ตอนที่แล้วตอนที่ 38 ถึงเวลาแล้ว!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 40 เพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอมานาน!

ตอนที่ 39 พายุสุริยะ!


ตอนที่ 39 พายุสุริยะ!

ในเวลาเพียงห้านาที เจ้าหน้าที่ทั้ง 20,000 คนได้ออกปฏิบัติการพร้อมกันเพื่อกำจัดเหล่าขุนนางและเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่กลายเป็นแวมไพร์ โดยที่ระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดไม่อาจต้านทานพวกเขาได้เลย ไม่ว่าจะเป็นบรรดาเหล่าบอดี้การ์ด หรือแม้กระทั่งเหล่าขุนนางที่ทรงพลังหลังกลายเป็นแวมไพร์ ก็ไม่สามารถต้านกระสุนเคลือบเงินของพวกเขาได้

ห้านาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพายุสุริยะที่เดินทางมาถึงตามคาดการณ์

โดยสิ่งแรกที่มาถึงก็คือ รังสีแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มข้นสูง ซึ่งมันไม่ได้เพียงแค่ส่งผลต่ออุปกรณ์สื่อสารของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังทำให้ระบบป้องกันรังสียูวีเสียหาย ทำให้เหล่าแวมไพร์ที่ต้องพึ่งพาอุปกรณ์นี้เพื่อออกล่าในเวลากลางวันจึงได้รับผลกระทบร้ายแรง แสงแดดที่สาดส่องทำให้พวกมันสลายกลายเป็นเถ้าถ่านโดยไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียว

ในขณะเดียวกันหลังจากเหล่าเจ้าหน้าที่ชีลด์เสร็จสิ้นภารกิจการกำจัดเป้าหมายรายบุคคล ฟิวรี่และเบลดก็นำทีมเจ้าหน้าที่ลงไปใต้ดิน มุ่งหน้าไปยังรังของแวมไพร์เพื่อล้างบางพวกมันทีละแห่ง และด้วยอุปกรณ์ที่เอริคจัดเตรียมเอาไว้ให้มันก็ทำให้เหล่าแวมไพร์ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของพวกเขาได้เลย

“บ้าชะมัด มันมีกี่รังกันแน่?” การ์เร็ตต์ที่ตัวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดเต็มตัวตะโกนอย่างไม่พอใจ

เลือดเหล่านี้ส่วนหนึ่งเป็นเลือดของเจ้าหน้าที่หนุ่มที่ถูกฉีกเป็นชิ้นโดยกลุ่มแวมไพร์ในการต่อสู้ระยะประชิด ถึงแม้ว่าการ์เร็ตต์จะกำจัดแวมไพร์ทั้งหมดแล้ว แต่ความโกรธของเขาก็ยังไม่ลดลง เพราะตอนนี้เขาไม่ใช่ทั้งเจ้าหน้าที่ของชีลด์หรือไฮดรา แต่เป็นเพียงทหารคนหนึ่งเท่านั้น

“ไม่แน่ชัด เรารู้ตำแหน่งรังประมาณ 400 แห่ง แต่ไม่มีใครรู้ว่ามีอีกเท่าไหร่” ฟิวรี่ตอบพลางโยนระเบิดยูวีออกไปหลังยิงแวมไพร์หลายตัวพลาดไป ทำให้เหล่าแวมไพร์ถูกกำจัดในทันที

“อะไรนะครับ? มีรังแวมไพร์กว่า 400 แห่งในโลกเลยเหรอ? พระเจ้า!” โคลสันที่เป็นมือใหม่อุทานด้วยความตกใจเมื่อได้ยินบทสนทนาของพวกเขา

“ไม่ใช่ทั้งโลก แค่ในอเมริกาเท่านั้น!” เบลดเดินเข้ามาหลังจากเพิ่งจัดการเสร็จไปรังหนึ่ง

“เวรกรรม!” โคลสันสบถพลางหยิบปืนขึ้นและเดินหน้าต่อ

ระหว่างที่ทีมกำลังเคลียร์พื้นที่ ฟิวรี่ก็ค่อย ๆ ขยับตัวเข้าใกล้เบลดพร้อมพูดขึ้นมาเบา ๆ ว่า “ตอนนี้นายบอกฉันได้รึยังว่าเอริคกำลังทำอะไร? เราไม่มีคนมากพอ! มีแค่ 20,000 คนเท่านั้น ด้วยจำนวนแค่นี้เราไม่มีทางกำจัดรังแวมไพร์ทั้งหมดในโลกได้อย่างแน่นอน!”

“อีกไม่นานนายจะรู้เอง! ตอนนี้เราไปจัดการศัตรูที่น่ากลัวที่สุดอย่าง จาเร็ด โนแมค กันก่อน!” เบลดตอบสั้น ๆ ก่อนโบกดาบซามูไรและเดินนำทีมไปข้างหน้า

. . .

ในอวกาศ เอริคสัมผัสได้ถึงพายุสุริยะที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนจะเริ่มเปิดใช้อุปกรณ์ที่อยู่ด้านหลังของเขา

ทันใดนั้นประกายแสงสีเงินก็สว่างวาบขึ้น แผ่นโลหะเงินขนาดใหญ่เคลื่อนไหวเหมือนปีกนกสร้างสนามแม่เหล็กพิเศษที่สามารถดักจับพลังงานจากพายุสุริยะ สนามแม่เหล็กเหล่านี้รวบรวมพลังงานสนามแม่เหล็กจำนวนมหาศาลเข้าสู่กรวยยักษ์ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นลำแสงพลังงานขนาดเท่าแขนส่งเข้าสู่ร่างของเอริค

ร่างของเอริคเริ่มสั่นสะท้าน พลังพิเศษของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ขณะที่ร่างกายที่แข็งแกร่งของเขาสั่นไหวอยู่ในสนามแม่เหล็ก โดยมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างรุนแรงระเบิดออกมารอบทั่วตัวของเขา และกระแสไฟฟ้าดูเหมือนจะไหลผ่านดวงตาของเขาตลอดเวลา

ตอนนี้เอริครู้สึกแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมาก่อน พลังงานในร่างของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจนเกินกว่าร่างกายที่ได้รับการเสริมความแข็งแกร่งจากเซรุ่มซูเปอร์โซลเยอร์จะรองรับได้ เซลล์ของเขาร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดราวกับใกล้จะระเบิดได้ตลอดเวลา

แต่แค่นี้ยังไม่เพียงพอ เขาต้องการพลังมากกว่านี้!

เพราะแผนการขั้นต่อไปของเขามันจำเป็นต้องใช้พลังงานมากมายมหาศาล!

เอริคพยายามฝืนทนความไม่สบายตัวจากพลังงานส่วนเกิน พร้อมใช้พลังแม่เหล็กไฟฟ้าอย่างเต็มกำลังเพื่อกระตุ้นเซลล์ในร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้น

ร่างกายของเขาซึ่งเคยอยู่ในระดับเดียวกับกัปตันอเมริกา แต่ด้วยการเสริมจากพายุสุริยะในครั้งนี้ ร่างกายของเขากำลังพัฒนาไปอีกขั้น พละกำลังและความทนทานเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในเวลาเพียงไม่กี่วินาที และยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง

ขณะที่พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าและพลังงานต่าง ๆ ไหลเวียนในร่าง เอริคต้องเผชิญกับความเจ็บปวดแบบเดียวกับตอนที่เขาได้รับเซรุ่มซูเปอร์โซลเยอร์ครั้งแรก เขารู้สึกว่าเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายกำลังต่อต้านการบุกรุกของพลังงาน แต่ด้วยพลังแม่เหล็กที่ทรงอานุภาพ เขาจึงบังคับให้พลังเหล่านั้นให้หลอมรวมเข้ากับเซลล์ของเขาได้สำเร็จ

มันเหมือนการชักเย่อที่ทั้งสองฝ่ายต่างได้รับความเสียหาย เซลล์จำนวนมากพังทลายเพราะพลังงานที่เกินขีดจำกัด และพลังงานส่วนใหญ่สลายไปหลังจากถูกเซลล์ต่อต้าน

ดังนั้นเอริคในตอนนี้จึงกำลังเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดเป็นสองเท่า!!

อย่างไรก็ตามเขาก็คิดว่ามันคุ้มค่า ร่างกายของเขายังคงแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างหนัก และยิ่งแข็งแกร่งขึ้น เขาก็ยิ่งสามารถรองรับพลังงานได้มากขึ้น และใช้พลังพิเศษที่ทรงอานุภาพยิ่งขึ้นเพื่อเสริมสร้างร่างกายวนไปเช่นนี้ซ้ำ ๆ

หลังผ่านไปประมาณสิบนาที เอริคก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ากระบวนการเสริมความแข็งแกร่งของเขาเริ่มช้าลงเรื่อย ๆ เขาจึงหยุดวิธีการทรมานตัวเองเพื่อเสริมพลังในทันที ในตอนนี้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่ากัปตันอเมริกาถึงห้าเท่า!

นอกจากนี้ ร่างกายที่แข็งแกร่งถึงระดับนี้ยังช่วยให้เขาสามารถรองรับพลังงานได้มากขึ้น พลังพิเศษของเขาก็ทะลุเกินระดับโอเมก้าไปแล้ว!

ในตอนนี้ด้วยการสนับสนุนพลังงานที่ไร้ที่สิ้นสุด พลังของเขาสามารถครอบคลุมได้ทั่วทั้งโลกได้อย่างง่ายดาย!

ลำแสงพลังงานที่เคยทำให้ร่างกายของเขาต้องสั่นคลอนตอนนี้มันไม่สามารถทำอะไรเขาได้อีกต่อไป

ทันใดนั้นเอริคก็ยกมือทั้งสองขึ้นอย่างสง่างาม พร้อมกับเหล่ามังกรเงินใต้เท้าที่เริ่มเคลื่อนไหวราวกับมีชีวิต พวกมันเริ่มลอยตัวขึ้นและหมุนวนในอากาศส่งเสียงคำรามที่ไร้เสียงออกมาอย่างเงียบ ๆ

ในขณะเดียวกันเอริคก็ค่อย ๆ ดันฝ่ามือไปข้างหน้าและแบมือออกตรงไปที่โลก ก่อนที่มังกรเงินตรงหน้าเขาทะยานมุ่งหน้าสู่โลกเบื้องล่างอย่างรวดเร็ว

เมื่อมังกรเงินปะทะเข้ากับชั้นบรรยากาศ เอริคก็สร้างเกราะแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อปกป้องพวกมันจากการสูญเสียพลังงานที่เกิดจากแรงเสียดทานกับอากาศ

มังกรเงินบินต่ำลงเรื่อย ๆ และในพริบตาก็ทะลุผ่านชั้นโทรโพสเฟียร์ ทันใดนั้นเอริคกระแทกฝ่ามือทั้งสองเข้าหากันอย่างแรง ทำให้มังกรเงินแตกกระจายกลายเป็นอนุภาคขนาดเล็กที่ตามองไม่เห็น และผสมเข้ากับสนามแม่เหล็กของพายุสุริยะมุ่งหน้าลงสู่พื้นดิน

ในขณะเดียวกันเอริคก็ค่อย ๆ ลอยตัวในท่านั่งขัดสมาธิและปิดตาลง นี่เป็นวิธีที่ช่วยให้เขามีสมาธิมากขึ้น

พายุสุริยะที่ผสมอนุภาคสีเงิน ภายใต้การควบคุมของเอริคก็กลายเป็นลมพายุที่รุนแรงและพัดกระจายไปทั่วโลก ทุกที่ที่มีผู้คนอนุภาคเงินเหล่านี้ล้วนถูกลมพายุพัดพาไปถึง

แวมไพร์นับไม่ถ้วนที่หลบซ่อนอยู่ในบ้านกลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา โดยที่พวกมันยังไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกมัน

จากนั้นลำดับต่อไปก็คือรังแวมไพร์อีกนับไม่ถ้วน ลมพายุที่รุนแรงพัดผ่านไปตามถนนหนทาง อนุภาคสีเงินไหลซึมลงไปใต้ดินผ่านท่อระบายน้ำ ท่อระบายอากาศ และช่องทางอื่น ๆ ตราบใดที่มีช่องว่างอนุภาคเงินเหล่านี้ก็สามารถเข้าไปได้

นี่เป็นงานที่กินเวลายาวนานมาก เนื่องจากโลกมันกว้างใหญ่เกินกว่าที่เอริคที่มีพลังจากพายุสุริยะคอยหนุนหลังและเสริมพลังถึงห้าเท่าจะสามารถกวาดล้างทุกมุมของโลกได้ในเวลาอันสั้น

“พายุสุริยะลูกนี้น่าจะคงอยู่ต่อได้อีกสี่ถึงห้าชั่วโมง ฉันต้องเร่งมือให้เร็วที่สุด”

โปรดติดตามตอนต่อไป …

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด