บทที่ 7 โอกาสเลื่อนขั้นเคล็ดวิชา
หนิงเยว่บดสมุนไพรตรงหน้าผู้คนในโถงใหญ่ จากนั้นกลิ่นเหม็นรุนแรงก็ฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ
เฒ่าอู่ได้กลิ่นนี้จนคอหอยขยับขึ้นลงอย่างอดไม่ได้ แววตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
เฟิงลี่เคิงมองหนิงเยว่ด้วยสีหน้ากังวล
ส่วนหลี่หมิงเย่ถึงกับสูดหายใจลึกด้วยความตกใจ ก่อนจะรีบยกมือปิดจมูกพร้อมกล่าวว่า
“นี่มันยาอะไร ไฉนถึงเหม็นได้ถึงเพียงนี้!?”
ภายในโถง มีเพียงสามคนที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
คนแรกคือหนิงเยว่
อีกสองคนคือท่านผู้อาวุโสหยินฮวาและลู่หง
สองคนหลังพยายามฝืนไว้เพื่อรักษาความสง่างามของตนเอง แต่สำหรับคนอื่น ทุกสายตาที่มองมาที่หนิงเยว่ในตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธ
คนผู้นี้กล่าวอ้างมาตั้งนาน จริงหรือไม่ที่เขาเข้าใจศาสตร์การรักษา?
มียาอะไรบ้างที่เหม็นได้ขนาดนี้? เหม็นยิ่งกว่าสิ่งปฏิกูลเสียอีก!
“ท่านผู้ตรวจการหนิง นี่คือยาที่เจ้าตั้งใจให้ท่านผู้อาวุโสหยินฮวาดื่มหรือ?”
ลู่หงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ใช่แล้ว”
หนิงเยว่พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะหันไปทางท่านผู้อาวุโสหยินฮวาพร้อมกล่าว
“ท่านผู้อาวุโส รีบดื่มตอนที่ยังอุ่นๆ อยู่ ผลลัพธ์จะเห็นได้ทันที”
“ท่านผู้อาวุโส การที่มีคนเช่นนี้ในสำนักตานซินเหมิน ข้าต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้อบรมดูแลให้ดี”
ลู่หงลุกขึ้นคารวะด้วยความเคารพ จากนั้นหันไปตะโกนสั่งเฟิงลี่เคิงและเฒ่าอู่ด้วยความโกรธ
“จับตัวเขาไปโบย 100 ที!”
“โบย 100 ทีไปก็ไร้ประโยชน์ ข้าเองก็กำลังจะสิ้นชีพอยู่แล้ว”
ท่านผู้อาวุโสหยินฮวายกมือขึ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ท่านประมุข เป็นการเข้าใจผิด”
เฟิงลี่เคิงที่กำลังปิดจมูกรีบอธิบาย
“ในตอนที่เด็กคนนี้รักษาอาการของเฒ่าอู่เมื่อก่อน ก็เคยมีกลิ่นเหม็นรุนแรงเช่นนี้...”
“ท่านประมุข ท่านเข้าใจผิดไปแล้ว ยาดีมักขมแต่มีประโยชน์ต่อโรค ยานี้ กลิ่นเหม็นก็เป็นธรรมดา”
หนิงเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แค่กๆ...”
ทันใดนั้น ท่านผู้อาวุโสหยินฮวาก็ไอออกมาอย่างรุนแรง ดวงตาที่เคยสว่างกลับขุ่นมัวอีกครั้ง ร่างกายที่เคยตั้งตรงเริ่มโอนเอนจนต้องใช้ไม้เท้าหัวมังกรยันตัวเองไว้
ช่วงเวลาแห่ง "แสงสุดท้ายก่อนลาจาก" กำลังจะหมดลงแล้ว ท่านผู้อาวุโสหยินฮวาถอนหายใจเบาๆ
“ท่านหญิง โปรดอย่าลังเลอีกเลย รีบกินยานี่เถิด”
หนิงเยว่ยื่นยาไปตรงหน้าท่านผู้อาวุโสหยินฮวา
“บังอาจนัก ยังกล้ายื่นยาเหม็นๆ แบบนี้ให้ท่านหญิงอีก!”
ผู้ติดตามของท่านผู้อาวุโสหยินฮวาโกรธจัดจนทำท่าจะลงมือ
“พอเถอะ”
ท่านผู้อาวุโสหยินฮวายกมือขึ้นห้าม ก่อนจะยิ้มให้หนิงเยว่พร้อมกล่าว
“ถ้ามีเวลาในอนาคต เจ้าควรศึกษาเกี่ยวกับศาสตร์โอสถหรือวิธีบ่มเพาะพลังมากกว่านี้ ศาสตร์การรักษา..”
นางมองยาที่ส่งกลิ่นเหม็นตรงหน้าก่อนส่ายศีรษะเบาๆ
“ไม่เรียนเสียยังจะดีกว่า”
“ท่านผู้อาวุโส ข้าขอรับรองแทนหนิงเยว่!”
เฒ่าอู่พูดขึ้นทันใด
เสียงดัง ฟิ้วๆ ทุกสายตาหันไปมองที่เขา
“อู่จื้อเหว่ย เจ้าพูดอะไร!”
หลี่หมิงเย่ตวาดเสียงเย็น
“เจ้ารับรองแทนเขา?”
ท่านผู้อาวุโสหยินฮวาหันมามองเฒ่าอู่ด้วยคิ้วที่ขมวดเล็กน้อย
“ใช่แล้ว เมื่อก่อนอาการบาดเจ็บเรื้อรังของข้าก็เคยรักษาโดยหนิงเยว่ ยาที่เขาปรุงตอนนั้นก็ส่งกลิ่นเหม็นเหมือนกัน แต่ยานั่นใช้ได้ผลจริง ทุกวันนี้ร่างกายของข้าแข็งแรงกว่าเดิมเสียอีก!”
เฒ่าอู่พูดพลางตบหน้าอกตัวเอง
ลู่หงมองเฒ่าอู่ด้วยสายตาสงสัย เขารู้จักเฒ่าอู่ดี คนเช่นนี้ไม่มีทางพูดสิ่งที่ไม่มีมูลความจริง
“ข้าก็ขอรับรองแทนหนิงเยว่ด้วย”
เฟิงลี่เคิงกล่าวขึ้นอย่างช้าๆ
ลู่หงเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดกับท่านผู้อาวุโสหยินฮวา
“ท่านผู้อาวุโส บางที...”
“ก็ได้ ข้าจะลองดู”
ท่านผู้อาวุโสหยินฮวารู้สึกว่าพลังชีวิตของตนเองใกล้จะหมดลง จึงตัดสินใจลองยาเหมือนกับจับเสือมือเปล่า นางรับยาจากมือของหนิงเยว่
ในฐานะผู้แข็งแกร่งระดับชิงวิญญาณ แม้ว่ายาจะมีกลิ่นเหม็นราวกับสิ่งปฏิกูล แต่นางก็สามารถกลืนลงไปได้โดยไม่แสดงสีหน้าแม้แต่น้อย
ทุกคนในโถงกลั้นหายใจ จับจ้องไปที่ท่านผู้อาวุโสหยินฮวาเพื่อรอดูปฏิกิริยาหลังจากรับยา แต่รอแล้วรอเล่า ก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ผู้ติดตามของท่านผู้อาวุโสหยินฮวาจึงหันมามองหนิงเยว่ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความโกรธ
“อย่าทำให้ผิดหวังนะ...”
เฒ่าอู่ขยับกล้ามเนื้อใบหน้าด้วยความเครียด มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก
แม้แต่เฟิงลี่เคิงเองก็เริ่มมีเหงื่อออกที่ฝ่ามือ
“หรือว่าจะล้มเหลว...”
หนิงเยว่ยังคงสีหน้าเรียบเฉย แต่ในใจก็เริ่มตื่นตระหนกเล็กน้อย เพราะระบบยังไม่ส่งเสียงแจ้งเตือน
ในที่สุด เสียงระบบก็ดังขึ้น
“ติ๊ง! ค่าประสบการณ์ +100 หน่วย!”
“รางวัล: โอกาสเลื่อนขั้นวิชา 1!”
ทันใดนั้น ท่านผู้อาวุโสหยินฮวาพ่นเลือดดำออกมาคำหนึ่ง ก่อนที่สีหน้าของนางจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ ลมหายใจที่แผ่วเบากลับทรงพลังขึ้นเรื่อยๆ
ดอกไม้สีเงินจำนวนมากปรากฏขึ้นในอากาศรอบตัวนาง ดวงตาที่เคยพร่ามัวเปล่งประกายเจิดจ้า สายตาที่จ้องมองไปยังใคร ทำให้ทุกคนรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนลึกถึงจิตวิญญาณ
นี่แหละคือพลังของผู้แข็งแกร่งระดับชิงวิญญาณ เพียงการเคลื่อนไหวเล็กน้อยก็สามารถทำลายจิตวิญญาณของคนธรรมดาได้!
“ท่านหญิง ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง!?”
เหล่าผู้ติดตามของท่านผู้อาวุโสหยินฮวาต่างแสดงสีหน้าตกตะลึง
“ข้ารู้สึกว่า...”
ท่านผู้อาวุโสหยินฮวาบีบไม้เท้าหัวมังกรในมือแน่น ก่อนมุมปากจะยกขึ้นเล็กน้อย
“รู้สึกดีมาก! ฮ่าๆๆ!”
เสียงหัวเราะของนางดังก้องไปทั่วโถง
ลู่หงแสดงสีหน้าตกใจอย่างหนัก เพราะนี่ไม่ใช่อาการของคนที่กำลังจะสิ้นชีพ อาการบาดเจ็บลึกของนาง ดูเหมือนว่าจะหายดีอย่างสมบูรณ์แล้ว!
“ดีที่สุดไปเลย!”
เฒ่าอู่ถึงกับถอนหายใจโล่งอก
เฟิงลี่เคิงหันไปมองหนิงเยว่ทันที ในขณะที่หนิงเยว่ยังคงสีหน้าเรียบเฉย กำลังตรวจสอบว่า "โอกาสเลื่อนขั้นวิชา" ที่ระบบมอบให้คืออะไร เฟิงลี่เคิงมองท่าทางนั้นแล้วก็รู้สึกว่าตนเองเริ่มมองไม่ออกถึงตัวตนของลูกชายสหายเก่าคนนี้
เหล่าผู้อาวุโสรวมถึงหลี่หมิงเย่ต่างมองหน้ากัน สีหน้าของพวกเขาค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นความตกใจ
หนิงเยว่... เขาทำได้จริงหรือ? เขารักษาท่านผู้อาวุโสหยินฮวาจากขอบเหวแห่งความตายได้สำเร็จจริงหรือ!?
ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ที่หนิงเยว่มีวิชาการรักษาที่น่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้!?
“หรือว่า... จะเป็นเพราะต้นตระกูลทางฝ่ายมารดาของเขาทิ้งอะไรไว้ให้?”
หลี่หมิงเย่คิดในใจ ดวงตาเริ่มฉายแววเย็นชา
เพราะในอดีต เขาเคยสนิทสนมกับบิดาของหนิงเยว่เป็นอย่างมาก ทั้งสองเคยเป็นสหายรักที่พูดคุยทุกเรื่องไม่มีปิดบัง ดังนั้นหลี่หมิงเย่จึงรู้ความลับหนึ่งที่ไม่มีใครอื่นล่วงรู้
มารดาของหนิงเยว่ มีภูมิหลังที่ไม่ธรรมดา เพราะเหตุนี้ ครอบครัวทางมารดาจึงไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของพ่อแม่หนิงเยว่ และถึงขั้นส่งคนมาตามล่าบิดาของเขา สุดท้าย บิดาของหนิงเยว่จึงต้องพาเขามาซ่อนตัวอยู่ในสำนักตานซินเหมิน!
เรื่องนี้ มีเพียงหลี่หมิงเย่คนเดียวที่รู้ ไม่มีใครอื่นล่วงรู้!
“ไม่ได้การ ข้าต้องสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง หากไม่เช่นนั้น วันข้างหน้าอาจกลายเป็นภัยร้ายแรง!”
หลี่หมิงเย่ครุ่นคิดในใจ
“โอกาสเลื่อนขั้นวิชาเช่นนี้ ช่างเป็นสิ่งล้ำค่าเสียจริง สามารถยกระดับวิชาที่ข้าฝึกอยู่ได้ แม้โอกาสสำเร็จจะเพียงห้าส่วนเท่านั้น...”
หนิงเยว่ในตอนนี้เข้าใจรางวัลของระบบที่ได้รับแล้ว หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“เช่นนี้ ข้าก็สามารถเลือกเลื่อนขั้นวิชา ปราณหายใจอสรพิษดำ ได้เสียที! หลายปีมานี้ ข้าติดอยู่ในระดับปรานกำลังขั้นหนึ่งมาตลอด บางทีเพราะวิชานี้อ่อนด้อยเกินไป หากสามารถเลื่อนขั้นได้ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ!”
“เจ้าหนุ่ม ขอถามหน่อยว่าสิ่งที่เจ้าใช้รักษาข้าคือวิชาอะไรกันแน่? ถึงขั้นสามารถรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรังของข้าได้ทั้งหมด”
ท่านผู้อาวุโสหยินฮวามองหนิงเยว่ด้วยแววตาเปี่ยมไปด้วยความเมตตา
“ท่านหญิง นี่แหละคือ ‘ศาสตร์การรักษาที่ใครๆ ว่าไร้ประโยชน์’”
หนิงเยว่พูดพร้อมรอยยิ้ม
ศาสตร์การรักษาที่ใครๆ ว่าไร้ประโยชน์?
สีหน้าของทุกคนในโถงดูแปลกประหลาด
ท่านผู้อาวุโสหยินฮวาเผยสีหน้ารู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ในใจก็ยังอดประหลาดใจไม่ได้
“
ศาสตร์การรักษา.. ช่างลี้ลับเกินคาด!”
“เจ้าหนุ่ม คำพูดนี้ข้าขอถอนคืนไป ดูเหมือนข้าเมื่อก่อนจะเป็นกบในกะลา มีอคติต่อศาสตร์การรักษาอยู่ไม่น้อย”
ท่านผู้อาวุโสหยินฮวาถอนหายใจเบาๆ กล่าวด้วยความสำนึกผิด