บทที่ 371: ตราประทับเทพดิน (2) (ตอนฟรี)
บทที่ 371: ตราประทับเทพดิน (2)
จากรูปปั้นเทพดิน มันได้กลายเป็นปีศาจ
มันคล้ายคลึงกับสถานการณ์ที่เขาเผชิญเมื่อเขาพยายามขโมยสิ่งประดิษฐ์พิธีกรรมวิถีศักดิ์สิทธิ์!
ในพริบตา ในที่สุดเขาก็เข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่
“วิถีวิญญาณเพลิงหอม! พื้นที่ซากปรักหักพังศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เกี่ยวข้องกับวิถีวิญญาณเพลิงหอม!”
“ปราณโชคชะชาลี้ลับ เป็นไปได้ไหมว่ามันจะเกี่ยวข้องกับวิถีวิญญาณเพลิงหอม?”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตะเกียงน้ำมันที่เขาสัมผัสในการคาดการณ์นั้นคือสิ่งประดิษฐ์พิธีกรรมวิถีศักดิ์สิทธิ์
และในการคาดากรณ์ก่อนหน้านี้ เขาถูกกลืนกินอย่างต่อเนื่องโดยสิ่งลี้ลับ ซึ่งเป็นผลงานของปีศาจบูชายัญ!
เมื่อมองดูข้อมูลที่กระโดดเข้ามาในหน้าต่าง ซูหนานก็ทั้งรู้แจ้งและตกตะลึง
ปีศาจบูชายัญที่สามารถฆ่าเขาอย่างเงียบๆ ได้จะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตระดับราชาแน่ๆ!
วิหารเทพดินที่เขาอยู่ตอนนี้เป็นเพียงวิหารโบราณแห่งแรกที่เขาพบ แต่ใครจะรู้ว่ามีวิหารโบราณและห้องโถงศักดิ์สิทธิ์อยู่อีกกี่แห่งในพื้นที่ซากปรักหักพังศักดิ์สิทธิ์นี้? และเราก็สามารถจินตนาการได้เลยว่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่น่ากลัวมากมายเพียงใด
“ดินแดนต้องห้าม! ไม่แปลกใจเลยที่มันจะถูกเรียกว่าดินแดนต้องห้าม!”
ซูหนานอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเมื่อนึกถึงเรื่องนี้
ในเวลาเดียวกัน เขาก็คิดถึงคำถามอื่นและรู้สึกสับสนในใจ
“ทำไมฉันไม่พบสิ่งประดิษฐ์พิธีกรรมวิถีศักดิ์สิทธิ์เมื่อฉันอวตารเข้าไปในวิหารเทพดินก่อนหน้านี้กัน”
หากสิ่งที่เขาเห็นในการคาดการณ์เป็นภาพลวงตาทั้งหมดที่สร้างขึ้นโดยสิ่งประดิษฐ์พิธีกรรมวิถีศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ควรจะค้นพบสิ่งประดิษฐ์พิธีกรรมวิถีศักดิ์สิทธิ์เมื่ออวตารของเขาเข้าไปในวก่อนหน้านี้
ท้ายที่สุด ภาพลวงตาเหล่านี้ล้วนอิงจากสิ่งประดิษฐ์พิธีกรรมวิถีศักดิ์สิทธิ์ และทุกสิ่งที่นี่อาจเป็นของปลอม เป็นสิ่งมีชีวิตเสมือนจริง แต่มีเพียงสิ่งประดิษฐ์พิธีกรรมวิถีศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ควรเป็นของจริง
ซูหนานรู้สึกสับสนและคิดไม่ออกว่าทำไมสิ่งนี้จึงเกิดขึ้น
“เนื่องจากเป็นสิ่งประดิษฐ์พิธีกรรม มันจึงจัดการได้ง่ายๆ”
ด้วยประกายในดวงตา เขาจึงมีความคิดอยู่ในใจแล้ว
หากมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้ เขาก็คงจะไม่มีทางจัดการกับมันได้จริงๆ แต่เนื่องจากมันเป็นปีศาจที่จับต้องได้ ดังนั้นจึงต้องมีวิธีจัดการกับมันได้
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในการคาดการณ์เมื่อกี้นั้นกะทันหันเกินไป และเขาก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองได้ทันท่วงที ดังนั้นเขาจึงถูกปีศาจบูชายัญโจมตี แน่นอนว่าเขาจะไม่ทำผิดพลาดแบบเดิมอีกในครั้งต่อไป
การคาดการณ์เริ่มต้นอีกครั้ง
[คุณรู้ว่าวิหารเทพดินเชื่อมต่อกับวิถีวิญญาณเพลิงหอมและมีปีศาจบูชายัญระดับราชาซ่อนอยู่ภายใน คุณวางแผนที่จะเข้าไปกับเจ้าหญิงและร่วมกันแก้ปัญหา]
[เจ้าหญิงรู้ความคิดของคุณ เธอพยายามหยุดคุณและไม่เห็นด้วยกับแผนของคุณ ดังนั้นคุณจึงบอกเธอในสิ่งที่คุณรู้และรับรองกับเธอว่ามันปลอดภัยตราบใดที่คุณระมัดระวังรูปปั้นเทพดินในวิหารเอาไว้]
[เจ้าหญิงค่อนข้างจะสงสัยและไม่เข้าใจว่าคุณรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร แต่ในที่สุดก็ตกลงที่จะเข้าไปในวิหารเทพดินกับคุณ]
[คุณใส่พลังทั้งหมดลงในพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของคุณ และทันทีที่คุณเข้าไปในวิหารเทพดินพร้อมกับเจ้าหญิง คุณทั้งสองก็เปิดฉากโจมตีรูปปั้นเทพดินที่อยู่ข้างใน]
[รูปปั้นเทพดินถูกคุณโจมตีทันทีและกลายเป็นปีศาจที่มีตุ่มนูนทั่วร่างกาย นี่คือปีศาจบูชายัญระดับราชาขั้นต้น ซึ่งแข็งแกร่งกว่าปีศาจบูชายัญที่คุณและเจ้าหญิงเคยฆ่าร่วมกันเล็กน้อย]
[แม้จะมีความร่วมมือของเจ้าหญิง แต่คุณก็ยังแทบจะสู้มันไม่ได้]
[หนึ่งนาทีต่อมา คุณยังไม่ได้ฆ่าปีศาจและยังคงต่อสู้กับมันต่อไป]
[สองนาทีต่อมา เจ้าหญิงคว้าโอกาสและทำร้ายปีศาจอย่างรุนแรง]
[สามนาทีต่อมา คุณฆ่าปีศาจบูชายัญได้สำเร็จ]
[สิ้นสุดการคาดการณ์ครั้งแรก คุณต้องการคาดการณ์ต่อหรือไม่?]
“เราฆ่ามันแล้ว!” ดวงตาของซูหนานเป็นประกาย
เขาซาบซึ้งมากสำหรับการตัดสินใจก่อนหน้านี้ของเขาที่ยังไม่ฆ่าเจ้าหญิง
ถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากเธอ เขาก็คงยังกังวลว่าจะหลบหนีจากวิหารเทพดินนี้ได้อย่างไร และคงจะไม่สามารถสำรวจวิหารโบราณและฆ่าปีศาจบูชายัญได้
“ดำเนินต่อไป!”
เขาไม่ได้หยุดการคาดการณ์และต้องการจะดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เขาฆ่าปีศาจบูชายัญ
[คุณและเจ้าหญิงจัดการกับปีศาจบูชายัญระดับราชาได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม คุณรู้สึกสับสนเพราะปีศาจบูชายัญไม่ได้ทิ้งพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ไว้หลังจากถูกฆ่า แต่กลับกลายเป็นความว่างเปล่าและหายไป]
[คุณไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น คุณจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองกล่องศักดิ์สิทธิ์ที่แกะสลักด้วยหินสีน้ำเงิน และสังเกตเห็นตะเกียงน้ำมันบนนั้น คุณพยายามหยิบมันขึ้นมา]
[อย่างไรก็ตาม ทันทีที่คุณหยิบตะเกียงน้ำมันขึ้นมา คุณก็พบว่าวิธีกลั่นสิ่งประดิษฐ์พิธีกรรมวิถีศักดิ์สิทธิ์ที่คุณฝึกฝนเพียงครั้งเดียวเริ่มที่จะสูญเสียการควบคุม และตะเกียงน้ำมันที่เป็นสนิมในมือของคุณก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ]
[คุณไม่รู้ว่าในทันทีที่ตะเกียงน้ำมันแตกออก ตราที่มองไม่เห็นก็ถูกประทับลงบนวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของคุณ]
[ขอแสดงความยินดีด้วย คุณได้รับตราประทับเทพดิน]
“ตราประทับเทพดิน? มันคืออะไร? และมีไว้เพื่ออะไร?”
ซูหนานรู้สึกประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าจะได้รับสิ่งของดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม โดยไม่ต้องเดา เขาสามารถมั่นใจได้ว่าตราประทับเทพดินจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับวิถีวิญญาณเพลิงหอมไม่มากก็น้อย
และด้วยคำแสดงความยินดีในการคาดการณ์ของเขา นั่นจึงหมายความว่าตราประทับเทพดินจะต้องเป็นวัตถุที่มีค่าเช่นกัน
[เมื่อคุณได้รับตราประทับเทพดิน ฉากประหลาดก็ปรากฏขึ้นต่อหน้สคุณโดยทันที]
[ในฉากนั้น คุณกลายเป็นชายชราที่ดูเหมือนเทพดินที่คุณเห็นก่อนหน้านี้ทุกประการ ด้านหลังคุณคือวิหารและรูปปั้นเทพของชายชราที่คุณกำลังสวมรอยอยู่]
[ตรงหน้าคุณคือชายแปลกหน้าร่างยักษ์ และคุณกำลังต่อสู้กับเขา โดยพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะฆ่าเขา]
[น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่งของชายแปลกหน้านั้นเหนือกว่าคุณมาก และแม้ว่าคุณจะมุ่งมั่นที่จะฆ่าเขาให้ได้ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม คุณก็ยังไม่สามารถโจมตีเขาให้ได้รับบาดเจ็บได้เลย]
[อารมณ์เชิงลบทั้ง ความโกรธ ความไม่เต็มใจ และความเคียดแค้นแพร่กระจายอยู่ในใจของคุณ และร่างกายของคุณก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลง กลายเป็นผิดแปลกและพิสดาร]
[ด้วยการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของคุณ ความแข็งแกร่งของคุณค่อยๆ เพิ่มขึ้น และในที่สุดคุณก็มีพลังพอที่จะต่อสู้กับเขา]
[คุณทุ่มสุดตัวเพื่อต่อสู้กับเขา แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่ตายบลงพร้อมกันเท่านั้น]
[ในช่วงเวลาก่อนที่คุณจะตาย คุณอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปในระยะไกล]
[คุณเห็นว่า ห่างออกไปหลายสิบและหลายร้อยกิโลเมตร มีคนมากมายที่เป็นเหมือนคุณ ซึ่งกำลังต่อสู้กับชายแปลกหน้าร่างยักษ์ด้วยทุกสิ่งที่พวกเขามี]
[ฉากนั้นดูยาวนานแต่ผ่านไปเพียงชั่วพริบตา เมื่อคุณฟื้นคืนสติจากการต่อสู้ วิหารเทพดินตรงหน้าคุณก็เปลี่ยนไปเป็นวิหารโบราณที่พังทลายที่คุณเห็นในฉากนั้น]
[คุณสับสนและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น]
[คุณบอกเจ้าหญิงถึงสิ่งที่คุณเห็น แต่เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นและเดาได้แค่ว่าคุณได้เห็นฉากนั้นก่อนที่เทพดินจะเสียชีวิตลง]
[หนึ่งนาทีต่อมา คุณค้นหาวิหารเทพดินอย่างระมัดระวังแต่ไม่พบอะไรอีก]
[สองนาทีต่อมา คุณออกจากวิหารเทพดินและเดินทางต่อไปในซากปรักหักพังศักดิ์สิทธิ์]
[สามนาทีต่อมา คุณมองเห็นกลุ่มปีศาจกลืนวิญญาณผ่านอวตารของคุณ]
[สิ้นสุดการคาดการณ์ครั้งที่สอง คุณต้องการคาดการณ์ต่อหรือไม่?]
“ฉากก่อนที่เทพดินจะเสียชีวิตลง?” ซูหนานรู้สึกประหลาดใจ ไม่คาดคิดว่าจะเห็นสิ่งเช่นนี้
“เมื่อฉากจบลง เทพดินได้เห็นผู้คนทรงพลังต่อสู้กันในระยะทางร้อยกิโลเมตร ซึ่งบ่งบอกว่าครั้งหนึ่งเคยมีการต่อสู้ที่เข้มข้นมากในพื้นที่ซากปรักหักพังศักดิ์สิทธิ์ บางทีการต่อสู้ครั้งนี้อาจเป็นสิ่งที่ทำให้สถานที่แห่งนี้กลายเป็นดินแดนต้องห้าม!”
ซูหนานอดไม่ได้ที่จะคาดเดา และรู้สึกวิตกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ กับความคิดนั้น การต่อสู้ที่สามารถสร้างพื้นที่ต้องห้ามขึ้นมาได้... เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่ากองกำลังทั้งสองฝ่ายจะแข็งแกร่งเพียงใด
เมื่อสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของซูหนาน เจ้าหญิงจึงถามว่า “มีอะไรผิดปกติรึเปล่า?”
ซูหนานกลับมาสู่ความเป็นจริงและมองไปที่วิหารเทพดิน “ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าวิหารเทพดินมีอะไรอยู่”
“มันคืออะไร” เจ้าหญิงถาม
“ปีศาจบูชายัญ!”
“ปีศาจบูชายัญ? แบบเดียวกับที่เราเพิ่งฆ่าไปน่ะหรอ?”
ซูหนานพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว มันคือปีศาจบูชายัญระดับราชาขั้นต้นอีกตัว”
“นายรู้ได้ยังไง?” เจ้าหญิงจ้องมองซูหนานด้วยความอยากรู้
เธอไม่เข้าใจว่าซูหนานที่ไม่เคยรู้เรื่องวิหารเทพดินมาก่อนจะรู้ได้อย่างไรว่าข้างในนั้นมีอะไร
“เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้น เมื่อเราเข้าไปแล้ว เราก็แค่ต้องโจมตีรูปปั้นเทพดินโดยตรง” ซูหนานอธิบายแผนพื้นฐาน
ความอยากรู้ของเจ้าหญิงลึกซึ้งยิ่งขึ้น “นายต้องการฆ่าปีศาจบูชายัญหรอ เจ้ากำลังพยายามใช้มันเพื่อเพิ่มพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของนายอีกหรอ?”
ซูหนานส่ายหัว “ปีศาจบูชายัญตัวนี้แตกต่างจากตัวที่เราฆ่าไปก่อนหน้านี้ มันไม่สามารถใช้เพิ่มพลังวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่มีบางอย่างที่ฉันต้องการในวิหารเทพดิน และฉันจะต้องได้มันมาให้ได้”
โดยธรรมชาติแล้ว เขากำลังหมายถึงตราประทับเทพดิน
แม้ว่าเขาจะไม่รู้จุดประสงค์ของตราประทับเทพดิน แต่เขาก็ไม่ต้องการพลาดสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาไปแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขายังสงสัยว่าภารกิจจะสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อฆ่าปีศาจบูชายัญและทำภารกิจสำรวจให้สำเร็จได้เท่านั้น ก่อนหน้านี้ เขาเพียงแค่เดินไปรอบๆ วิหารเทพดินในร่างอวตารของเขาโดยไม่ทำอะไรเลย ซึ่งทำให้ภารกิจไม่สำเร็จลุล่วง และในที่สุด ภายใต้การยืนกรานของซูหนาน เจ้าหญิงก็ตกลงที่จะเข้าไปในวิหารเทพดิน..