ตอนที่ 35 แอนตัน แวนโก!
ตอนที่ 35 แอนตัน แวนโก!
หลังจากส่งนักวิจัยของไฮดราออกไปแล้ว เอริคก็หันกลับมามองเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ตัวน้อยในกรงอีกครั้ง
ต้องยอมรับเลยว่าไฮดราเป็นกลุ่มคนวิกลจริตที่ไร้ซึ่งความเมตตาโดยสิ้นเชิง! เด็กเหล่านี้ส่วนใหญ่มีอายุเพียงสิบสี่หรือสิบห้าปีเท่านั้น แต่พวกมันกลับโหดเหี้ยมพอที่จะคิดสังเวยชีวิตของเด็กเหล่านี้ทั้งหมด!
เมื่อเด็ก ๆ เห็นเอริคหันมามอง พวกเขาก็หวาดกลัวจนตัวสั่นและถอยกรูดไปด้านหลัง เอริคเพิ่งฆ่าคนของไฮดราให้พวกเขาเห็นกับตา สำหรับเด็ก ๆ แล้ว ชายคนนี้เป็นปีศาจที่น่ากลัวกว่าปีศาจที่พวกเขาเคยพบเจอเสียอีก!
เอริคมองหาซามมี่ตัวน้อยในกลุ่มเด็กเหล่านั้น ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นานเขาจะเจอตัวแซมมี่ที่โดดเด่นที่สุดอย่างรวดเร็วด้วยเกล็ดสีเขียวบนตัว ที่ถึงแม้จะพยายามซ่อนตัวอย่างไรก็ยังสะดุดตาอยู่ดี
‘จะจัดการกับเด็กพวกนี้ยังไงดีนะ? น่าปวดหัวจริง!’ แซมมี่สามารถไปกับจักเกอร์นอทได้ แต่เด็กคนอื่นล่ะ? จะทิ้งพวกเขาไว้เฉย ๆ ก็คงไม่ดี
นอกจากนี้การส่งพวกเขากลับบ้านเดิมก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเช่นกัน เด็กมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ส่วนใหญ่มีผลข้างเคียงจากการกลายพันธุ์ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ถึงกับกลายเป็นสัตว์ประหลาดเหมือนแซมมี่ แต่ลักษณะภายนอกของพวกเขาก็เผยให้เห็นการเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ได้อย่างชัดเจน
แถมพวกเขาส่วนใหญ่ยังถูกพ่อแม่ทอดทิ้งหรือหนีออกจากบ้านเพราะถูกรังเกียจ ดังนั้นการส่งพวกเขากลับไปจึงเหมือนการช่วยพวกเขาออกจากปากหมาป่าไปส่งสู่อ้อมกอดของเสืออีกครั้ง
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอริคก็นึกถึงเพียงที่เดียวเท่านั้น นั่นคือ โรงเรียนเซเวียร์สำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ ที่ซึ่งศาสตราจารย์เอ็กซ์อาศัยอยู่ เพราะที่นี่เป็นสถานที่ที่เป็นมิตรต่อมนุษย์กลายพันธุ์ที่สุดในโลก
“เธอ มานี่สิ!” เอริคชี้ไปที่แซมมี่ตัวน้อยและออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขายังคงสวมบทบาทเป็นองครักษ์ของเรดสกัล และไม่ต้องการให้เด็ก ๆ เหล่านี้จับพิรุธได้
แซมมี่ตัวน้อยกลัวจนสั่นหัวและถอยหลังไปเรื่อย ๆ ดันคนที่อยู่ข้างหลังจนตัวเองไปจนมุมอยู่ในมุมกรง ก่อนจะนั่งย่อตัวลงแล้วขดตัวกลม
เอริคส่ายหัวเบา ๆ ‘เด็กก็ยังคงเป็นเด็ก เราไม่ควรทำให้พวกเขากลัวไปมากกว่านี้’
“ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่ที่นี่ ไม่มีใครกล้าทำอะไรพวกเธอทั้งนั้น! พวกนายจะต้องอยู่ที่นี่ไปก่อนอีกไม่กี่วัน หลังจากนั้นฉันจะพาไปที่อื่น ที่นั่นปลอดภัยแน่นอน! ส่วนแซมมี่ ปาเร่ ออกไปพบใครบางคนกับฉันข้างนอกหน่อย!”
. . .
ฐานของไฮดรามีโครงสร้างซับซ้อนเหมือนเขาวงกต และเต็มไปด้วยกับดัก ถ้าหากไม่มีคนในนำทาง การจะเดินทางไปไหนมาไหนที่นี่อย่างปลอดภัยจึงเป็นได้ยากมาก
อย่างไรก็ตามน่าเสียดายที่สิ่งเหล่านี้ไม่ต่างอะไรกับกระดาษเปื่อยในสายตาของจักเกอร์นอท เขาบุกทะลวงไปทั่ว ทำลายกำแพง ฆ่าคน ทำให้ภายในเวลาแค่สิบนาที เขาได้ทำให้ฐานทั้งหมดแทบจะพังราบเป็นหน้ากลอง!!!
หลังจากวิ่งพล่านจนหายตื่นเต้น จักเกอร์นอทก็เริ่มนึกถึงคำพูดของเอริค ก่อนที่เขามองดูสภาพฐานที่พังยับเยินด้วยสีหน้าขมขื่น ก่อนจะถอนหายใจออกมา “เงินเดือนที่เพิ่งได้มา คงหมดแล้วแน่ ๆ!”
เมื่อเอริคเดินทางมาถึงพร้อมแซมมี่ พวกเขาก็มองเห็นจักเกอร์นอทที่กำลังพยายามซ่อมแซมกำแพงอย่างระมัดระวัง . . .
จักเกอร์นอทพยายามเก็บชิ้นคอนกรีตขนาดใหญ่ขึ้นมา และใส่เข้าไปยังรูโหว่ในกำแพง พยายามประกอบให้กลับมาเหมือนเดิม แต่ด้วยไอคิวของเขา การต่อจิ๊กซอว์ธรรมดายังยากเกินไป นับประสาอะไรกับ ‘เกมซ่อมกำแพง’ ที่ซับซ้อนแบบนี้
“แซมมี่!” จักเกอร์นอทอุทานอย่างดีใจทันทีที่เห็นแซมมี่ เขาวางกำแพงในมือทิ้งแล้ววิ่งเข้ามาหา ก่อนจะอุ้มแซมมี่ขึ้นแล้วหมุนไปสองรอบ โดยที่มีความยินดีปรีดาแสดงออกมาบนใบหน้าอย่างชัดเจน
“มาร์โก! นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? นายก็ถูกพวกนั้นจับมาด้วยเหรอ? รีบหนีเร็วเข้า ที่นี่อันตรายมาก!” คำพูดของแซมมี่ทำให้เอริคแปลกใจ เด็กคนนี้ดูเหมือนจะมองว่าจักเกอร์นอทเป็นเพื่อนจริง ๆ!
“ทำไมต้องหนี? จักเกอร์นอทไม่กลัวอันตราย! จักเกอร์นอทมาช่วยแซมมี่!” จักเกอร์นอทยิ้มอย่างจริงใจ ไร้เล่ห์เหลี่ยมใด ๆ
เอริคหัวเราะในใจ ‘ซิตโตแร็ค แกจบเห่แล้วล่ะ! ตอนนี้ฉันเดาว่าแกคงหัวเสียอยู่แน่ ๆ เพราะถ้าหากจักเกอร์นอทกลายเป็นคนดีที่รักเด็กแบบนี้ ซิตโตแร็คคงจะโมโหจนแทบกระอักเลือด ฮ่า ๆ!’
. . .
หลังจากจัดการเหล่านักวิจัยไฮดราที่เหลืออยู่ เอริคก็พาจักเกอร์นอทและแซมมี่กลับไปยังทุ่งน้ำแข็งไซบีเรียอีกครั้ง ถึงแม้เขาจะได้ลูกน้องเพิ่มมาโดยบังเอิญและยังได้กลุ่มนักวิจัย แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาลืมเป้าหมายสำคัญ!
อิวาน แวนโก นั้นหาไม่ยาก โดยเอริคใช้วิธีเดิม บุกฐานของแก๊งต่าง ๆ ไล่เค้นข้อมูลจากหัวหน้าแก๊งในพื้นที่ และถ้าหากยังหาในเมืองไม่เจอก็ย้ายไปเมืองต่อไป ทำให้ในที่สุดเขาก็พบอิวานในเมืองที่สาม!
อิวาน แวนโก อายุรุ่นราวคราวเดียวกับโทนี่ สตาร์ค พวกเขาทั้งสองเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบต้น ๆ แต่เนื่องจากวิธีการเลี้ยงดูที่ผิดพลาดของผู้เป็นพ่อ อิวานจึงละทิ้งการเรียนตั้งแต่ยังเด็กและใช้ชีวิตไปวัน ๆ ด้วยการสังสรรค์กับแก๊งอันธพาล
เมื่อเอริคพบเขา อิวานกำลังอยู่ในร้านสัก และกำลังให้ช่างสักรอยรูปนกแก้วที่เขาเลี้ยงไว้ตรงหลังส่วนล่าง
“อิวาน แวนโก ฉันชื่นชมในพรสวรรค์ของนาย มาทำงานให้ฉันไหม?” เอริคเดินเข้าไปในร้านและพูดเข้าประเด็นทันที ก่อนจะโยนกล่องเงินดอลลาร์ไปตรงหน้าของอีกฝ่าย
อิวานเหลือบตามองเพียงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มเยาะ แล้วกลับไปสนุกกับความเจ็บปวดจากเข็มสักต่อโดยไม่สนใจคำพูดของเอริคเลย เพราะเขาเลือกที่จะไม่ใช้ยาชาตอนสัก
เอริคเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และพึมพำในใจว่า ‘กล้าจริงนะที่เมินฉัน! แต่ในเมื่อกล้าขนาดนี้ งั้นฉันจะ . . . รอให้นายสักเสร็จก่อนแล้วกัน’
แน่นอนว่าเอริคไม่คิดจะรอตรงนี้ และหันหลังกลับเดินออกไปรอที่บ้านของอิวานแทน
. . .
ด้วยความช่วยเหลือจากหัวหน้ากลุ่มผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ เอริคจึงหาบ้านของอิวานเจอได้อย่างง่ายดาย โดยบ้านหลังนี้เป็นบ้านเก่าซอมซ่อที่ตั้งอยู่ในเขตสลัม
ภภายในบ้าน แอนตัน แวนโก ผู้เป็นพ่อของอิวาน กำลังนั่งอยู่บนเตียง กินขนมปังดำแห้ง ๆ พร้อมกับไอเป็นระยะ ๆ
หลังจากถูกฮาเวิร์ด สตาร์ค ขับไล่ข้อหาจารกรรม แอนตันก็กลายเป็นบุคคลน่ารังเกียจในแวดวงวิชาการ ไม่มีบริษัทไหนยอมจ้างงาน ทำให้เขาจะต้องใช้ชีวิตด้วยทุนเก่าที่เก็บสะสมไว้ แต่เงินนั้นก็หมดลงไปนานแล้ว ส่วนลูกชายของเขาก็ไม่ใช่คนที่ตั้งใจเรียนหนังสือ อิวานมีมันสมองอัจฉริยะ แต่กลับเอาเวลาไปเลี้ยงนก สักลาย และชกต่อยเสียส่วนใหญ่
ความล้มเหลวในชีวิตและปัญหามากมายทำให้สุขภาพของแอนตันย่ำแย่ลงทุกวัน บวกกับการขาดแคลนการรักษาทางการแพทย์ที่ดี ทำให้อาการของเขาเริ่มทรุดลงเรื่อย ๆ
“คุณแอนตัน แวนโก ผมคือไวเคานต์เอริค แลนเซอร์จากนิวยอร์ก ผมชื่นชมในตัวคุณมานาน วันนี้ผมตั้งใจมาคุยกับคุณเป็นพิเศษ” เอริคพูดพร้อมกับนั่งลงตรงข้ามแอนตันอย่างเป็นกันเอง โดยไม่สนใจสายตาไม่ไว้ใจของอีกฝ่าย
“%#@¥. . .”
“คุณแอนตัน ผมขอโทษ แต่ผมไม่เข้าใจภาษารัสเซีย คุณพูดภาษาอังกฤษได้ใช่ไหม? เรามาคุยกันเป็นภาษาอังกฤษกันดีกว่าไหม?”
แอนตันจ้องเอริคอย่างลึกซึ้งก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “คุณมาที่นี่ทำไม? สตาร์คส่งคุณมาหรอ? หรือเป็นอเล็กซานเดอร์?”
“ไม่ใช่ทั้งสองคน!” เอริคยิ้มและหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า “ผมมาที่นี่เพราะคุณ และเพื่อลูกชายของคุณ!”
แอนตันรับรูปถ่ายนั้นมา ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเบิกกว้างขึ้นทันที มือเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ ก่อนจะไออย่างรุนแรงด้วยความตื่นเต้นจนทำให้รูปถ่ายในมือร่วงลงสู่พื้น
ในรูปนั้น เป็นภาพใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสนของ วินเทอร์โซลเยอร์ ปรากฏอยู่เต็มครึ่งหนึ่งของภาพ ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นร่างของฮาเวิร์ด สตาร์คที่นอนจมกองเลือดอย่างชัดเจน
โปรดติดตามตอนต่อไป …