บทที่ 412: ร่างอมตะที่ทำลายไม่ได้
【แปลโดยฝีมือ...ยักษาแปร...มาติดตามได้ที่แฟนเพจหรือเพื่อติดตามเอาข่าวสารได้นะ】
【แค่ คอมเมนต์ ก็เหมือนการให้กำลังใจแล้วนะครับ รบกวน comment กันหน่อยน๊า ;-;】
【Thai-novelจะทำการลงไวกว่าที่อื่นทุกที่ เป็นจำนวน 5 ตอน แต่เรื่องราคาแพงกว่าที่อื่นนิดหน่อย】
บทที่ 412: ร่างอมตะที่ทำลายไม่ได้
“เพราะความโง่เขลาของมนุษย์ โลกใบนี้จึงแปดเปื้อนเช่นนี้! เพื่อโลกใบนี้ แกจงตายซะ!” ซามัสที่ฟิวชั่นคำรามก้อง สะท้านไปทั่วทุกอณู ปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
ทันใดนั้น ซามัสที่ฟิวชั่นทั้งสองก็ยกมือขึ้น ลูกบาศก์ขนาดมหึมาหลายร้อยลูกปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ ราวกับดวงดาวน้อยใหญ่ที่รายล้อมจันทร์ฉาย
“นี่คือที่แข็งแกร่งที่สุดในพหุภพ – แคทชิน!”
เพียงสะบัดมือ ลูกบาศก์มหึมาก็พุ่งลงมาหาหลินเฉินดุจห่าฝนสีดำทมิฬ
“วัตถุธรรมชาติกระจอกงอกง่อย…” หลินเฉินแสยะยิ้มเหยียดหยัน โบกมือเพียงข้างเดียวอย่างไม่ใส่ใจ
“ลูกบอลทำลายล้างดาวเคราะห์!”
หลินเฉินปลดปล่อยท่าไม้ตายของฟรีเซอร์ออกมา แต่พลังของท่านี้กลับรุนแรงกว่าตอนที่ฟรีเซอร์ใช้เป็นร้อยเท่า สร้างความตกตะลึงให้กับฟรีเซอร์จนแทบหยุดหายใจ
ลูกไฟมหึมาโถมเข้ากลืนกินลูกบาศก์แคทชินและตามด้วยร่างซามัสที่ฟิวชั่นทั้งสอง
“เราชนะแล้วหรือ?”
ทุกคนยังไม่ทันได้โห่ร้องยินดีกับภาพซามัสที่ฟิวชั่นทั้งสองสลายเป็นเถ้าธุลี ร่างของทั้งคู่ก็ทะยานออกมาจากลูกไฟอีกครั้งราวกับปีศาจที่ฟื้นคืนชีพ
แม้ร่างกายส่วนใหญ่ของซามัสที่ฟิวชั่นจะถูกเผาไหม้จนไหม้เกรียม แต่บาดแผลเหล่านั้นก็สมานกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างรวดเร็ว ก่อนที่พวกมันจะพุ่งเข้าประชิดหลินเฉินด้วยความเร็วสูง
“อาจารย์!” ทรังคซ์ร้องเรียกด้วยความร้อนใจ
“ไม่ต้องห่วง ฝ่าบาทจัดการสองคนนั่นได้ ซามัสจะเก่งกาจสักเพียงไหนก็ไม่มีทางแข็งแกร่งไปกว่าฝ่าบาทหรอก!” เบจิต้าประกาศก้อง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความมั่นใจ
โกคูและฟรีเซอร์ก็แสดงความเชื่อมั่นในตัวหลินเฉินเช่นเดียวกัน
ความมั่นใจนี้ผลิบานจากผลงานอันน่าทึ่งของหลินเฉินในการประลองจักรวาลครั้งที่ 6 และ 7
หากแม้กระทั่งองครักษ์ของเซ็นโอผู้ยิ่งใหญ่ยังมิอาจเทียบรัศมีหลินเฉินได้ แล้วจะมีสิ่งใดให้หวั่นเกรงอีกเล่า?
ขณะที่ทรังคซ์และพรรคพวกกำลังสนทนาวางแผนกันอยู่นั้น หลินเฉินกำลังต่อสู้กับซามัสฟิวชั่นสองร่างอย่างดุเดือดเลือดพล่าน
ดุจดังที่เบจิต้าและคนอื่น ๆ ได้เอ่ยไว้ แม้ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีอันหนักหน่วงของซามัสฟิวชั่นสองร่าง หลินเฉินก็ยังสามารถรับมือได้อย่างคล่องแคล่วราวกับไม่มีสิ่งใดมาขัดขวาง
แม้ซามัสฟิวชั่นจะทรงพลังแข็งแกร่ง แต่หากเปรียบเทียบพลังแล้ว เขาก็เหนือกว่าโกคูเพียงน้อยนิด พอ ๆ กับระดับพลังของท่านบิลส์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ซามัสผู้นี้ไร้ซึ่งพลังแห่งการทำลายล้าง ดังนั้นพลังของเขายังห่างไกลจากท่านบิลส์อยู่มากนัก
ปัญหาเดียวที่น่าหนักใจคือ ความเป็นอมตะของซามัสที่ฟิวชั่น
ปัง! ร่างของหลินเฉินปรากฏขึ้นข้าง ๆ ซามัสที่ฟิวชั่นตนหนึ่งอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของซามัสแข็งค้าง หลินเฉินปล่อยหมัดหนักหน่วง เสียงกระดูกดังกรอบแกรบ ร่างของซามัสที่ฟิวชั่นปลิวกระเด็นไปหาซามัสที่ฟิวชั่นอีกตนหนึ่ง
ร่างของซามัสที่ฟิวชั่นทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
หลินเฉินฉวยโอกาสทอง ประสานมือเป็นรูปดอกบัว ดวงตาคมกริบจ้องมองเป้าหมาย
“พลังคลื่นเต่า!” หลินเฉินคำรามลั่น
ลำแสงสีฟ้าครามพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้ากว้างใหญ่ ราวกับมังกรคำรามกึกก้อง พลังอันมหาศาลพุ่งตรงไปยังซามัสที่ฟิวชั่นทั้งสองอย่างรวดเร็ว ปิดโอกาสให้หลบหนีโดยสิ้นเชิง
คลื่นสีครามซัดกระหน่ำเข้าใส่ร่างของสองซามัสอีกครา พลังงานอันน่าสะพรึงก่อคลื่นกระจายออกไปทุกทิศทุกทาง
ในที่สุด แม้แต่อากาศรอบดาวเคราะห์ก็ยังถูกทะลวงเป็นรูโหว่
ท่ามกลางพลังงานที่ปั่นป่วน ซามัสที่ฟิวชั่นกัน ซึ่งควรจะโดนโจมตีเข้าอย่างจัง กลับปรากฏกายขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้าซีดเซียว
การโจมตีเมื่อครู่ไม่สามารถปลิดชีพพวกมันได้
“ชิ!”
หลินเฉินสบถเสียงต่ำ
ความเป็นอมตะของซามัสนี่ช่างน่ารำคาญยิ่งนัก เช่นเดียวกับพลังฟื้นฟูร่างกายของจอมมารบู การจะกำจัดพวกมันให้สิ้นซากโดยไม่ใช้วิธีการเฉพาะเจาะจงนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้
ใช่แล้ว จอมมารบู!
หลินเฉินหรี่ตาลง ความคิดแล่นวาบไปยังวิธีการที่เขาเคยใช้จัดการกับจอมมารบูในครั้งอดีต
ครั้งนั้น เขาสามารถกำจัดจอมมารบูได้ด้วยอำนาจทำลายล้างของเทพแห่งการทำลายล้าง ครั้งนี้ก็น่าจะลองใช้วิธีการเดียวกันดู
คิดได้ดังนั้น เปลวเพลิงสีแดงฉานก็พลันลุกโชติช่วงขึ้นจากร่างของหลินเฉิน ราวกับมังกรเพลิงกำลังตื่นจากนิทรา
“หมัดเจ้าพิภพขั้นสุดยอด!” หลินเฉินคำรามลั่น
พลังของเขาเพิ่มพูนขึ้นเป็นทวีคูณในฉับพลัน รวดเร็วจนซามัสที่ฟิวชั่นไม่อาจไล่ตามได้ทัน
กว่าซามัสที่ฟิวชั่นจะตั้งตัวติด หลินเฉินก็ซัดหมัดเต็มแรง ส่งร่างของมันกระเด็นออกไปไกลลิบ
หมัดนี้แม้ไร้ซึ่งลีลาอันหวือหวา แต่กลับอัดแน่นไปด้วยพลังบริสุทธิ์ที่ไร้การควบคุม ดุดันและป่าเถื่อน
ด้วยเหตุนี้ หมัดเดียวนี้จึงเกือบจะทำลายร่างของซามัสที่ฟิวชั่นลงได้อย่างสิ้นเชิง
หลินเฉิยจึงฉวยโอกาสนี้พุ่งตรงไปยังซามัสที่ฟิวชั่นในทันที ก่อนจะยกมือขึ้น
แสงสีม่วงเจิดจ้าสว่างวาบขึ้นบนมือของเขา รายล้อมด้วยจุดแสงระยิบระยับราวกับดวงดาวนับพัน
“นี่... นี่มัน...”
เผชิญหน้ากับท่านี้ ดวงตาของซามัสที่ฟิวชั่นเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง “นี่มันฮาไคของเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างงั้นเหรอ!?”
“ถูกต้อง! แต่เดาถูกก็ไม่ได้รางวัลหรอกนะ!” หลินเฉินกล่าวเสียงดังก้อง
สิ้นคำ สีหน้าของซามัสที่ฟิวชั่นซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด
พลังแห่งการทำลายล้างของเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างนั้น คือพลังที่ซามัสที่ฟิวชั่นหวั่นเกรงยิ่งกว่าสิ่งใด
แม้จะได้รับความเป็นอมตะจากเทพเจ้ามังกร แต่ยามฝึกวิชาอยู่กับโกวัส พวกเขาก็ได้ยินกิตติศัพท์เล่าขานถึงอานุภาพทำลายล้างขั้นสุดยอดของเทพเจ้าแห่งการทำลายล้าง ผู้สามารถลบเลือนทุกสรรพสิ่งให้สูญสิ้น
ความหวาดหวั่นต่อพลังอำนาจทำลายล้างของเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างจึงก่อเกิดขึ้นในใจพวกเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
ก่อนหน้านี้ ซามัสเหล่านี้เลือกที่จะรุกรานโลกย่อย ๆ เสียก่อน ด้วยเหตุที่โลกเหล่านั้นไร้ซึ่งเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างคอยปกปักรักษา
และเมื่อเตรียมการที่จะบุกโจมตีโลกหลักใบแรก ซามัสจึงเลือกโลกที่ 16 เพราะในโลกใบนั้น ไคโอชินชินแห่งจักรวาลที่ 7 ได้เสียชีวิตลงพร้อมกับบิลส์ ซึ่งนั่นทำให้ภารกิจของพวกเขาง่ายดายขึ้นมาก
ซามัสที่หลอมรวมไม่ได้คาดคิดว่า ถึงแม้หลินเฉินไม่ใช่เทพเจ้าแห่งการทำลายล้าง แต่กลับสามารถใช้วิชาของเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างได้เช่นนี้
“อึกก…”
ใบหน้าสีเขียวของซามัสที่หลอมรวมแข็งค้าง ดวงตาเบิกโพลง หัวใจเต้นระรัวราวกับกลองรบ
เขาค่อย ๆ หันศีรษะ มือสั่นเทาเอื้อมไปหาอีกภาคส่วนหนึ่งของตน
“ช่วยฉันด้วย!” เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังอย่างน่าเวทนา
แต่อีกส่วนของซามัสที่หลอมรวมกลับมีเหงื่อเย็นไหลอาบร่าง ถอยกรูดไปด้านหลังโดยไม่รู้ตัว ราวกับต้องมนตร์สะกด
ในชั่วขณะนั้น หลินเฉินเปล่งเสียงก้องกังวานด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฮาไค!”
ทันทีที่คำนั้นหลุดออกจากปาก พลังทำลายล้างอันมหาศาลก็พุ่งตรงเข้าใส่ซามัสที่หลอมรวมดุจอสรพิษ
ภายใต้พลังทำลายล้างอันไร้ขอบเขตนี้ ร่างของซามัสที่ฟิวชั่นก็เริ่มแหลกสลายเป็นผุยผงอย่างรวดเร็ว
“ไม่!”
ซามัสที่ฟิวชั่นแผดเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ก่อนร่างจะสลายหายไป กลายเป็นผุยผงปลิวกระจายไปในอากาศ
การสลายกลายเป็นผุยผงเช่นนี้ คือผลลัพธ์ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เมื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งต้องเผชิญหน้ากับพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัวนี้
อย่างไรก็ตาม ขณะที่หลินเฉินเชื่อว่าซามัสน่าจะสิ้นชีพไปแล้ว ภายในร่างของซามัสที่ฟิวชั่นซึ่งแทบจะไม่เหลือเค้าโครงเดิม กลับปรากฏเนื้อเยื่อที่ถูกทำลาย เริ่มฟื้นฟูตัวเองขึ้นมาใหม่อย่างน่าอัศจรรย์
เพียงพริบตาเดียว ซามัสที่ฟิวชั่นก็กลับคืนสู่สภาพเดิมโดยปราศจากบาดแผลใด ๆ ราวกับไม่เคยถูกทำร้ายมาก่อน!
“หืม?”
เมื่อเห็นภาพตรงหน้า หลินเฉินก็รู้สึกตะลึงงันจนแทบหยุดหายใจ
เขาไม่คิดเลยว่าซามัสร่างฟิวชั่นผู้ได้รับพรอมตะจากเทพเจ้ามังกรซูเปอร์จะไม่เกรงกลัวพลังทำลายล้างเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วน เขาก็ตระหนักได้ว่าความคิดที่เชื่อมั่นในพลังทำลายล้างว่าจะสามารถกำจัดซามัสได้นั้น เป็นเพียงภาพลวงตาที่เขาสร้างขึ้นมาหลอกตัวเองเท่านั้น
เพราะแท้จริงแล้วในเรื่องราวเดิม ซามัสไม่เคยถูกพลังทำลายล้างสังหารได้เลยสักครั้ง
ในเนื้อเรื่องดั้งเดิม โกคูก็เคยใช้พลังทำลายล้างเข้าจัดการกับซามัส และเกือบจะประสบความสำเร็จด้วยซ้ำ แต่ซามัสกลับใช้มนุษย์เป็นโล่กำบังเอาชีวิตรอดมาได้
เมื่อหวนรำลึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น ร่างกายของซามัสถูกทำลายไปเพียงบางส่วน หากยังฝืนดึงดันต่อไปก็ไม่อาจหยั่งรู้ได้ว่า พลังทำลายล้างนั้นจะสัมฤทธิ์ผลหรือไม่
บัดนี้ทุกสิ่งปรากฏแจ้งชัดแล้ว ความเป็นอมตะของซามัสเป็นดังเกราะกำบังที่แข็งแกร่ง ทำให้พลังทำลายล้างมิอาจทำอันใดได้
ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:ยักษาแปร ผู้แปลลงแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับผม หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิกกระซิก ;-;_