บทที่ 1144: เด็กสาวกับกูเรกกรู
【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】
【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】
【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】
บทที่ 1144: เด็กสาวกับกูเรกกรู
ผิวสีน้ำเงินเข้ม กระเปาะพิษสีส้มที่แก้มทั้งสองข้าง ถึงแม้จะมีรูปร่างหน้าตาเป็นกบ แต่เมื่ออ้าปากออกเล็กน้อยก็จะเห็นฟันขาวเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบ
ลวดลายบนร่างกายดูเหมือนผ้าพันแผลพันรอบตัว ท่าทางโดยรวมดูตลกขบขันเล็กน้อย
กูเรกกรู โปเกมอนประเภทพิษและต่อสู้
เสียงร้องที่แปลกประหลาดและรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเหมือนตัวตลก ทำให้พวกมันได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในหมู่วัยรุ่นอายุสิบสี่สิบห้าปีในวาโนะคุนิยุคปัจจุบัน
พวกเขาไม่สนใจการเรียน แค่เข้าเรียนก็ปวดหัว มักจะรวมตัวกันสามวันดีสี่วันไข้เพื่อเพ้อฝันว่าโตขึ้นจะได้ทำเรื่องยิ่งใหญ่ อันธพาลคือคำเรียกของคนกลุ่มนี้
ตามปกติแล้ว อันธพาลเป็นกลุ่มคนที่สร้างปัญหาปวดหัว แต่ในสภาพแวดล้อมของโลกใบนี้ ประกอบกับรูปแบบการจัดการของวาโนะคุนิในปัจจุบัน อันธพาลกลับกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ในวาโนะคุนิยุคก่อน หลังจากผ่านช่วงวัยคะนองแล้ว อันธพาลส่วนใหญ่จะกลับไปใช้ชีวิตแบบคนทั่วไป ขายแรงงานเพื่อหาเลี้ยงชีพ บางคนที่ยังไม่อยากอยู่นิ่ง ๆ อาจกลายเป็นนักเลงข้างถนน ซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะตายในการต่อสู้ข้างถนน
ถ้าต่อสู้จนมีชื่อเสียง ถูกแก๊งยากูซ่าในท้องถิ่นดึงตัวไปร่วมด้วย ก็นับว่าประสบความสำเร็จแล้ว
ส่วนในปัจจุบัน ปัจจัยที่ไม่แน่นอนอย่างแก๊งยากูซ่าถูกกำจัดไปจนหมดสิ้น ภายในวาโนะคุนิต้องการเพียงเสียงเดียวก็เพียงพอแล้ว
แม้แต่เฮียวโกโร่ก็เกษียณตัวเองไปทำงานดูแลความสงบเรียบร้อย แทนที่จะกำจัด เป็นการดีกว่าที่จะบอกว่าพวกเขาได้ดัดนิสัยคนที่ไม่เชื่อฟังและคัดเลือกผู้ที่ยินดีจะเปลี่ยนแปลง
เมื่อต้นตอเปลี่ยนไป อนาคตก็ย่อมเปลี่ยนตาม กลุ่มร้อยอสูรควบคุมข้อมูลจากภายนอก หากต้องการออกทะเล การเข้าร่วมกลุ่มร้อยอสูรเป็นทางเดียวเท่านั้น และกลุ่มอันธพาลก็มีทิศทางใหม่
อยากต่อสู้ อยากโอ้อวด ได้เลย แต่ต้องต่อสู้กับคนที่ความแข็งแกร่งเท่าเทียมกัน หรือไปท้าทายคนที่แข็งแกร่งกว่า พฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้ถูกห้าม
แต่การกลั่นแกล้งผู้อ่อนแอกว่านั้นถูกสั่งห้ามอย่างเด็ดขาด หากอยากรังแกคนอื่น ก็ต้องเตรียมใจที่จะถูกรังแกกลับ ไม่ต้องพูดถึงพวกที่กำลังอยู่ในช่วงวัยฉกรรจ์ แม้แต่พวกที่เกษียณแล้วและพิการ การต่อสู้กับเด็กพวกนี้ก็เหมือนเล่นสนุก
การสั่งสอนด้วยคำพูดเพียงอย่างเดียว อันธพาลอาจจะไม่ฟัง แต่กำปั้นและความแข็งแกร่งสามารถทำให้คนกลุ่มนี้เชื่อฟัง การต่อสู้ในทะเลยังไม่เคยหายไป ในยุคนี้ อันธพาลเหล่านี้กลับกลายเป็นกำลังพลสำรอง
กฎเกณฑ์มีอยู่ทุกที่ เว้นแต่จะเป็นคนที่ตั้งกฎ ไม่เช่นนั้นก็เป็นแค่การเปลี่ยนกฎเกณฑ์ที่ผูกมัดเท่านั้น
ลวดลายของกูเรกกรูเป็นที่นิยมในหมู่อันธพาลวัยรุ่น สไตล์ผ้าพันแผลแบบนี้เป็นที่ชื่นชอบของพวกเขา ในทำนองเดียวกัน บางครั้งพวกเขาก็เลียนแบบพฤติกรรมบางอย่างของกูเรกกรู
“ฮัตช่า!”
แขนที่ยกขึ้นสูงฟาดลงบนก้อนอิฐที่อยู่ตรงหน้า ไม่มีการยืมแรง ไม่มีการใช้เทคนิคใด ๆ กองอิฐที่วางราบกับพื้นดินที่เต็มไปด้วยโคลนก็แตกเป็นเสี่ยง ๆ ตามเสียง
การฟาดอิฐก็มีเทคนิค ไม่นับการโกงด้วยการใช้อิฐปลอม
วางอิฐบนพื้นผิวที่แข็ง ให้อีกด้านของอิฐสัมผัสกับพื้นแข็ง อีกด้านลอยขึ้น ยิ่งด้านที่ลอยยาวเท่าไหร่ อิฐก็ยิ่งแตกง่ายขึ้นเท่านั้น
หากเชี่ยวชาญเทคนิค คนที่ผ่านการฝึกฝนมาสามารถฟาดอิฐธรรมดาให้แตกได้ไม่ยาก เพียงแต่ต้องแลกมาด้วย เช่น กระดูกมือร้าว
ถ้าเป็นคุซัน เขาสามารถบดอิฐเหล่านั้นให้เป็นผงได้อย่างง่ายดาย แต่อันธพาลในวาโนะคุนิอาจจะทำไม่ได้ คนที่สามารถฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ได้นั้นมีน้อย โปเกมอนเซ็นเตอร์ได้รักษาผู้บาดเจ็บจากกระดูกมือหักมามากมาย
ยิ่งไปกว่านั้น ในเวลานี้วาโนะคุนิกำลังมีฝนตก บริเวณที่กูเรกกรูอยู่เป็นแอ่งน้ำที่เต็มไปด้วยโคลน อิฐวางราบกับพื้น แรงที่ฟาดลงไปจะถูกพื้นดินดูดซับไปไม่น้อย แต่พวกมันก็ยังสามารถฟาดอิฐที่ซ้อนกันให้ขาดได้อย่างง่ายดาย
คุซันนั่งยอง ๆ อยู่ข้าง ๆ เปียกฝนไปพร้อมกับมองดูพวกกบแปลก ๆ เหล่านี้
ไม่นานนัก กูเรกกรูก็หยุดการเคลื่อนไหว ไม่ใช่เพราะพวกมันเหนื่อย แต่เป็นเพราะอิฐหมดแล้ว
บ้านเรือนในวาโนะคุนิส่วนใหญ่เป็นโครงสร้างไม้ เมื่อมีการพัฒนา จึงเริ่มมีการนำคอนกรีตเสริมเหล็กเข้ามา แต่อัตราส่วนของอิฐก็ยังคงมีไม่มากนัก สภาพแวดล้อมแบบหมู่เกาะทำให้ดินที่เหมาะสำหรับการเผาอิฐมีน้อย
หากมัวแต่ค้นหา วัสดุที่เหมาะสมจากในประเทศ พื้นที่ของวาโนะคุนิก็จะมีปัญหา ดังนั้นอิฐเหล่านี้จึงถูกส่งมาจากเกาะภายนอก โดยมีวัตถุประสงค์ไม่ใช่แค่การสร้างบ้านเท่านั้น ส่วนหนึ่งยังรวมถึงการเป็นขนมขบเคี้ยวของโปเกมอนประเภทหินด้วย
สำหรับโปเกมอนที่กินหินและดินเป็นอาหาร อิฐก็เป็นเพียงแค่ขนมปังกรอบที่ผ่านการอบแล้ว แถมยังเป็นแบบที่แข็งอีกด้วย
อิฐเหล่านี้จะถูกกูเรกกรูบดขยี้ก่อน จากนั้นจึงส่งไปยังเหมืองอุด้ง คิงจะนำไปใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น
การฟาดอิฐก็เป็นงานอดิเรกพิเศษของกูเรกกรูเหล่านี้ โดยมีจุดประสงค์เพื่อดึงดูดความสนใจของชาวบ้านในท้องถิ่น
แม้ว่าจะมีคุณสมบัติในการต่อสู้ แต่กูเรกกรูก็แตกต่างจากโปเกมอนอย่างเนกิไนท์ที่ชื่นชอบการดวล พวกมันมีนิสัย "ขี้โกง" มากกว่า
มันไม่ค่อยต่อสู้แบบตรงไปตรงมา การลอบโจมตีและวางยาพิษคือวิธีการต่อสู้ของกูเรกกรู นิ้วทั้งสามของมันมีนิ้วกลางที่ยาวกว่านิ้วอื่น ๆ และยังมีสีเดียวกับกระเปาะพิษที่แก้ม
นี่คือเข็มพิษของพวกมัน ในระหว่างการต่อสู้ มันจะแอบฉีดยาพิษให้ศัตรู และยังพองกระเปาะพิษร้องเสียงดัง ทำให้เกิดเสียง "กูดู กูดู" อันน่าขนลุกไปทั่วบริเวณเพื่อข่มขู่คู่ต่อสู้
ทั้งหมดนี้เป็นวิธีเอาตัวรอดของพวกมัน รวมถึงการทำตัวน่ารักด้วย
โปเกมอนมีนิสัยแตกต่างกันไป บางตัวไม่ชอบอยู่ร่วมกับมนุษย์ บางตัวชอบอยู่รอดด้วยความช่วยเหลือจากมนุษย์ กูเรกกรูก็เป็นหนึ่งในโปเกมอนประเภทนั้น
แค่ร้องสองสามครั้ง ฟาดอิฐสักหน่อย ก็มีมนุษย์เต็มใจ "บูชา" พวกมัน เสนออาหารและที่พักพิงให้ แล้วจะดิ้นรนไปทำไม?
กูเรกกรูมีพลังต่อสู้สูง ถ้าดูถูกพวกมัน ก็จะได้สัมผัสกับภัยคุกคามจากสิ่งมีชีวิตที่น่ารัก
เช่น แพนด้า พวกมันไม่ใช่แมวที่อ่อนแอ แต่เป็นหมี สามารถแทะไผ่ด้วยท่าทางงง ๆ หรือตบคนให้ตื่นด้วยฝ่ามือเดียว แสดงให้เห็นว่าไอ้อ้วนนี่มันว่องไวแค่ไหน ความเร็วในการวิ่งบนภูเขาของพวกมันสวนทางกับรูปลักษณ์ภายนอก
"พวกแกจะเอาอีกไหม?"
ดูเหมือนคุซันจะรู้สึกว่ากูเรกกรูยังไม่หนำใจ เขาโบกมือ พื้นดินก็มีก้อนอิฐน้ำแข็งเพิ่มขึ้นมาอีกกอง ชาวเอสกิโมคงจะชอบคุซันมาก เพราะถ้ามีพลังนี้ การสร้างกระท่อมน้ำแข็งก็ไม่ต้องทำอิฐน้ำแข็งเองแล้ว
แต่กูเรกกรูไม่เหมือนกัน กูเรกกรูสี่ห้าตัวนั่งยอง ๆ เรียงกันเป็นแถว กระเปาะพิษที่แก้มทั้งสองข้างขยับขึ้นลงไม่หยุด มองคุซันด้วยสายตาที่เหมือนกำลังดูแลคนโง่
"กรู? (ทำไมถึงมีคนให้ก้อนน้ำแข็ง)"
"กุกกรู (ไม่รู้สิ อาจจะชอบกินน้ำแข็งมั้ง? )"
คุซันไม่มีสายสัมพันธ์มากพอ จึงฟังไม่ออกว่ากูเรกกรูพูดอะไร ไม่งั้นเขาคงรู้ว่าตัวเองเข้าใจผิดอะไรบางอย่าง
การฟาดอิฐนับเป็นงานอดิเรกส่วนตัวของเผ่าพันธุ์กูเรกกรู แต่การมีงานอดิเรกนี้ก็มีเหตุผล
ตอนแรกเป็นแค่การฝึกฝน ต่อมาพวกมันพบว่า พฤติกรรมแบบนี้จะดึงดูดสายตาที่บูชาจากพวกอันธพาลวัยรุ่น และได้รับ "เครื่องบรรณาการ" หลังจากนั้น การฟาดอิฐก็ไม่ใช่แค่การฝึกฝนอีกต่อไป แต่เป็นการแสดงข้างถนน
ถ้าพูดถึงเรื่องพละกำลัง ไม่ต้องพูดถึงไคริกี แม้แต่วันริกีก็ยังแข็งแกร่งกว่ากูเรกกรู แต่กูเรกกรูอาศัยรูปลักษณ์ที่โดดเด่นคว้าชัยชนะมาได้
ยิ่งไปกว่านั้น ครอบครัวไคริกีไม่ว่าจะเสียเหงื่อในโรงยิม หรือทุ่มเทแรงกายในสถานที่ก่อสร้าง มีเพียงกูเรกกรูเท่านั้นที่เลือกวิธีนี้ ก็นับว่าเป็นการยืนยันชื่อ "อันธพาล" ได้เป็นอย่างดี
ถ้าอูฐอยู่ที่นี่ คุซันคงไม่เข้าใจผิดแบบนี้ แต่ตอนนี้อูฐกำลังสนุกสนานกับสายฝน เกิดในทะเลทางเหนือ มันไม่เคยเห็นฝน เคยเจอแต่พายุหิมะ สำหรับเพนกวินตัวนี้ สายฝนเป็นประสบการณ์ใหม่
มันยังจงใจมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็นสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ ก่อนจะเริ่มผ่อนคลาย
ความเงียบของคุซันก็ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็วโดยคนอื่น น้ำฝนเหนือศีรษะของเขาก็หายไป มีร่มลายดอกไม้กางอยู่เหนือหัวเขาแล้ว
"คุณลุงคะ ฝนตกก็ไม่กางร่ม ระวังแก่ตัวแล้วจะเป็นโรครูมาตอยด์นะคะ" (ปลเป็นโรคเรื้อรังที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ ไปโจมตีเนื้อเยื่อของตัวเอง โดยเฉพาะเยื่อบุข้อต่อ ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง)
เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ อายุประมาณสิบเอ็ดสิบสองปีถือร่มลายดอกไม้ไว้สูง ๆ กางให้คุซัน ความสูงกว่าสามเมตรนั้นสูงเกินไป แม้ว่าตอนนี้คุซันจะนั่งยอง ๆ กับพื้น แต่สำหรับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ มันก็ยังเป็นเรื่องท้าทาย
"ไม่ต้องห่วงหรอก ร่างกายลุงแข็งแรงมาก ฝนตกปรอย ๆ แบบนี้ทำอะไรลุงไม่ได้หรอก"
"ตอนยายยังสาวก็พูดแบบนี้แหละค่ะ ตอนนี้ยายก็มานึกเสียใจแล้ว"
พยากรณ์อากาศอาจจะหลอกลวง แต่แผลเก่าไม่หลอก คนที่เคยได้รับบาดเจ็บตอนหนุ่มสาว เมื่อแก่ตัวลง ทุกครั้งที่ฝนตกฟ้าคะนองก็เป็นความท้าทาย
แต่ร่างกายก็จะตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างตรงไปตรงมา ผู้สูงอายุหลายคนมักจะใช้ตัวเองเป็นบทเรียนเพื่อเตือนคนรุ่นหลัง
"อารารา ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ ครั้งหน้าลุงจะระวังตัว
ว่าแต่หนู อากาศแบบนี้ทำไมถึงออกมาคนเดียว แล้วยังเดินมาทางนี้ด้วย? ฝนตกแบบนี้ อยู่ใกล้แม่น้ำไม่ดีนะ"
"ยายปวดเอวค่ะ หนูเลยมาหายาให้ยาย คุณลุงน่าจะเป็นคนใหม่ใช่มั้ยคะ กูเรกกรูไม่กินน้ำแข็งหรอกค่ะ เอาแบบนี้มาไม่มีประโยชน์ ช่วยถือร่มให้หนูหน่อยค่ะ"
พูดจบก็หยิบกล่องข้าวออกมา ข้างในมีข้าวปั้นไส้ปลาแห้งอยู่สองสามก้อนและขวดเปล่า ยื่นให้กูเรกกรู
กูเรกกรูก็คุ้นเคยกับการแลกเปลี่ยนแบบนี้ หลังจากรับอาหารแล้วก็หลั่งพิษหยดหนึ่งลงในขวด จากนั้นก็เติมน้ำให้เต็ม
ในปริมาณที่มากพอ พิษที่หลั่งออกมานั้นเป็นพิษที่ทำให้ร่างกายเป็นอัมพาตได้ แต่ในปริมาณที่เหมาะสม มันกลับเป็นยารักษาโรคชั้นดี
พิษที่หลั่งออกมาจากปลายนิ้วของมัน หลังจากเจือจางแล้วสามารถนำมาทำเป็นยาได้ เป็นวัตถุดิบยาชั้นยอดที่ช่วยบรรเทาอาการปวดเอว
กูเรกกรูจะใช้น้ำพิเศษเจือจาง ซึ่งจะทำให้กระบวนการเจือจางไม่สามารถย้อนกลับได้ แม้ว่าจะมีคนต้องการทำให้บริสุทธิ์ ก็ไม่สามารถสกัดพิษออกมาได้อีก ได้แต่น้ำเสีย ป้องกันไม่ให้มีคนคิดใช้น้ำพิษนี้ก่อเรื่อง
น้ำที่มันพ่นออกมายังเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปรุงยา การปรากฏตัวของพวกมันก็มีสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากเรื่องนี้ ยาที่ทำขึ้นเป็นพิเศษก็ปรากฏบนแพลตฟอร์มการขายของผลร้อยอสูรเช่นกัน และได้รับการตอบรับอย่างดี
ไม่ว่าจะเป็นยาต้มหรือยาพอก ก็ล้วนมีสรรพคุณอันน่าอัศจรรย์ กลายเป็นยาพื้นบ้านที่มีประสิทธิภาพในการรักษาอาการปวดเอวในวาโนะคุนิ
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เป็นวิธีที่ดีกว่า แต่ถ้าไม่ใช่โรคภัยไข้เจ็บที่วิธีการทั่วไปรักษาไม่ได้ ก็คงไม่มีใครปีนภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อรักษาอาการปวดหัวตัวร้อน การปีนขึ้นไปที่นั่นเป็นเรื่องที่ยากลำบากไม่น้อย
หลังจากได้ยาแล้ว เด็กหญิงก็เอาขวดยาไว้ใต้รักแร้ หันหลังวิ่งกลับไปทางเดิม
"เดี๋ยวก่อน ร่มหนู!"
"ให้คุณลุงไปเถอะค่ะ บ้านหนูอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง คนใหม่ก็อย่าตากฝนอีกเลยนะคะ"
ไม่ทันที่เธอจะวิ่งออกไปสองก้าว คุซันก็มาอยู่ตรงหน้าเธอ ยัดร่มลายดอกไม้ใส่มือเธอ ส่วนในมือของเขาก็มีร่มที่ทำจากน้ำแข็งเพิ่มขึ้นมาอีกคัน
"น้ำใจลุงรับไว้นะ แต่ลุงมีร่มแล้ว"
"นักเวทย์ก็พวกคนประหลาดจริง ๆ นั่นแหละ ทำร่มได้แล้วยังมาตากฝนอีก!"
"หนูก็เหมือนกัน เด็กผู้หญิงธรรมดาที่ไหน เจอหน้ากันครั้งแรกก็ยก ร่มให้คนแปลกหน้า"
"ยายบอกว่า ชีวิตความเป็นอยู่ตอนนี้ได้มายาก ก็เลยต้องดูแลพวกคนใหม่ที่เข้ามาหน่อย"
เธอคิดว่าคุซันเป็นคนใหม่ของกลุ่มร้อยอสูร ที่นี่ไม่มีใครรู้จักพลเรือเอกแห่งกองทัพเรือ
การตัดสินของเธอก็ไม่ผิด เพียงแต่คุซันเป็นกรณีพิเศษ
ภายในวาโนะคุนิแทบไม่มีคนนอก ผ่านไปหลายปี เรือที่หลงเข้ามาที่นี่โดยบังเอิญก็มีแค่ลำสองลำ หลังจากที่กลุ่มร้อยอสูรยึดครองที่นี่แล้ว ก็ยิ่งหายากขึ้นไปอีก
คนที่แต่งตัวแปลก ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นคนของกลุ่มร้อยอสูร พวกเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงของชีวิต ถึงจะทำเรื่องใหญ่ ๆ ไม่ได้ แต่ก็จะทำเรื่องเล็กๆ น้อย ๆ เท่าที่ทำได้
แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน ก็จะมีทั้งคนเก่งและคนไม่เอาไหนอยู่
แม้แต่พวกมังกรฟ้าก็ยังมีคนเก่งที่เฉลียวฉลาด ในกองทัพปฏิวัติและกองทัพเรือก็มีตัวไร้ประโยชน์ที่ชอบโอ้อวด แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การศึกษาของคนรุ่นก่อนมีอิทธิพลอย่างมากต่อคนรุ่นหลัง
"เอาล่ะ กลับบ้านได้แล้ว เรื่องของผู้ใหญ่ไม่ใช่เรื่องที่เด็กอย่างหนูต้องมายุ่งหรอก"
"อย่าดูถูกหนูนะ หนูเตรียมตัวจะไปทำงานที่ศูนย์โปเกมอนในอนาคตแล้ว บางทีถ้าคุณลุงบาดเจ็บ หนูอาจจะเป็นคนรักษาคุณลุงก็ได้"
"ถ้าเป็นไปได้ ลุงก็ไม่อยากบาดเจ็บหรอก"
ขาที่บาดเจ็บของคุซันก็ใส่รองเท้าบูทอยู่ ถ้าเขาไม่ถอดออกเอง คนนอกก็ดูไม่ออกว่าเขาขาขาด
มองดูเด็กหญิงที่เดินจากไปเลี้ยวเข้าไปในตรอก คุซันก็ตั้งใจจะออกจากที่นี่ ฝนเริ่มตกหนักขึ้น คนบนถนนก็เหลือน้อยลงแล้ว
แต่พอกลับหลังหัน เขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_