บทที่ 41 ข้าแค่หลับไปงีบเดียว เจ้าก็กลายเป็นปรมาจารย์สวรรค์แล้ว?
“พอแล้ว”
หลินหยวนเก็บกระบี่เจินหวู่
ภายใต้การฟาดฟันไม่กี่ครั้ง ปีศาจหลายพันตนที่ล้อมเขามังกรฟ้า แม้จะไม่ตายหมด แต่ก็ตายไปเก้าส่วนแล้ว
หลินหยวนหันหลัง เดินไปยังตำแหน่งของคนสำนักเทียนซือ
“ปรมาจารย์สวรรค์ซาน”
นักพรตผิงหยาง นักพรตชางชิง มือสั่นเทา น้ำตาไหลอาบแก้ม
นี่คือปรมาจารย์สวรรค์ ห้าร้อยปีต่อมา ในที่สุดสำนักเทียนซือก็มีปรมาจารย์สวรรค์ปรากฏตัวอีกครั้ง
“คารวะปรมาจารย์สวรรค์”
“คารวะปรมาจารย์สวรรค์”
ทุกคนในฝ่ายธรรมะอื่นๆ ก็โค้งคำนับ
ในเวลานี้ พวกเขาก็สั่นสะท้านเช่นกัน และมีความสงสัยเกิดขึ้นในใจ
ปรมาจารย์สวรรค์ของสำนักเทียนซือ แข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ?
ฆ่าขอบเขตสวรรค์เหมือนฆ่าไก่?
ฉากที่หลินหยวนลงมือเมื่อครู่ พวกเขาเห็นกับตา และในพลังต่างๆ ก็มีบันทึกเกี่ยวกับปรมาจารย์สวรรค์รุ่นก่อนๆ
ในแง่ของการแบ่งระดับพลัง ปรมาจารย์สวรรค์เหนือกว่าขอบเขตสวรรค์อย่างแท้จริง แต่ความสามารถและวิธีการของเขา ไม่น่าจะน่ากลัวขนาดนี้กระมัง?
“ลุกขึ้น”
หลินหยวนโบกมือ
“ขอรับ”
ทุกคนลุกขึ้น โล่งใจเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าปรมาจาย์สวรรค์รุ่นนี้จะมีนิสัยไม่เลว
เพียงแต่ทุกคนนึกถึงจุดจบของปีศาจหลายพันตนเมื่อครู่ และฉากศพเกลื่อนกลาดไม่ไกลนัก ก็สลัดความคิดนี้ออกไปทันที
ไม่เลวบ้าบออะไร
“ศิษย์...ศิษย์มีความผิด”
เจ้าสำนักชางชิงยังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิม
คนอื่นลุก แต่เขาไม่
“ไม่เป็นไร”
หลินหยวนส่ายหัวเล็กน้อย
เจ้าสำนักชางชิงเคยละทิ้งเขา แต่การที่หลินหยวนเลือกเดินเส้นทางไท่จันทราและไท่สุริยะในตอนนั้น ก็ถือว่าน่าตกใจจริงๆ
ถ้าเป็นคนอื่นก็ไม่เป็นไร
ตายก็สมควรแล้ว
แต่หลินหยวนได้รับการยอมรับจากกระบี่เจินหวู่ เป็นเมล็ดพันธุ์ของปรมาจาย์สวรรค์
มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสำนักเทียนซือ ศิษย์เช่นนี้เดินไปบนเส้นทางที่ผิดในสายตาของคนทั่วไป ความเจ็บปวดของเจ้าสำนักชางชิงก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
เช่นเดียวกับนักวิทยาศาสตร์ของสหพันธ์มนุษย์จักรวาลที่ศึกษาเรือรบ ศึกษากลไก จู่ๆ ก็หันไปศึกษาวรรณกรรม ศึกษาเทววิทยา…
คนนอกมองก็โมโห ยิ่งเป็นอาจารย์และโรงเรียนที่บ่มเพาะนักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ด้วยแล้ว…
ต่อมา
หลังจากพูดคุยกับฝ่ายธรรมะอื่นๆ ไม่กี่คำ
หลินหยวนก็กลับไปที่เขามังกรฟ้ากับคนสำนักเทียนซือ
และผู้เชี่ยวชาญของฝ่ายธรรมะอื่นๆ ก็ขอตัวกลับอย่างรู้กาลเทศะ
“ห้าร้อยปีแล้ว ในที่สุดสำนักเทียนซือก็มีปรมาจาย์สวรรค์ปรากฏตัวอีกครั้ง”
“ข้าเกือบคิดว่าบันทึกในตำราโบราณผิดพลาด ไม่มีปรมาจาย์สวรรค์อะไรทั้งนั้น ขอบเขตสวรรค์คือที่สุด ปรมาจาย์สวรรค์ที่เหนือกว่าขอบเขตสวรรค์เป็นเรื่องไร้สาระ”
“ปรมาจาย์สวรรค์ ช่างโชคดีที่ได้เห็นความสง่างามของปรมาจาย์สวรรค์ในชีวิตนี้”
“ว่าแต่ ปรมาจาย์สวรรค์คนนั้นชื่ออะไรนะ?”
“จางซานเฟิง ข้าได้ยินนักพรตของสำนักเทียนซือพูดถึงชื่อนี้”
“ปรมาจาย์สวรรค์จางซานเฟิง...”
ผู้เชี่ยวชาญของฝ่ายธรรมะต่างๆ พูดคุยกัน คาดการณ์ได้ว่าภายในหนึ่งเดือน ข่าวการถือกำเนิดปรมาจาย์สวรรค์คนใหม่ของสำนักเทียนซือจะแพร่กระจายไปทั่วโลก
กลางเขามังกรฟ้า
หลินหยวนเดินไปตามทางเขา ทีละก้าว
ด้านหลังมีเจ้าสำนักชางชิง นักพรตผิงหยาง และศิษย์สำนักเทียนซือคนอื่นๆ ติดตามมา
“ปรมาจาย์สวรรค์”
นักพรตผิงหยางพูดตะกุกตะกัก
หลินหยวนเคยบอกเขาว่าจะเดินเส้นทางไท่จันทราและไท่สุริยะ และยังวางแผนที่จะหลอมรวมไท่จันทราและไท่สุริยะเพื่อก้าวข้ามขอบเขตสวรรค์
ตอนนั้นนักพรตผิงหยางยังคิดว่าหลินหยวนบ้า การเดินเส้นทางไท่จันทราและไท่สุริยะพร้อมกันก็ยากลำบากมากแล้ว ยังจะหลอมรวมอีก?
เพียงแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า
หลินหยวนประสบความสำเร็จอย่างเห็นได้ชัด
คนนอกสามารถมองออกได้ว่าพลังที่หลินหยวนใช้ดูเหมือนจะแตกต่างจากปรมาจาย์สวรรค์รุ่นก่อนๆ
นักพรตผิงหยางผู้เป็นขอบเขตสวรรค์ของสำนักเทียนซือ ย่อมรู้สึกได้อย่างลึกซึ้ง
ดังนั้นจึงมีความสงสัยเกิดขึ้นในใจ
“ข้ารู้ว่าเจ้าอยากถามอะไร”
หลินหยวนหยุดเดิน มองไปยังทิวทัศน์เบื้องล่าง
“ข้าได้หลอมรวมไท่สุริยะและไท่จันทราแล้วจริงๆ”
“หลังจากหลอมรวมไท่จันทราไร้ขีดจำกัดและไท่สุริยะไร้ขีดจำกัดแล้ว ข้าเรียกมันว่า—ไท่จี๋”
หลินหยวนครุ่นคิดครู่หนึ่ง กล่าวอย่างช้าๆ
ในขณะเดียวกัน ภาพไท่จี๋ที่เกิดจากการตัดกันของสุริยะจันทรารูปปลาก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของหลินหยวน
ไท่จันทราไร้ขีดจำกัดคือไท่สุริยะ
ไท่สุริยะไร้ขีดจำกัดคือไท่จันทรา
ไท่จันทราและไท่สุริยะคือไท่จี๋
“ไท่จี๋...ไท่จี๋”
นักพรตผิงหยางรู้สึกตกตะลึงอย่างบอกไม่ถูก
นี่คือขอบเขตที่ปรมาจารย์สวรรค์รุ่นที่สามสิบหกของสำนักเทียนซือไม่เคยสัมผัส แม้แต่เทียนซือรุ่นแรกที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังซีดเซียวเมื่อเทียบกับเส้นทางไท่จี๋
“เส้นทางไท่จี๋ มีเพียงผู้ที่มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่ง มีโอกาสอย่างยิ่งใหญ่ และมีความเข้าใจอย่างยิ่งใหญ่เท่านั้น จึงจะสามารถสัมผัสได้”
“ข้าจะสลักเส้นทางนี้ลงบนกระบี่ปรมาจารย์สวรรค์ของข้า”
“ในอนาคตจะวางกระบี่นี้ไว้ในสุสานดาบ หากมีศิษย์รุ่นหลังเข้าใจเส้นทางแห่งไท่จี๋ กระบี่ก็จะบินออกมาเอง”
หลินหยวนพูดต่อ
เส้นทางไท่จี๋ เขาเข้าใจในโลกนี้ ดังนั้นจึงคืนให้โลกนี้….
เหตุผลที่หลินหยวนไม่ได้บันทึกเส้นทางไท่จี๋ไว้ในหนังสือเพื่อสืบทอดต่อ ก็เพราะการฝึกฝนไท่สุริยะและไท่จันทราพร้อมกันนั้นอันตรายเกินไป
คนทั่วไปใครแตะต้องก็ตาย
หากเปิดเผยเส้นทางไท่จี๋ที่สมบูรณ์ให้ทุกคนได้เห็น อาจจะไม่กี่ปี สำนักเทียนซือก็จะสูญสิ้นไปเอง
ในลานแห่งหนึ่งบนเขามังกรฟ้า
หลินหยวนยืนอยู่หน้าเตียง
ด้านหลังเขามีเจ้าสำนักชางชิง นักพรตผิงหยาง และคนอื่นๆ ยืนอยู่อย่างเคารพ
หลินหยวนมองไปที่เตียง นักพรตฉางชิงนอนหลับไม่ได้สติอยู่บนนั้น
นักพรตฉางชิงต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรม สุดท้ายถูกปราณปีศาจเข้าสู่ร่างกาย ซึมเข้าไปในปอด
ทำให้หมดสติไป ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้
บาดแผลเช่นนี้รักษายาก แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รอให้ผู้ป่วยฟื้นขึ้นมาเอง
หากวันใดวันหนึ่ง ปราณปีศาจในปอดสลายไปถึงระดับหนึ่ง ก็อาจจะตื่นขึ้นมาเอง
แน่นอน
บาดแผลเช่นนี้ สำหรับหลินหยวนในตอนนี้ ไม่ใช่เรื่องใหญ่
ใช้พลังไท่จี๋ปรับสมดุลสุริยะจันทรา เพียงไม่กี่ลมหายใจ ก็ขับปราณปีศาจในร่างกายของนักพรตฉางชิงออกไปจนหมด
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
นักพรตฉางชิงค่อยๆ ฟื้นขึ้นมา
“ซานเฟิง”
นักพรตฉางชิงเห็นหลินหยวนเป็นคนแรก ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
“ข้าพบร่องรอยของผู้นำกลุ่ม 'งูเงา' ที่ลงมือกับตระกูลจางแล้ว แต่เมื่อตามไป กลับถูกซุ่มโจมตี...”
“ผู้นำกลุ่ม 'งูเงา' เตรียมการไว้ล่วงหน้า ข้าใช้พลังทั้งหมดที่มี เพียงแค่ทำให้ผู้นำกลุ่ม 'งูเงา' บาดเจ็บสาหัส สุดท้ายก็ถูกคนอื่นโจมตี”
นักพรตฉางชิงพูดถึงตรงนี้ สายตาก็มองอย่างเลื่อนลอย
หลังจากนั้น เขาก็ไม่รู้อะไรอีก
“ไม่เป็นไร”
“ข้าจะไปแก้แค้นให้ตระกูลจางด้วยตัวเอง”
หลินหยวนยิ้มเล็กน้อย
“ซานเฟิง คนของพรรคมารหมื่นอสูรเจ้าเล่ห์มาก เจ้าอย่าเสี่ยงอันตรายเด็ดขาด”
นักพรตฉางชิงได้ยิน น้ำเสียงก็จริงจังขึ้นมาทันที
เขาคือตัวอย่างที่ชัดเจน เดิมทีคิดว่าตัวเองเป็นนายพราน แต่กลับตกหลุมพรางของผู้นำกลุ่ม 'งูเงา'
“เจ้า...”
นักพรตฉางชิงกำลังจะ 'สั่งสอน' หลินหยวนอีกสองสามคำ
นักพรตผิงหยางที่อยู่ข้างๆ ทนไม่ไหว
“ฉางชิง เจ้าพูดอะไรอยู่?”
“คนที่อยู่ตรงหน้าเจ้าคือจางเทียนซือ”
“ระวังคำพูดหน่อย”
นักพรตผิงหยางเตือนนักพรตฉางชิง
“ห๊ะ?”
“จางเทียนซือ?”
“ซานเฟิงกลายเป็นจางเทียนซือแล้ว?”
นักพรตฉางชิงทำหน้างง จนกระทั่งเห็นเจ้าสำนักชางชิงและนักพรตคนอื่นๆ ยืนอยู่ด้านหลังหลินหยวนอย่างเคารพ
ปากก็อ้าค้าง
ข้าแค่หลับไปงีบเดียว ทำไมซานเฟิงถึงกลายเป็นปรมาจารย์สวรรค์แล้ว?
(จบตอน)
…….
"ไท่เก๊ก" (Tai Ge) มาจากการทับศัพท์ภาษาจีนแต้จิ๋วของคำว่า ไท่จี๋ "太极" (Tai Ji) ซึ่งแปลว่า "ท่าของพลังสูงสุด" หรือ "พลังสูงสุด" ที่แสดงถึงการเคลื่อนไหวช้าๆ และสมดุลของร่างกายและจิตใจในศิลปะนี้
ผมขอใช้คำว่าไทจี๋นะครับ ถ้าใช้ไถ่เก๊กแล้วคำมันดูไม่ค่อยเข้ากับตัวเรื่องครับ แต่หมายเหมือนกัน นั่นคือพลังสูงสุดครับ
……..