ตอนที่ 40 เพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอมานาน!
ตอนที่ 40 เพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอมานาน!
นิวยอร์ก อาศรมเวทย์สาขานิวยอร์ก 177A ถนนบริค
แอนเชียนวันกำลังยืนอยู่หน้าหน้าต่าง มองดูเมืองที่ภายนอกยังคงรุ่งเรือง แต่เบื้องลึกกลับเต็มไปด้วยคลื่นใต้น้ำแห่งความวุ่นวาย พร้อมกับพัดในมือของเธอที่โบกไปมาอย่างไร้จุดหมาย ทันใดนั้นเธอก็สัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งที่แผ่กระจายมา และเมื่อเธอหันมองไปยังแหล่งกำเนิดพลังนั้น บนใบหน้าของเธอก็เผยรอยยิ้มโล่งออกมา
“เอริค ข้ามองไม่ผิดจริง ๆ เพราะวิญญาณไม่เคยโกหก”
. . .
วาคานด้า พระราชวังหลวง
เจ้าชายทีชัลก้ากำลังเตรียมสัมภาระเพื่อเดินทางไปศึกษาต่อที่อังกฤษ ขณะที่คู่หมั้นของเขาหนูน้อยสตอร์มกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนขอบหน้าต่างมองดูคู่หมั้นของตัวเองอย่างเบื่อหน่าย
ทันใดนั้นสตอร์มก็ลุกขึ้นอย่างกะทันหันด้วยสีหน้าตกตะลึง ก่อนที่เธอจะเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าพลางพึมพำเบา ๆ ว่า “พลังอะไรแข็งแกร่งขนาดนี้!”
เมื่อได้ยินเสียงพึมพำของคู่หมั้นตัวเอง ทีชัลก้าก็เดินเข้ามาถามด้วยความสงสัย “หมายถึงพายุสุริยะใช่ไหม? ไม่ต้องห่วงหรอก พวกมันทะลุผ่านกำแพงพลังงานของวาคานด้าไม่ได้แน่นอน!”
“ไม่ใช่! เจ้าไม่เข้าใจ!” สตอร์มตอบ ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเปล่งประกายราวกับเต็มไปด้วยหมู่ดาว “มีใครบางคนกำลังควบคุมพายุสุริยะอยู่! เขาแข็งแกร่งมาก!”
. . .
นอร์เวย์ ในป่าลึก
“เรามีเป้าหมายร่วมกัน! มนุษย์! พวกมัน . . .” แม็กนีโตกำลังกล่าวสุนทรพจน์อย่างเร่าร้อน แต่จู่ ๆ เขาก็หยุดชะงัก และเงยหน้ามองท้องฟ้าด้วยแววตาเลื่อนลอย
. . .
โรงเรียนเซเวียร์สำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ
“แฮงค์! ช่วยเตรียมเครื่องขยายคลื่นสมองให้ฉันที!” ศาสตราจารย์เอ็กซ์ตะโกนขึ้นมาเสียงดัง
. . .
ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติหรือความสามารถพิเศษนับไม่ถ้วนต่างสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในพายุสุริยะ และเริ่มเคลื่อนไหวกันไปตามวิถีของตนเอง
แน่นอนว่านิค ฟิวรี่ และเบลดยังคงไม่รู้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่ทรงพลังที่สุดนั่นก็คือ จาเร็ด โนแมค บุตรชายของดยุคแวมไพร์ อีลิ ดามัสกิโนส ผู้ซึ่งเป็นผลทดลองที่ล้มเหลว แต่กลับกลายเป็นแวมไพร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด
จาเร็ด โนแมค แข็งแกร่งกว่าสายพันธุ์อื่น พลังมากกว่า ฟื้นตัวเร็วกว่า และยังไม่กลัวแสงอาทิตย์ เงิน หรือกระเทียม เขาคือผลงานทดลองที่สมบูรณ์แบบที่สุดของดยุคดามัสกิโนส
“เบลด! ฮ่า ๆ ๆ ในที่สุดแกก็มาที่นี่! วันนี้ฉันจะได้ลิ้มรสเลือดของแกเสียที!” จาเร็ด โนแมค หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง โดยไม่สนใจแหล่งกำเนิดรังสีอัลตราไวโอเลตในห้องเลยแม้แต่น้อย
เบลดส่งสัญญาณให้เหล่าเจ้าหน้าที่ถอยหลังไป และเดินเข้าไปพร้อมดาบซามูไรในมือ “อีลิอยู่ที่ไหน?”
“โอ้ แกหมายถึงตาแก่คนนั้นน่ะเหรอ? น่าเสียดาย ตอนที่ฉันกินเขา เขาเอาแต่ร้องว่าเจ็บ ฮ่า ๆ ๆ!” ปากของจาเร็ด โนแมค ค่อย ๆ อ้าออกจนกรามแตกออกและมีหนวดลักษณะเหมือนหนวดปลาหมึกโผล่ออกมา สร้างความรู้สึกคลื่นไส้ให้กับเหล่าเจ้าหน้าที่ที่อยู่ในเหตุการณ์
เบลดไม่พูดอะไรต่ออีก ก่อนที่เขาจะกระโจนสูงขึ้นพร้อมกับดาบซามูไรในมือพุ่งเข้าปะทะกับจาเร็ด โนแมค
พวกเขาทั้งสองคนต่อสู้กันไปมาหลายสิบรอบ แต่ตอนนี้เบลดดูเสียเปรียบอย่างชัดเจน แขนซ้ายของเขาบิดเบี้ยวซึ่งดูเหมือนจะหัก หน้าอกถูกบดจนยุบจนซี่โครงน่าจะหักไปหลายซี่ ถ้าหากเขาไม่ได้มีสายเลือดแวมไพร์ครึ่งหนึ่งไหลเวียนอยู่ในตัว เขาคงตายไปนานแล้ว
ในทางกลับกันจาเร็ด โนแมค ตอนนี้ก็มีบาดแผลจากคมดาบซามูไรทั่วร่าง แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อเขาเลย ก่อนที่เขาจะดึงดาบที่ปักอยู่บนท้องออกอย่างง่ายดาย พร้อมกับแผลทั้งหมดที่เริ่มสมานตัวอย่างรวดเร็ว
“ยิง!” ฟิวรี่สั่งเปิดฉากยิงทันที กระสุนเงินและกระสุนยูวีนับไม่ถ้วนถาโถมใส่จาเร็ด โนแมค ทำให้มันเริ่มเสียหลักถอยหลังเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บรุนแรง
ในขณะเดียวกันฟิวรี่ก็รีบฉวยโอกาสนี้รีบอุ้มเบลดโยนลงในบ่อน้ำเลือดใกล้ ๆ ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นานเบลดจะลุกขึ้นมาอย่างสมบูรณ์อีกครั้ง และหยิบดาบขึ้นมาต่อสู้อีกครั้ง ส่วนเหล่าเจ้าหน้าที่ก็รีบเติมกระสุนใส่ปืนของพวกเขา . . .
พวกเขาต่อสู้แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่ากว่าสิบรอบ แต่ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม มีเพียงปลอกกระสุนที่เพิ่มขึ้นบนพื้น แต่ไม่มีใครสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้
“แบบนี้มันไม่ได้ผลแน่ ฟิวรี่ กระสุนของพวกเรากำลังจะหมดแล้ว! นายมีแผนอะไรอีกไหม?” แกร์เร็ตต์มองดูการต่อสู้ระหว่างเบลดกับจาเร็ด โนแมคพร้อมกับเช็ดเหงื่อบนใบหน้า
“แล้วฉันจะทำอะไรได้เล่า! ให้ตายสิ เอริค . . .”
แต่ก่อนที่ฟิวรี่จะพูดจบ คำด่าก็ต้องสะดุดเมื่อจู่ ๆ มันก็เกิดลมกรรโชกแรงพัดมาจากด้านหลังจนเขาล้มลงกับพื้น และก่อนที่ฟิวรี่จะลุกขึ้นมาอีกครั้ง ลมนั้นก็เริ่มหมุนวนไปรอบ ๆ จาเร็ด โนแมค กลายเป็นพายุหมุนขนาดเล็กที่กักเขาไว้ตรงกลาง
หลังจากนั้นไม่นาน อนุภาคสีเงินส่องแสงจำนวนมากก็เข้ามาห้อมล้อมจาเร็ด โนแมค ทำให้ในพริบตาเขาก็ถูกห่อหุ้มด้วยอนุภาคสีเงิน
“นี่มันอะไรกัน?” ฟิวรี่มองไปรอบ ๆ อย่างระแวดระวัง พร้อมกับมือที่กำปืนแน่น
“บางทีนี่อาจจะเป็นอาวุธใหม่ของเอริค” เบลดพูดพลางถอยหลังโดยถือดาบไว้ในมือ
“อาวุธใหม่? ให้ตายเถอะ! เจ้าหมอนั่นมันชอบโกหกทั้งเพ!” ฟิวรี่พูดด้วยความไม่อยากเชื่อ
ทันใดนั้นอนุภาคสีเงินตรงหน้าก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง กลายเป็นแสงสีแดงที่เริ่มปรากฏขึ้นบนพื้นผิว และสว่างขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับอุณหภูมิรอบ ๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นจนฟิวรี่ต้องสั่งให้เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ถอยออกไป
“นี่มันอะไร? คลื่นไมโครเวฟเหรอ?” ฟิวรี่บ่นพึมพำ ก่อนที่อนุภาคสีเงินที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์จะเริ่มหลอมละลาย ปล่อยแสงจ้าจนแสบตา และอุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นจนอนุภาคสีเงินเริ่มระเหยเป็นไอ
ไม่นานหลังจากนั้น ทุกสิ่งที่เหลืออยู่ก็มีเพียงรอยดำบนพื้น และไม่มีวี่แววใด ๆ ของจาเร็ด โนแมค อีกต่อไป . . .
. . .
หลังจากจัดการจาเร็ด โนแมค ได้สำเร็จ เอริคก็หันเป้าหมายไปยังรังแวมไพร์แห่งถัดไป
ด้วยประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาในตอนนี้สามารถควบคุมพายุหลายลูกพร้อมกันเพื่อกวาดล้างรังหลายแห่งได้ในเวลาเดียวกัน
“หืม? ใครกัน?!”
จู่ ๆ เอริคก็รู้สึกได้ถึงพลังจิตที่แข็งแกร่งและคุ้นเคยที่ใกล้เข้ามาจนทำให้เขาตื่นตัวทันที
“แม็ก! ไม่ . . . นายไม่ใช่เขา! นายไม่ใช่มนุษย์กลายพันธุ์! แต่ทำไม . . . พลังจิตของนายถึงคล้ายกันมาก . . .” พลังจิตนั้นโอบล้อมเอริคราวกับกำลังสำรวจเขา
“ศาสตราจารย์ชาร์ลส์?” เอริครู้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใคร เขาก็คือ ‘เพื่อนเก่า’ ศาสตราจารย์เอ็กซ์ ผู้ที่เขาไม่เคยพบหน้ามาก่อนในจักรวาลแห่งนี้
“โอ้ ขออภัยที่เสียมารยาท ฉันคือชาร์ลส์ เซเวียร์ อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียนเซเวียร์สำหรับผู้มีความสามารถรพิเศษ”
“เอริค แลนเซอร์” เอริคกล่าวชื่อของเขาโดยไม่ลังเล
“เอริค . . . เขาก็ใช้ชื่อนี้ ความสามารถเดียวกัน พลังจิตที่คล้ายกันมาก ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับเขาคืออะไร? โคลน? หรือว่า . . .” ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ใช้พลังจิตกดดันเอริค ราวกับต้องการคำอธิบายที่สมเหตุสมผล มิฉะนั้นอาจเกิดการปะทะกันได้
น่าเสียดายที่ในตอนนี้ เอริคไม่ได้เกรงกลัวเขาเลย!
ด้วยพลังจากพายุสุริยะและพลังงานที่ไม่มีที่สิ้นสุด เอริคโบกมือเบา ๆ สร้างเกราะป้องกันด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าหลายชั้น ก่อนจะส่งพลังจิตที่ทรงพลังกลับไปกดดันพลังจิตของศาสตราจารย์ชาร์ลส์จนพลังจิตของอีกฝ่ายต้องล่าถอยไป
“ศาสตราจารย์ชาร์ลส์ การกระทำของคุณดูจะเสียมารยาทไปหน่อยนะ!”
โปรดติดตามตอนต่อไป …