บทที่ 23 มาสู้กันตัวต่อตัว!
“หนิงเยว่ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ท่านผู้ยิ่งใหญ่บนสวรรค์นั่น...มาหาพวกเจ้าหรือเปล่า?”
ลู่หงเอ่ยถามด้วยสีหน้าหนักใจ
สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่หนิงเยว่และโจวหลิงอวิ้นอย่างพร้อมเพรียง ในขณะที่หญิงสาวเท้าเปล่าที่อยู่ท้ายกลุ่มคน ขมวดคิ้วมองโจวหลิงอวิ้นอย่างพินิจพิเคราะห์
“สาวน้อยข้างตัวหลานชายคนนี้โผล่มาเมื่อไรกัน ทำไมข้าถึงไม่รู้สึกตัวเลย?”
ในดวงตาของหญิงสาวเท้าเปล่าปรากฏแววตะลึง
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ท่านผู้ยิ่งใหญ่บนสวรรค์นั่นจะมาหาพวกเราได้ยังไง?”
หนิงเยว่ถามด้วยสีหน้าฉงน
“พี่หนิง เขามาหาข้าต่างหาก”
โจวหลิงอวิ้นยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องสวรรค์ เมื่อนางเห็นเงาจิ้งจอกปีศาจนับร้อย ดวงตาก็ฉายแววเจ็บปวด
“มาหาเจ้า? จะเป็นไปได้ยังไง...”
หนิงเยว่ตื่นตกใจ
ในขณะนั้นเอง ร่างบนสวรรค์ก็เผยโฉมหน้าที่ชัดเจน
ใบหน้าของเขาหล่อเหลามาก เขามองลงมาจากเบื้องบนด้วยสายตาที่เหนือกว่า จากนั้นสายตาก็หยุดอยู่ที่หนิงเยว่ครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนไปมองโจวหลิงอวิ้นด้วยแววเย้ยหยัน
“ในฐานะที่เจ้าเป็น ‘จิ้งจอกสวรรค์ผู้ลี้ลับ’ ซึ่งเป็นตัวตนที่หายากยิ่งในรอบหลายพันปีของเผ่าพันธุ์เจ้า เจ้าเอาเวลาหนีเอาชีวิตรอดไปเสียกับมนุษย์ธรรมดาคนนี้ได้ยังไง? ถ้าเจ้ายังคงหนีต่อไป ข้าจักรพรรดิก็อาจจับเจ้าไม่ได้ในอีกปีครึ่ง”
‘จิ้งจอกสวรรค์ผู้ลี้ลับ’?
ตัวตนที่หายากยิ่งในรอบหลายพันปี?
ลู่หงและคนอื่นๆ ต่างพากันตกตะลึงมองไปที่โจวหลิงอวิ้น
นางเป็นใครกันแน่?
แม้พวกเขาจะไม่รู้ที่มาของโจวหลิงอวิ้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก็ชี้ชัดแล้วว่าตัวตนของโจวหลิงอวิ้นต้องอยู่ในระดับเดียวกับท่านผู้ยิ่งใหญ่บนสวรรค์นั่น!
ตัวตนเช่นนี้ ไปเกี่ยวข้องกับหนิงเยว่ได้ยังไง?
ทุกคนต่างครุ่นคิดหาคำตอบ แต่ในตอนนี้สิ่งเดียวที่พวกเขาหวังคือความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายจะไม่พัวพันถึงสำนักตันซินเหมิน
เพราะแม้ท่านผู้นั้นบนสวรรค์จะยังไม่ได้ลงมือใช้พลังอะไร ทุกคนก็มั่นใจได้ว่าเขาสามารถทำลายล้างสำนักตันซินเหมินทั้งสำนักได้ด้วยการตบเพียงครั้งเดียว!
แข็งแกร่งมาก!
บุคคลผู้นี้ไม่ใช่แค่ระดับจอมยุทธ์ขั้นสูงป์เท่านั้น แต่เขาอาจทะลุถึงระดับราชายุทธไปแล้ว!
“หลิงอวิ้น เขาบอกว่าเจ้าเป็นจิ้งจอกสวรรค์อะไรกันแน่?”
หนิงเยว่ถามด้วยสีหน้าตื่นตะลึง
“พี่หนิง ข้าโกหกท่าน...ตระกูลโจวของเราไม่ได้เป็นมนุษย์ แต่เป็นเผ่าจิ้งจอกปีศาจ”
ใบหน้าของโจวหลิงอวิ้นปรากฏความรู้สึกผิด
“จิ้งจอกปีศาจ...”
หนิงเยว่และลู่หงรวมถึงคนอื่นๆ ตกตะลึง
พวกเขารู้ว่ามีอสูรทรงพลังบางตัวที่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ แต่ความจริงแล้ว อสูรในระดับนั้นก็ไม่ต่างจากราชายุทธหรือจักรพรรดิยุทธที่พวกเขาไม่มีโอกาสได้พบเจอเลย!
โจวหลิงอวิ้นกลับเป็นอสูรที่ทรงพลังถึงขั้นสามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้?!
“เจ้าจะเป็นจิ้งจอกปีศาจหรือไม่ ข้าก็ไม่สนใจ”
หนิงเยว่ค่อยๆ ตั้งสติและพูดขึ้น
โจวหลิงอวิ้นยิ้ม
ในดวงตาของหนิงเยว่ไม่มีความหวาดกลัวหรือรังเกียจปรากฏขึ้นเลยแม้แต่น้อย สายตาที่เขามองนางยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
แค่มั่นใจได้ในข้อนี้ นางก็พอใจแล้ว ไม่มีสิ่งใดให้เสียใจอีกต่อไป
“ข้าหมดห่วงแล้ว”
โจวหลิงอวิ้นยิ้มอย่างอ่อนโยน
“พี่หนิง หากชาติหน้ามีโอกาสได้พบกันอีก ข้าจะต้องแต่งงานกับท่านแน่นอน”
แต่ในชาตินี้ ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้แล้ว ชาติหน้าก็แล้วกัน ชาติหน้าจะต้องแต่งงานกับท่านให้ได้
โจวหลิงอวิ้นเงยหน้ามองร่างบนท้องสวรรค์ แววตาเย็นชา “เจ้ายังรออะไรอยู่ ข้าไม่ได้คิดจะหนีอีกแล้ว”
“ฮึๆ ตอนนี้เจ้าคิดจะหนี ก็หนีไม่พ้นแล้วล่ะ”
ใบหน้าหล่อเหลาของชายบนสวรรค์ปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันจางๆ ก่อนที่มือข้างหนึ่งจะยื่นออกมาจากแสงหลากสีรุ้ง มุ่งตรงไปจับตัวโจวหลิงอวิ้น
“จิ้งจอกสวรรค์ผู้ลี้ลับ... หลานชายข้าไปพัวพันกับตัวตนแบบนี้ได้ยังไงกัน? แล้วเจ้าคนนั้นอีก เขาคิดจะกวาดล้างจิ้งจอกสวรรค์ทั้งเผ่าหรือไง? หัวหน้าเผ่าของพวกเขาก็อยู่ในระดับจักรพรรดิยุทธแท้ๆ...”
หญิงสาวเท้าเปล่ามองเหตุการณ์ด้วยสีหน้าตกตะลึง
ไม่แปลกเลยที่นางจะไม่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของโจวหลิงอวิ้น เพราะอีกฝ่ายเป็นจิ้งจอกสวรรค์ผู้ลี้ลับ ตัวตนที่เลอเลิศซึ่งมีเพียงหนึ่งเดียวในรอบหลายพันปี
ตัวตนเช่นนี้ หากนางไม่ปรารถนาให้ใครรับรู้ ย่อมไม่มีใครสามารถสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของนาง!
“ช้าก่อน!”
หนิงเยว่รีบก้าวมายืนขวางหน้าโจวหลิงอวิ้น พร้อมตะโกนขึ้นไปยังเงาร่างบนสวรรค์ “ท่านผู้อาวุโส ถ้ามีอะไรพูดจากันดีๆ หลิงอวิ้นของข้าทำอะไรผิดหรือ? ท่านถึงต้องจับตัวนางไป?”
“มดปลวกอย่างเจ้า มีสิทธิ์อะไรมาเจรจากับข้า?”
เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้น พร้อมกับที่ฝ่ามือขนาดยักษ์ไม่มีท่าทีหยุดชะงัก มันกดลงมาราวกับภูเขาไท่ซานที่พร้อมจะบดขยี้ทุกสิ่ง
แรงกดดันอันน่ากลัวที่มาพร้อมกับฝ่ามือขนาดยักษ์นั้นทำให้ทุกคนแทบขยับตัวไม่ได้
แม้แต่ฝ่ามือยังไม่ทันตกลงมา กลิ่นอายอันน่าสะพรึงก็ทำให้เลือดลมในร่างหนิงเยว่ปั่นป่วนจนต้องพ่นเลือดสดออกมาคำใหญ่
“เขาเพิ่งอยู่แค่ระดับปรานกำลัง ทำไมท่านถึงใช้พลังข่มเหงเขาเช่นนี้!”
เสียงของโจวหลิงอวิ้นดังขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว ร่างของนางเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว มายืนขวางหน้าหนิงเยว่
เส้นผมยาวสลวยพลิ้วไหวโดยไร้ลม
ผ้าคลุมหน้าเลื่อนหลุดออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริง
ดวงตาเปล่งประกายราวกับดวงดาว ทว่าบัดนี้กลับกลายเป็นสีแดงฉาน
ด้านหลังของนาง เงาหางจิ้งจอกสิบแปดหางปรากฏไหววูบ
“งดงามเหลือเกิน...”
ในที่สุดทุกคนก็ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของโจวหลิงอวิ้น ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความตกตะลึง
นางงดงามอย่างไร้ที่เปรียบ
พวกเขาไม่เคยพบเห็นผู้หญิงคนใดที่สามารถทำให้คนอื่นหลงใหลได้เพียงแค่การมองแวบเดียวเหมือนโจวหลิงอวิ้น!
“มดปลวกกล้าท้าทายสวรรค์ แล้วจะกลัวถูกสวรรค์ทับตายหรือ?”
เงาร่างบนสวรรค์หัวเราะเบาๆ
“โอ้! ตั้งตัวเองเป็นสวรรค์? สวรรค์มันใหญ่แค่ไหน ตัวเจ้าเองล่ะใหญ่เท่าไหร่? ถ้ามีปัญญาก็อย่าคิดใช้พลังข่มขู่ ลงมาสู้กับข้าตัวต่อตัวดีกว่า! แอบซ่อนตัวอยู่ในหมู่เมฆ นึกว่าเป็นเทพเซียนหรือไง? หมูใส่จมูกต้นหอมจะทำตัวเป็นช้างหรือไง?”
หนิงเยว่เช็ดเลือดที่มุมปาก ก่อนจะชี้ไปยังเงาร่างบนสวรรค์แล้วตะโกนขึ้น “ลงมาสู้กับข้าตัวต่อตัวสิ!”
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบงันจนได้ยินเสียงเข็มหล่น ทุกคนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน ซึ่งค่อยๆ เร็วขึ้นเรื่อยๆ
“หนิงเยว่เสียสติไปแล้ว!”
“เขาคิดจะทำอะไร?! แบบนี้จะพาสำนักตันซินเหมินไปสู่หายนะ!”
ทุกคนมองเขาด้วยความตกตะลึงจนขนลุก
“เขานี่มันเหมือนอู๋จื้อเหว่ยไม่มีผิด ตัวต่อตัว ตัวต่อตัว? แล้วดูสิว่าอีกฝ่ายเป็นตัวตนระดับไหน!”
เฟิงลี่คังโกรธจนพูดไม่ออก
“พี่หนิง...” โจวหลิงอวิ้นเองก็เผยสีหน้าตกใจ หันมามองหนิงเยว่
“แย่แล้ว...” หญิงสาวเท้าเปล่ากล่าวในใจ
เงาร่างบนสวรรค์ตกอยู่ในความเงียบ
ผ่านไปเพียงไม่กี่ลมหายใจ แสงหลากสีที่ปกคลุมท้องสวรรค์ก็ค่อยๆ สลายหายไป
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ตรงหน้าของทุกคนมีชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีม่วงยืนอยู่
ที่เอวของเขามีกระเป๋าใบใหญ่ห้อยอยู่ ข้างในดูเหมือนมีบางสิ่งกำลังดิ้นรนอยู่
“มดปลวก เจ้าอาจจะพลังต่ำต้อย แต่กล้าหาญดีนี่”
ชายหนุ่มชุดม่วงมองหนิงเยว่ด้วยรอยยิ้มที่แฝงความเยาะเย้ย
“จื่อชวนจวิน เป้าหมายของเจ้ามีแค่ข้าเท่านั้น เรื่องระหว่างเจ้าและเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา”
โจวหลิงอวิ้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"จื่อชวนจวิน?"
ลู่หงและคนอื่นๆ รู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหู
ไม่กี่อึดใจต่อมา มีคนสูดลมหายใจลึกด้วยความตกใจ
"จักรพรรดิยุทธจื่อชวน!?"
จักรพรรดิยุทธ!?
นี่คือจักรพรรดิยุทธในตำนานจริงๆ หรือ!?
สายตาตกตะลึงนับไม่ถ้วนจ้องมองไปยังจื่อชวนจวิน
เพียงแค่จอมยุทธขั้นปลายก็ห่างไกลจากพวกเขาเหลือเกินแล้ว นับประสาอะไรกับจักรพรรดิยุทธ ซึ่งระดับขั้นระหว่างทั้งสองยังมีจอมยุทธขั้นสูงสี่ขั้นและราชายุทธสี่ขั้นกั้นกลาง!
"เขาทำให้ข้าสนใจได้สำเร็จ"
จื่อชวนจวินหัวเราะเบาๆ ก่อนหันไปมองหนิงเยว่
"ดูเหมือนเจ้าจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับนางสินะ ข้าจะพานางไป แต่เจ้าคงไม่ยอมใช่ไหม?"
"ข้าไม่ยอม"
หนิงเยว่ยิ้มออกมา ก่อนคว้าโจวหลิงอวิ้นไว้ด้านหลังตัวเอง ดวงตาแน่วแน่ไร้ความหวาดหวั่นมองตรงไปยังจื่อชวนจวิน
"น่ายกย่อง น่ายกย่องจริงๆ"
จื่อชวนจวินหัวเราะเบาๆ พร้อมปรบมือ
"เช่นนี้ ข้าจะให้โอกาสเจ้า เจ้าคือผู้แข็งแกร่งระดับปรานกำลังขั้นปลายใช่ไหม?
ข้าจะกดพลังของตัวเองลงมาอยู่ในระดับปรานกำลังขั้นปลายเหมือนตอนข้ายังอยู่ระดับนั้น หากเจ้าทนรับได้สามกระบวนท่าจากข้า ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป
แต่หากเจ้ารับไม่ได้ครบสามกระบวนท่า ข้าจะทำลายแขนขาทั้งหมดของเจ้า ให้เจ้าต้องนอนบนเตียงไปตลอดชีวิ
ต เจ้ายินดีจะลองหรือไม่?"
"พี่หนิง อย่าตอบตกลง!" โจวหลิงอวิ้นรีบห้ามทันที
คนที่จะก้าวขึ้นเป็นจักรพรรดิยุทธได้ ย่อมมีพลังเหนือมนุษย์ตั้งแต่ยังอยู่ในระดับปรานกำลัง กลยุทธ์และพลังของเขาย่อมไม่ธรรมดา!