่รู้ว่านี่จะเป็นโชคดีหรือโชคร้ายสำหรับเขากันแน่"

อพอลโล่กำลังจะเอ่ยปาก แต่แอสเทรียออสพูดขึ้นก่อน "ข้าไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับกิจการของเหล่าเทพ ดังนั้นข้าจึงไม่ได้มีส่วนร่วมในข้อเสนอครั้งล่าสุดของแอมฟิไทรต์ หากเจ้ายังหนุ่มและทนไม่ได้ ก็จงคิดให้รอบคอบก่อนลงมือทำ"

"เทพหนุ่ม อนาคตต้องเป็นของพวกเจ้าแน่ แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะดูแลลูกสาวของข้าให้ดี อย่าให้นางต้องถูกรังแกหรือบาดเจ็บ"

พลังอันทรงพลังลึกล้ำพลันแผ่คลุมลงมาจากเบื้องบน

ดวงตาสีทองของอพอลโล่เป็นประกาย

อาณาเขตแห่งรุ่งอรุณศักดิ์สิทธิ์เปิดออก พลังเทพขั้นที่สามของราชันย์เทพและร่างอีเธอร์ระเบิดออกมาทั้งหมด รวมตัวกันเป็นพลังอันทรงพลังที่ใกล้ถึงขีดจำกัดของราชันย์เทพ

ตูม!

บรรยากาศอันน่าเกรงขามที่ควบแน่นด้วยแสงดาวแตกกระจายในทันทีท่ามกลางรัศมีแสง

"เทพแห่งดวงดาว พละกำลังนี้เพียงพอที่จะทำให้ท่านไว้วางใจหรือไม่?" อพอลโล่จ้องมองแสงดาวเบื้องบนอย่างเงียบงัน

ร่างของแอสเทรียออสที่ถูกห่อหุ้มด้วยแสงดาวสั่นสะเทือนขึ้นมาทันที

ดวงตาของเทพแห่งดวงดาวจ้องมองลงมาเบื้องล่าง เสียงของเขาทุ้มต่ำ "เทพหนุ่ม ดูเหมือนข้าจะประเมินเจ้าต่ำไป แต่บิดาของเจ้าก็มิใช่ผู้ที่เรียบง่าย โดยเฉพาะเขายังครอบครองความลับของชะตากรรมอีกด้วย"

"ชะตากรรม มันคืออะไรกัน?" อพอลโล่ขมวดคิ้ว

ใต้ม่านแสงดาว แอสเทรียออสผู้นั่งอยู่บนบัลลังก์สูงนิ่งเงียบไปนาน ก่อนจะตอบ:

"คำตอบของคำถามนี้ นอกจากราชาเทพทั้งสามรุ่นแล้ว อาจมีเพียงห้าผู้ทรงพลังและเก่าแก่ที่สุดเท่านั้นที่จะตอบได้"

อพอลโล่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง แล้วกล่าวกับแอสเทรียออส "ข้ามีเรื่องหนึ่งที่อยากขอความช่วยเหลือจากเทพแห่งดวงดาวในครั้งนี้"

"เรื่องอะไรหรือ?" แอสเทรียออสถาม

การทดสอบเมื่อครู่ทำให้เขาเข้าใจ

เทพหนุ่มตรงหน้าที่ดูเยาว์วัยนี้ ทรงไว้ซึ่งพลังที่มิได้ด้อยไปกว่าตัวเขาที่ครอบครองดวงดาวมานับพันปีแต่อย่างใด

มิน่าลูกสาวของเขาที่ดูนุ่มนวลแต่แท้จริงแล้วสงวนท่าทีและหยิ่งในศักดิ์ศรี จึงไม่เคยลืมเลือนเทพองค์นี้ในช่วงเวลาอันสั้น

เทพเช่นนี้ จะขอความช่วยเหลืออะไรจากข้ากัน?

ร่างของอพอลโล่พลันเปล่งประกายด้วยแสงของร่างอีเธอร์ และในขณะเดียวกัน พลังที่เขาเรียกว่า 'พลังกฏแห่งเทพ' ก็ปรากฏขึ้น

"เทพแห่งดวงดาวคงทราบว่าเฮคาทีได้สร้างพลังพิเศษที่เรียกว่าเวทมนตร์ ซึ่งสามารถใช้พลังพิเศษที่มีเฉพาะเทพโดยไม่ต้องใช้พลังเทพและตำแหน่งในสายเลือด"

แอสเทรียออสพยักหน้า "ใช่ ข้าได้ยินจากแอสเทรียว่าเจ้าเก่งกว่าเฮคาทีในด้านเวทมนตร์เสียอีก นี่คือพลังเวทมนตร์หรือ?"

"ท่านชมเกินไปแล้ว พรสวรรค์ของเฮคาทีนั้นไร้คู่แข่ง ส่วนความสามารถด้านเวทมนตร์ ข้าไม่กล้ากล่าวว่าเหนือกว่านาง อย่างไรก็ตาม พลังนี้ไม่ใช่เวทมนตร์ แต่เป็นพลังดั้งเดิมอีกชนิดที่ข้าสร้างขึ้น ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้พลังเทพและตำแหน่งในสายเลือด แต่ก็ทรงพลังอย่างยิ่ง"

"ข้าเรียกมันว่า 'กฏแห่งเทพ'!"

"กฏแห่งเทพ?" แอสเทรียออสพึมพำชื่อนั้น ด้วยความประหลาดใจ "แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการขอความช่วยเหลือจากข้า?"

อพอลโล่ยิ้มและกล่าว "พลังกฏแห่งเทพ เป็นพลังพิเศษที่ข้าพัฒนาขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ข้าได้ศึกษามันจนถึงระดับหนึ่งและพบว่าเพื่อเพิ่มพลังให้มากขึ้น มันต้องการความช่วยเหลือจากพลังของดวงดาว"

"อ้อ เป็นเช่นนั้นนี่เอง ง่ายมาก" แอสเทรียออสตกลงอย่างเต็มใจ เขาก็อยากรู้ด้วยว่าพลังที่เรียกว่า "พลังกฏแห่งเทพ" นี้เป็นพลังแบบใด

เห็นเขาตกลง อพอลโล่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ที่จริงแล้ว 'กฏแห่งเทพ' นั้นก่อตัวขึ้นหลังจากที่เขาลดทอนพลังของร่างอีเธอร์ลงและทำให้ง่ายขึ้นหลายครั้ง

พลังกฏแห่งเทพที่อ่อนแอที่สุดของเขาเรียกว่า พลังกฏแห่งเทพเหล็กดำ เหนือขึ้นไปคือ พลังกฏแห่งเทพทองแดง พลังกฏแห่งเทพเงิน และพลังกฏแห่งเทพทอง

การจะไปถึงระดับพลังกฏแห่งเทพทอง หากต้องการก้าวต่อไป จะต้องผ่านการชำระล้างจากดวงดาว ปลุกพลังที่แท้จริงของอีเธอร์ และไปถึงระดับที่เท่าเทียมกับเทพ

เหตุผลที่เขาพัฒนาระบบพลังนี้เพราะเขาพบว่าทรัพยากรและพลังงานที่ต้องใช้ในการฝึกฝนร่างอีเธอร์นั้นมหาศาล

และหากสามารถเผยแพร่ระบบพลังกฏแห่งเทพนี้ ให้ผู้อื่นฝึกฝนร่วมกัน

เมื่อพวกเขาถึงการชำระล้างของดวงดาว พลังของอีเธอร์จะรวมตัวกันบนร่างอีเธอร์ที่กว้างใหญ่กว่าโดยธรรมชาติ

พวกเขาจะไม่เชื่อมต่อกับดวงดาวของโลกกรีก แต่เป็นดวงดาวอนุภาคในตัวอพอลโล่ ผู้ซึ่งได้บรรลุถึงอาณาจักรแห่งดวงดาว

ด้วยวิธีนั้น ต่อจากนี้ เมื่อพวกเขาฝึกฝนพลังกฏแห่งเทพและรวมเข้ากับร่างของอพอลโล่ พวกเขาจะมีพลังมากพอสมควร

ทุกคนกำลังฝึกฝนเพื่อเขาและช่วยให้เขาบรรลุถึงอาณาจักรกาแล็กซี่และแม้กระทั่งจักรวาลให้เร็วที่สุด

"ข้าไม่รีบร้อนที่จะเผยแพร่พลังกฏแห่งเทพ ในตอนนี้ข้ายังไม่ได้ก้าวเข้าสู่อาณาจักรแห่งดวงดาวอย่างเต็มตัว แม้ว่าจะมีเพียงข้าที่มีร่างอีเธอร์ที่แท้จริง คนอื่นไม่สามารถต่อต้านข้าได้เมื่อพวกเขาฝึกฝนพลังกฏแห่งเทพจนแข็งแกร่ง แต่ระมัดระวังไว้ก่อนจะดีกว่า"

คิดได้เช่นนั้น แอสเทรียออสจึงเรียกบรรดาบุตรชายของเขามา

รวมถึงโบเรียสทั้งห้าคนก่อนหน้านี้ และเทพดาวอีกมากมาย

อพอลโล่ตามไปยังหมู่ดาว

เหล่าเทพดาวต่างบินขึ้นสู่ท้องฟ้าทีละองค์และรวมเข้ากับดวงดาว

แอสเทรียออสมองด้วยสีหน้าจริงจังและกล่าวกับอพอลโล่ "เจ้าต้องระวังให้ดี พลังของดวงดาวที่สาดส่องพร้อมกัน จะเป็นหนึ่งในพลังรุนแรงที่สุดในโลกนี้ เจ้าแน่ใจหรือว่าจะทนรับมันได้?"

แอสเทรียที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็มีสีหน้ากังวล

แต่นางไม่ได้พูดอะไรเพื่อห้ามปราม เพราะนางรู้ว่าอพอลโล่เป็นคนที่มั่นคงมาตลอด

บัดนี้เมื่อเขาตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถสั่นคลอนความตั้งใจของเขาได้

จ้องมองท้องฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุด อพอลโล่กล่าวอย่างสงบ "เทพแห่งดวงดาว โปรดเริ่มเถิด!"

แอสเทรียออสไม่พูดอะไรอีก ร่างของเขาพลันเปลี่ยนเป็นแสงดาวนับอนันต์ ผสานเข้ากับท้องฟ้าทั้งผืน

ในโอลิมปัส บนผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ ในมหาสมุทรอันกว้างขวาง ในดินแดนใต้พิภพอันลึกล้ำ

ไม่ว่าจะเป็นเทพหรือมนุษย์ ต่างก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้ามองในยามนี้

ดวงดาวเหนือศีรษะที่คงอยู่มานับร้อยล้านปี จู่ๆ ก็กระพริบแสงพร้อมกันในค่ำคืนนี้

ดวงดาวมหัศจรรย์ส่องสว่างท้องฟ้า

ฝากกดติดตามเพจด้วยนะคะ อัพเดททุกวัน อ่านตอนใหม่ก่อนใคร จิ้มที่นี่เลยค่า