ตอนที่ 789 ให้เกียรติฉันสักหน่อย
“ช่วยส่งคนไปตรวจสอบด้วยว่าเขามีการกระทำผิดกฎหมาย หรือวินัยอื่นอีกหรือไม่”
เย่เฉิน สั่งการ
เมื่อคิดถึงการกระทำที่ผิดกฎหมายในอดีตของตัวเอง ถ้าถูกตรวจสอบขึ้นมา...
ผู้จัดการจ้าว หน้าซีดเผือดทันที
เขาจบเห่แล้ว คราวนี้คงต้องเข้าคุกแน่ๆ
“แล้วก็เขา รวมถึงพวกนั้นด้วย ใส่ชื่อพวกเขาในบัญชีดำของสนามม้า จีเฟิงซะ”
เย่เฉิน ชี้ไปที่ชายหนุ่มร่างผอมบาง และแขกคนอื่นๆ ที่เคยมาทักทาย ผู้จัดการจ้าว และพูดจาแดกดันใส่เขา ก่อนจะเอ่ยปากสั่ง หยาง เฟิงหยวน
ทันใดนั้น แขกที่เคยพูดจาแดกดันใส่เขาเหล่านั้นถึงกับอยากร้องไห้
พวกเขาไม่จำเป็นต้องมายุ่งเกี่ยวเรื่องนี้เลย แต่ตอนนี้แย่แล้ว โดนใส่ชื่อลงในบัญชีดำจนได้
ตั้งแต่นี้ไป พวกเขาจะกลายเป็นตัวตลกในสายตาคนอื่น
ส่วนชายหนุ่มร่างผอมบาง ก็ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น เขาไม่คาดคิดเลยว่า ตัวเองจะโดนใส่ชื่อในบัญชีดำของสนามม้า จีเฟิง
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ สีหน้าของชายหนุ่มร่างผอมบางก็แดงก่ำ
เหมือนตัวเองเป็นตัวตลกตัวหนึ่ง..
“รับทราบครับ”
หยาง เฟิงหยวน พยักหน้า และจดคำสั่งของ เย่เฉิน ลงไปทีละคำสั่ง
ไม่นานชายหนุ่มร่างผอมบาง และคนอื่นๆ ก็ถูกใส่ชื่อลงในบัญชีดำ ตั้งแต่นี้ไปสนามแข่งม้าในมณฑลกวางตุ้งทั้งหมดก็จะไม่ต้อนรับพวกเขาอีก
“เอาตัวเขาโยนออกไป”
เย่เฉิน โบกมือขวา ไม่นานบอดี้การ์ดสองสามคนก็เข้ามาอุ้มชายหนุ่มร่างผอมบางออกไป และโยนเขาออกไปจากสนามม้า จีเฟิง
ตอนนี้ หยาง เฟิงหยวน ที่ยืนอยู่ข้าง เย่เฉิน รู้สึกเคารพ เย่เฉิน จากใจจริง หากไม่ได้เจ้านายคนใหม่คนนี้ เขาอาจโดน ผู้จัดการจ้าว ปั่นหัวจนตำแหน่งของเขาสั่นคลอน
ตอนนี้ต้องขอบคุณเจ้านายคนใหม่ ตำแหน่งของเขาถึงได้มั่นคงขึ้น เขาจะตั้งใจทำงานให้ดีเพื่อให้เจ้านายพอใจ
หลังจากเที่ยวเล่นในสนามม้า จีเฟิง อีกสักพัก เย่เฉิน ก็ออกไปพร้อมกับ ซู หนิงซวง และซู หลิงเอ๋อร์
พวกเขาพากันเดินเที่ยวในเกาะฮ่องกงอีกนิดหน่อย พอตกเย็นทั้งสามคนก็ไปถึงร้านอาหารหรูชื่อดังแห่งหนึ่งในเกาะฮ่องกงเพื่อทานอาหาร และรอใครบางคน
ในขณะที่พวกเขากำลังทานอาหารอยู่ มีกลุ่มชายหนุ่มห้าหกคนเดินเข้ามา ในกลุ่มนั้นมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเป็นหัวหน้ากลุ่ม
“เฮ้ เหล่าหลิว ต่อไปนี้นายคงหมดสิทธิ์ไปยุ่งเกี่ยวกับการแข่งม้าแล้วสินะ”
“เสียดายจริงๆ นายไปทำอีท่าไหนถึงได้โดนใส่ชื่อในบัญชีดำของสนามม้า จีเฟิงล่ะ?”
ชายหนุ่มในกลุ่มนั้นพูดขึ้น
คนที่พวกเขาเรียกว่า เหล่าหลิว ก็คือ หลิว ฉีลี่ ชายหนุ่มร่างผอมบางในก่อนหน้านี้
“อย่าพูดถึง เหล่าหลิว เลย เหล่าหลิว คงอึดอัดอยู่แล้ว ไปดื่มกันดีกว่านะ.. ไป”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ดูเหมือนหัวหน้ากลุ่มพูดขึ้น
เมื่อเขาพูดจบ คนอื่นๆ ในกลุ่มก็เงียบลงทันที ด้วยเพราะตัวตนของชายหนุ่มคนนี้มีสถานะสูงที่สุดในกลุ่มของพวกเขา
“หืม นั่นมัน.. เขาไม่ใช่เหรอ?!”
หลิว ฉีลี่ สังเกตเห็น เย่เฉิน และหญิงสาวอีกสองคนที่กำลังทานอาหารอยู่โดยบังเอิญ
“ทำไมกัน นายรู้จักพวกเขาเหรอ?”
ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ถาม
“พี่เถิง นั่นแหละคนที่เป็นเจ้าของสนามม้า จีเฟิง เย่เฉิน ที่ฉันโดนใส่ชื่อลงในบัญชีดำก็เพราะเขานั่นแหละ”
หลิว ฉีลี่ พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง แม้เขาจะโกรธ เย่เฉิน แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้
ชายหนุ่มคนอื่นๆ ต่างก็ประหลาดใจ และพากันมองไปที่ เย่เฉิน ด้วยความอิจฉา
“เขานี่เองเหรอ?”
ในหัวของชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่วางแผนอย่างรวดเร็ว
“ไป เราไปทักทายเขาหน่อย”
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ลังเลเล็กน้อยก่อนออกคำสั่ง
น้องชายของตัวเองถูกคนอื่นเล่นงาน ถ้าไม่เข้าไปจัดการ ก็เสียชื่อหมด แล้วที่นี่ใครมันจะมาเรียกเขาว่า ‘พี่เถิง’ ได้อีก?
“ขอบคุณครับ พี่เถิง!”
เมื่อเห็นว่า พี่เถิง จะช่วยจัดการแทน หลิว ฉีลี่ ถึงกับตาเป็นประกาย
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่พา หลิว ฉีลี่ และพวกอีกสองสามคนตรงไปหา เย่เฉิน ทันที
“พี่ชาย เรามาทำความรู้จักกันไว้หน่อยดีกว่า ฉันชื่อ อวี๋ อวิ๋นเถิง”
อวี๋ อวิ๋นเถิง เอ่ยขึ้น
“หลิว ฉีลี่ เป็นพี่น้องของฉัน คุณใส่ชื่อเขาลงในบัญชีดำของสนามม้า จีเฟิง แบบนี้มันไม่ดีเลยนะ”
“ยังไงดีครับพี่ชาย ช่วยให้เกียรติฉันสักหน่อย ดึงเขาออกจากบัญชีดำ แล้วเรื่องนี้ก็ปล่อยให้มันจบลงแค่นี้..”
“ให้เกียรติคุณ? ทำไมฉันต้องให้เกียรติคุณด้วย?!”
เย่เฉิน ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา
คนแปลกหน้าที่อยู่ดีๆ ก็มาขอให้ปล่อยคนที่เคยทำผิดกับเขา แบบนี้นี่มันไม่ไร้สาระไปหน่อยเหรอ?
“นาย...”
อวี๋ อวิ๋นเถิง ถึงกับโกรธจัดเมื่อถูก เย่เฉิน สวนกลับ
“ไอ้หนู นายพูดแบบนี้กับ พี่เถิง ได้ยังไง”
“พี่เถิง มาทำความรู้จักนายเอง ถือว่าเป็นโชคดีของนายแล้ว แต่นายมัน..ดันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”
“คนที่กล้าทำให้ พี่เถิง เสียหน้า ไม่เคยมีจุดจบที่ดีเลยด้วยซ้ำ”
เหล่าชายหนุ่มในกลุ่มรีบออกมาพูดประชดประชัน เย่เฉิน
“พี่เถิง? ถ้านายแซ่หม่า เราอาจจะคุยกันได้บ้าง แต่น่าเสียดายที่นาย..แซ่อวี๋”
เย่เฉิน พูดพลางส่ายศีรษะ
“ไอ้หนู นายกล้าดูแคลน พี่เถิง เหรอ?”
“เบื้องหลัง พี่เถิง คือบริษัท ซื่อไห่ กรุ๊ป เชียวนะ!”
ชายหนุ่มในกลุ่มเริ่มตะโกนข่มขู่
ซื่อไห่ กรุ๊ป ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในเกาะฮ่องกง
“แล้วไง?”
เย่เฉิน ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
เมื่อเจอ เย่เฉิน สวนกลับแบบนี้ กลุ่มชายหนุ่มก็พากันพูดอะไรไม่ออก
“ฉันจะให้โอกาสแกครั้งสุดท้าย เอา หลิว ฉีลี่ ออกจากบัญชีดำของสนามม้า จีเฟิง ไม่อย่างนั้น แกเตรียมรับผลที่ตามมาได้เลย!!!”
อวี๋ อวิ๋นเถิง หมดความอดทน เพื่อรักษาหน้าของตัวเอง เขาไม่ลังเลที่จะเปิดศึกกับ เย่เฉิน
เย่เฉิน คีบอาหารเข้าปากอย่างจริงจังอะไรกับคำขู่ของ อวี๋ อวิ๋นเถิง แม้แต่น้อย
“แกนี่มันหยิ่งเกินไปแล้ว…”
เมื่อเห็นว่า เย่เฉิน ไม่สนใจตัวเอง อวี๋ อวิ๋นเถิง โกรธจนแทบคลั่ง
เขาให้สัญญาณทางสายตากับกลุ่มเพื่อน และทุกคนก็เข้าใจทันที
“เราจะได้เห็นดีกัน..”
อวี๋ อวิ๋นเถิง พูดก่อนจะพากลุ่มของเขาออกไปโทรเรียกคนมาเพิ่ม
“คุณเย่ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่มาช้า”
ไม่กี่นาทีต่อมา ชายวัยกลางคนคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาหา เย่เฉิน และกล่าวขอโทษซ้ำๆ
นี่คือคนที่ เย่เฉิน กำลังรออยู่.. เขาเป็นเพื่อนของหัวหน้าตระกูลเซี่ยง เพราะคำแนะนำของหัวหน้าตระกูลเซี่ยง ชายคนนี้จึงรับหน้าที่ดูแลการกินอยู่ และการเดินทางของ เย่เฉิน ในฮ่องกงอย่างเต็มที่
“ที่พักของ คุณเย่ ผมได้จัดเตรียมไว้แล้ว อยู่ที่คาบสมุทรเช็คโอ(Shek O)ครับ”
ชายวัยกลางคนพูดอย่างกระตือรือร้น เขารู้ถึงความสำคัญของ เย่เฉิน จาก เหล่าเซี่ยง หัวหน้าตระกูลเซี่ยง ดังนั้นเขาจึงจัดเตรียมการทุกอย่างด้วยมาตรฐานที่สูงที่สุด
คาบสมุทรเช็คโอถือเป็นหนึ่งในเขตที่พักสุดหรูของเกาะฮ่องกง มีวิลล่าเพียง 23 หลังเท่านั้นในพื้นที่นี้ และคฤหาสน์ของ คุณหลี่ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของฮ่องกงก็อยู่ที่นี่ด้วย
การจัดให้แขกพักในสถานที่แบบนี้ แสดงให้เห็นถึงอิทธิพล และสถานะของชายวัยกลางคนในฮ่องกงได้เป็นอย่างดี
ในขณะที่ชายวัยกลางคนกำลังพูดคุยกับ เย่เฉิน อวี๋ อวิ๋นเถิง ก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกับกลุ่มคน
เนื่องจากชายวัยกลางคนนั่งหันหลังให้ อวี๋ อวิ๋นเถิง อวี๋ อวิ๋นเถิง จึงมองไม่เห็นหน้าเขา
อวี๋ อวิ๋นเถิง เดินเข้ามาอย่างหยิ่งผยอง เพราะในร้านเต็มไปด้วยผู้คน วิสัยทัศน์ของเขาจึงค่อนข้างจำกัด
“เฮ้ ไอ้หนู แกยังเรียกคนมาช่วยอีกเหรอ? แต่แกดันไปเรียกไอ้หัวล้านมาช่วยเนี่ยนะ?”
อวี๋ อวิ๋นเถิง หัวเราะเสียงดังเมื่อเห็นว่ามีชายอีกคนที่โต๊ะของ เย่เฉิน แม้จะมองเห็นหน้าไม่ชัดเจนแต่เขาก็หัวเราะ และพูดจาเย้ยหยันออกมา
หัวล้าน?!
เมื่อได้ยินว่ามีคนกล้าเรียกตัวเองแบบนี้ ชายวัยกลางคนก็ตีหน้านิ่ง และค่อยๆ หันศีรษะไปมองด้วยความโกรธ
ตอนนั้นเอง อวี๋ อวิ๋นเถิง ที่เดินเข้ามาใกล้ก็ได้เห็นใบหน้าของชายวัยกลางคนชัดๆ
เมื่อนั้นเขาถึงกับชะงักตัวแข็งค้างไปในทันที
“พ่อ...”