ตอนที่แล้ว83 - ตาต่อตา คมกระบี่ปะทะคมกระบี่!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป85 - ข้าจะช่วยเจ้าเอง!

84 - เจ้าต้องยอมให้ข้าควบคุม!


84 - เจ้าต้องยอมให้ข้าควบคุม!

จูจวินนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะมองสวีเหมียวจิ่นตั้งแต่หัวจรดเท้า

"เฮอะ ข้าก็ว่าแต่เช้าทำไมกลิ่นน้ำส้มถึงแรงขนาดนี้ ที่แท้ก็มีคนทำขวดน้ำส้มแตกสินะ?"

"ใครหึงกัน?" สวีเหมียวจิ่นพูดด้วยสีหน้าเย็นชา "ข้าแค่ทำตามคำสั่งของพระบิดาและพระมาร ให้ดูแลเจ้าและควบคุมเจ้าให้ดี ถ้าเจ้าไม่ทำตัวไร้สาระ ใครจะไปอยากยุ่งกับเจ้า?"

"ไม่ ไม่ ข้าไม่ต้องการให้เจ้าควบคุม ข้าโตแล้ว ใครยังต้องการให้คนอื่นดูแลอีก?" จูจวินตอบ "หากเจ้ามาบ้านข้าในฐานะแขกก็ตามใจ แต่ถ้าคิดจะควบคุมข้าล่ะก็ เลิกคิดเสียเถอะ

เราสองคนไม่มีความรู้สึกต่อกัน และข้าก็ไม่ชอบเจ้าเลย ต่อให้เจ้าฝืนใจแต่งงานกับข้า สุดท้ายก็คงอยู่กันไปวันๆ เท่านั้น

แค่เจ้าไม่ทำให้ข้าขายหน้าก็พอ ข้าต่างก็เคารพกัน ทุกอย่างจะราบรื่น"

สวีเหมียวจิ่นสีหน้าไม่สู้ดีนัก นางรู้สึกอับอายโดยเฉพาะสายตาสงสารของหลี่ว่านชิว ที่ทำให้นางอยากหายตัวไปให้ได้

"เจ้าบ้าเอ๊ย เจ้า..."

"เจ้าพูดตลอดว่าเป็นชายาของอ๋องอู่ แต่กลับเรียกสามีของตนเองว่าเจ้าบ้า นี่แสดงว่าในใจเจ้าไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย" หลี่ว่านชิวส่ายหน้า "ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าจะฝืนตัวเองไปทำไม?"

"นี่มันเรื่องในครอบครัวข้า ไม่ใช่ธุระของคนอื่น!" สวีเหมียวจิ่นกลั้นความหงุดหงิดในใจไว้ "ข้าบอกเจ้าไว้เลย ตราบใดที่ข้ายังอยู่ เจ้าจะไม่มีวันได้เข้ามาอยู่ในบ้านนี้!"

"ข้าไม่สนใจหรอก!" หลี่ว่านชิวกุมมือไว้ด้านหลัง เดินจากไปอย่างช้าๆ "ข้าไม่พูดกับผู้หญิงที่ไร้ยางอาย!"

สวีเหมียวจิ่นถึงกับโมโหจนแทบระเบิด

หากจูจวินไม่ขวางไว้ นางคงคว้ากระบี่พุ่งเข้าใส่ไปแล้ว

"พอได้แล้ว เจ้าไม่รู้จักอดทนหน่อยหรือ?" จูจวินพูด "นางเป็นบุตรีของอาจารย์ข้า หลี่เอี้ยนซี ข้าก็แค่พาพวกเขามาอยู่ด้วยเพราะนอกเมืองไม่ปลอดภัย

เจ้าจะว่าข้าก็เรื่องของเจ้า แต่ศิษย์พี่ของข้าบริสุทธิ์สูงส่ง อย่าทำให้ชื่อเสียงของนางได้รับผลกระทบจนไม่สามารถแต่งงานได้"

สวีเหมียวจิ่นสีหน้าดีขึ้นเล็กน้อย "เจ้าไปชอบใครไม่เห็นต้องมาบอกข้า!"

"ข้าไม่ยุ่งกับเจ้าแล้ว!" จูจวินหาวแล้วเดินออกไป

"หยุดเดี๋ยวนี้!"

สวีเหมียวจิ่นรีบตามไป แต่หลี่จี้ป้าและหนิวอู่โหลวเดินตามขนาบข้างอยู่ตลอด

จูจวินไม่สนใจนาง เดินตรงไปยังห้องอาหาร ที่นั่นพ่อครัวเตรียมอาหารเช้าอย่างอุดมสมบูรณ์

มีทั้งซาลาเปาไส้แน่น เกี๊ยวน้ำ และเกี๊ยวต้ม

หมูของอาณาจักรต้าเย่ล้วนผ่านการตอนมาแล้ว ทำให้ไม่มีกลิ่นสาบ

ก่อนยุคต้าเย่ เนื้อหมูถือว่าเป็นเนื้อชั้นต่ำ

แต่แม้ชื่อหมูจะไปพ้องกับแซ่จู ฮ่องเต้จูก็ไม่ได้ถือสา ชาวบ้านจึงสามารถเรียกเนื้อหมูได้โดยตรง

นอกจากนี้ยังมีน้ำเต้าหู้ ปาท่องโก๋

รวมถึงผักดอง ก้านไผ่ดอง ไก่ตากแห้ง ปลาน้ำจืด และหมูรมควัน

อาหารเช้านี้ทำเอาสวีเหมียวจิ่นตกตะลึง "เจ้าอยู่คนเดียวกินถึงขนาดนี้เชียว?"

"จะกินก็กิน อย่าพูดมาก!" จูจวินนั่งลงที่หัวโต๊ะ ไม่นานหลี่เอี้ยนซีก็มาถึง เมื่อเห็นคนแปลกหน้า เขายกมือขึ้นคำนับ

จูจวินรีบลุกให้ที่นั่ง

จากนั้นหลี่ว่านชิวก็ประคองมารดาของนางเข้ามา

"คำนับอาจารย์หญิง!" จูจวินรีบกล่าวทัก

"ต้องขอโทษที่ทำให้ท่านอ่องรอนาน!" หลี่หวังชิงกล่าวอย่างเกรงใจ ในวังอ๋องอู่ นางได้รับการดูแลอย่างดีจนซาบซึ้งใจ

"โก้วตงจื่อ ไปเรียกชิงเหอมากินข้าวด้วย!"

"ทราบแล้วองค์ชาย!"

ซวินปู๋ซานรีบวิ่งออกไป

ไม่นานชิงเหอก็มาถึง แต่กลับนั่งอยู่ที่ปลายโต๊ะ

"มากันครบแล้ว เริ่มกินได้" จูจวินออกคำสั่ง รอจนหลี่เอี้ยนซีตักคำแรกก่อน จูจวินจึงเริ่มลงมือ

เมื่อเห็นภาพนี้ สวีเหมียวจิ่นถึงกับตกตะลึงเหมือนเห็นผีในเวลากลางวันแสกๆ

หลี่เอี้ยนซีเป็นปราชญ์ยิ่งใหญ่ในยุค นางเข้าใจที่เขาร่วมโต๊ะอาหาร

แต่หลี่จี้ป้า หนิวอู่โหลว และชิงเหอล้วนเป็นเพียงข้ารับใช้

การที่นายและบ่าวนั่งกินอาหารร่วมโต๊ะกัน นี่มันไม่สมกับธรรมเนียมเลย!

ในตระกูลสวีนั้นไม่มีทางได้เห็นภาพแบบนี้

อีกทั้งหลี่ว่านชิวยังมองนางด้วยสายตาดูถูก ทำให้นางโกรธจนแทบระเบิด

นางรู้สึกเหมือนตนเองกลายเป็นหญิงที่ไร้ค่า

จูจวินไม่ได้สนใจนาง จะให้เขาป้อนข้าวนางหรืออย่างไร?

เมื่อหลี่เอี้ยนซีวางชามตะเกียบลง จูจวินรีบเทชาล้างปากให้เขา

แรกเริ่มหลี่เอี้ยนซียังไม่คุ้นเคย แต่เมื่อผ่านไปหลายวัน เขาก็ชิน

สำหรับความประพฤติที่นอบน้อมของจูจวิน หลี่เอี้ยนซีชมเชยไม่หยุด

“เด็กคนนี้แท้จริงแล้วมีจิตใจที่ดี เพียงแต่ขาดการชี้นำ”

“เมื่อวานข้าให้เจ้าใคร่ครวญถึงความหมายของคำว่ามารยาท เจ้าได้คำตอบหรือยัง?” หลี่เอี้ยนซีถาม

ทุกคนวางชามตะเกียบลง แม้แต่หลี่ว่านชิวก็มองจูจวินไม่วางตา ช่วงหลายวันที่ผ่านมา นางมักหาเรื่องถกเถียงกับจูจวิน แต่ก็พ่ายแพ้ทุกครั้งจนหมดทางโต้แย้ง

จูจวินครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนคำนับตอบ “ข้าพอจะเข้าใจบ้างแล้ว มารยาทนั้นแรกเริ่มเกิดขึ้นเพื่อบวงสรวงและแสดงความเคารพต่อเทพเจ้า จากนั้นค่อยพัฒนาเป็นมารยาทในหมู่มนุษย์

จากนั้นจึงกลายเป็นระเบียบที่ใช้ควบคุมผู้คน และเป็นรากฐานหนึ่งของสังคม

คนไร้มารยาท ก็คือสัตว์เดรัจฉานที่สวมหนังมนุษย์

มีมารยาทจึงจะเรียกว่ามนุษย์

การเคารพรักบิดามารดาคือมารยาท

การเคารพอาจารย์และปฏิบัติตามหลักธรรมคือมารยาท

ความรักใคร่ระหว่างพี่น้องคือมารยาท

ความปรองดองในชีวิตคู่คือมารยาท

ดังนั้น มนุษย์ต้องเรียนรู้มารยาท หากไม่เรียนรู้ ย่อมยากที่จะยืนหยัดในสังคม!”

“ดีมาก! ไม่เรียนมารยาท ย่อมยากที่จะยืนหยัดในสังคม!” หลี่เอี้ยนซีปรบมือด้วยความชื่นชม “คำนี้ควรสืบทอดไปชั่วนิรันดร์!”

เขามองจูจวินด้วยความพึงพอใจถึงขีดสุด

หลี่ว่านชิวกำหมัดเล็กๆ ไว้แน่น

น่าโมโหจริงๆ การสรุปของหมอนี่มักทำให้คนตื่นตะลึงเสมอ!

คำว่า “ไม่เรียนมารยาท ย่อมยากที่จะยืนหยัดในสังคม” ได้กล่าวถึงแก่นแท้และความสำคัญของมารยาทอย่างครบถ้วน!

“ทั้งหมดนี้เพราะอาจารย์สอนข้าดี!” จูจวินคำนับกล่าว

“เจ้ามีนิสัยบริสุทธิ์ดั่งเด็กไร้เดียงสา!” หลี่เอี้ยนซีแทบอยากไปคุยโวกับคนในสำนักกว๋อจื่อเจียนเลยทีเดียว!

หลี่หวังชิงพยักหน้าไม่หยุด “เป็นสิ่งดีเลิศนัก!”

หลี่จี้ป้ามองด้วยแววตาที่เปล่งประกาย

สวีเหมียวจิ่นจ้องมองจูจวินตาค้าง เมื่อเห็นเขาในลักษณะคล้ายสุภาพบุรุษ ใจของนางเหมือนมีคลื่นพายุถาโถม

นี่หรือคือเจ้าบ้าจูคนเดิมที่นางรู้จัก?

ในใจของนางรู้สึกปั่นป่วนหลากหลายอารมณ์

“สายแล้ว ควรไปเรียนได้แล้ว ว่านชิว ตั้งใจทำหน้าที่ให้ดี!”

“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ!” หลี่ว่านชิวพยักหน้า

จูจวินเช็ดปาก ก่อนเดินออกจากห้องอาหาร เขามองสวีเหมียวจิ่นที่อยู่ด้านหลัง “เจ้าจะไปวังกับข้าหรือไม่?”

สวีเหมียวจิ่นหน้าแดง “ใครจะไปกับเจ้า วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อบอกเจ้าว่าห้ามขายร้านสลากนั้นอีก ได้ยินหรือไม่?”

“นั่นมันกิจการของข้า ข้าจะขายหรือไม่ขาย เกี่ยวอะไรกับเจ้า?” จูจวินมองสวีเหมียวจิ่นเหมือนเห็นผี “อย่าบอกนะว่าเจ้าชอบข้าขึ้นมาจริงๆ?”

“ชอบเจ้าหัวเจ้าเถอะ!” สวีเหมียวจิ่นกำหมัดแน่น ยกขึ้นขู่ “หากเจ้าไม่ยอมจัดการกิจการนั้น ข้าจะจัดการเอง

เจ้ามีผู้ประสบภัยมากมายที่ต้องดูแล ต้องใช้เงินทองทุกทาง หากขายกิจการนี้ไป จะเอาอะไรมาจุนเจือ?”

จูจวินกอดอก มองด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เจ้ายังไม่ได้แต่งเข้ามา ก็ทำตัวเหมือนจะควบคุมทุกสิ่งแล้ว หากแต่งเข้ามาจริงๆ ข้าจะมีชีวิตสุขสบายได้หรือ?”

“อย่าพูดไร้สาระนัก ในเมื่อข้าได้เปลี่ยนคำพูดไปแล้ว ชาตินี้ข้าสวีเหมียวจิ่นจะแต่งงานกับเจ้าแน่” สวีเหมียวจิ่นกัดฟันพูด “ข้าบอกเจ้าไว้เลย หากเจ้าไม่เป็นคนดี ข้าจะบังคับให้เจ้ากลายเป็นคนดีให้ได้ จากนี้ไป เจ้าต้องยอมให้ข้าควบคุม

หากไม่เชื่อฟัง ข้าจะฟ้องพระบิดาพระมารดา

ถ้ามีปัญหา เจ้าก็ถอนหมั้นหรือไม่ก็หย่าข้าไป!”

…………..

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด