ตอนที่ 33 ค้อนแห่งสกาดี!
ตอนที่ 33 ค้อนแห่งสกาดี!
ถ้าถามว่าในจักรวาลมีวายร้ายมากมายขนาดไหน? แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถบอกจำนวนได้อย่างแน่ชัด
ตั้งแต่ที่ คริสตจักรความจริงแห่งสากล (Universal Truth Church) ได้แผ่ขยายไปทั่วทั้งกาแล็กซี ไปจนถึงแก๊งอาชญากรรมเล็ก ๆ ที่มีแค่สองสามคน จำนวนของวายร้ายก็เริ่มเพิ่มจำนวนขึ้นนับไม่ถ้วน
ดังนั้นเอริคจึงไม่สามารถระบุได้ในทันทีว่าใครเป็นคนพาตัวแซมมี่ไป แต่เขาเชื่อว่าเขาจะสามารถหาคำตอบได้
แม่น้ำเยนิเซย์ไหลจากใต้ขึ้นเหนือ และจบที่มหาสมุทรอาร์กติก ถ้าหากกลุ่มที่จับแซมมี่ไปใช้เรือดำน้ำ พวกเขาก็คงเคลื่อนไปทางเหนือ เอริคจึงเลือกที่จะติดตามเส้นทางสายหลักของแม่น้ำเยนิเซย์เพื่อหาตัวพวกเขา
เอริคพาจักเกอร์นอทบินไปตามแม่น้ำเยนิเซย์ โดยขณะบินเขาก็พยายามขยายขอบเขตการตรวจจับสนามแม่เหล็กออกไปเต็มที่เพื่อค้นหาสัญญาณ
นอกจากนี้เนื่องจากเรือดำน้ำลำดังกล่าวน่าจะออกเดินทางไปแล้วอย่างน้อยสองวัน เอริคจึงมุ่งเน้นการค้นหาในช่วงครึ่งหลังของแม่น้ำเยนิเซย์
โชคร้ายที่ดูเหมือนสวรรค์จะไม่พอใจกับการที่เขาหลอกเจ้าเด็กซื่อ ทำให้เอริคที่บินวนรอบแม่น้ำเยนิเซย์สองรอบ แต่เขาก็ยังไม่พบเบาะแสใด ๆ เลย ดังนั้นเขาจึงลองตรวจสอบแม่น้ำข้างเคียงที่มีปริมาณน้ำมากด้วย แต่ก็ยังไม่ได้เรื่องอะไร
ส่วนจักเกอร์นอทนั้น ตอนนี้เขากำลังเหม่อมองเมฆบนฟ้าด้วยใบหน้าไร้เดียงสา เพราะตอนนี้พวกเขาบินอยู่สูงมากจนมองไม่เห็นพื้นดินเลย และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเอริคพาเขาบินวนแม่น้ำไปแล้วสองรอบ
เอริคแอบเหลือบมองเขาเล็กน้อย และเมื่อเห็นว่าจักเกอร์นอทยังคงไว้ใจเขาเต็มที่ เอริคจึงกัดฟันเพิ่มความเร็วและมุ่งตรงไปทางเหนือ
เนื่องจากมหาสมุทรอาร์กติกนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ขณะที่การตรวจจับสนามแม่เหล็กของเอริคสามารถครอบคลุมได้เพียงพื้นที่เล็ก ๆ ดังนั้นเขาจึงต้องชดเชยเรื่องนี้ด้วยการเพิ่มความเร็ว
ระหว่างทาง เอริคเจอเรือหลายลำ แต่ก็ยังไม่พบสัญญาณสนามแม่เหล็กของมนุษย์กลายพันธ์ หรือร่องรอยของเรือดำน้ำเลย ซึ่งทำให้เขาเริ่มกระวนกระวายขึ้นมาในใจบ้างแล้ว
และก่อนที่เขาจะรู้ตัว ตอนนี้ทัศนวิสัยรอบตัวของเขาก็กลายเป็นสีขาวโพลนไปหมด เอริคถึงกับเห็นหมีขั้วโลกสองสามตัวอยู่บนภูเขาน้ำแข็ง . . .
นี่มันขั้วโลกเหนือแล้ว!
เอริคถอนหายใจอย่างหมดหนทางและค่อย ๆ ร่อนลงสู่พื้น
“เจอแล้วหรอ?” เจ้าเด็กซื่อที่คิดว่ามาถึงที่หมายแล้ว เขาตื่นเต้นจนยกหมัดขึ้นชกกันเองส่งเสียงดัง ปัง ปัง!
“เอ่อ พวกมันน่าจะอยู่แถวนี้ ฉันต้องใช้ท่าไม้ตายเพื่อหาพิกัดที่แน่ชัด อย่ารบกวนฉันล่ะ” เพื่อรักษาหน้าตัวเอง เอริคทำได้เพียงกล้ำกลืนความหงุดหงิด และโกหกออกมาอย่างหน้าตาย
จักเกอร์นอทถอยห่างออกไปกว่า 10 เมตรอย่างว่าง่าย เพราะกลัวจะรบกวนเอริค ทำให้เอริคที่เห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจเล็กน้อย ‘นี่มันปัญหาที่ฉันสร้างเองชัด ๆ ใครใช้ให้ฉันมั่นใจเกินไปล่ะ? เอาล่ะ มาลุยกัน!’
เอริคเตรียมใช้ท่าไม้ตายที่ตัวเองไม่ค่อยอยากใช้นัก เพราะมันสิ้นเปลืองพลังสมองมหาศาล!
ทันใดนั้นเอริคก็บินขึ้นไปในตำแหน่งที่สูงกว่าเดิม นั่งขัดสมาธิกลางอากาศ พร้อมกับผงโลหะที่เขาพกมาด้วยเริ่มกระจายตัวออกและสร้างกระจกเว้าขนาดยักษ์หันหน้าไปทางพื้นดิน โดยตัวเขาอยู่ที่จุดโฟกัสของกระจกเว้านั้น
เอริคมองขึ้นไปยังกระจกยักษ์ พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ ก่อนจะหลับตาลงเพื่อทำจิตใจให้ว่างเปล่า จากนั้นเขาก็ปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาอย่างต่อเนื่องและมั่นคง
ซึ่งทันทีที่คลื่นถูกส่งออกไป เอริคก็ได้รับข้อมูลสะท้อนกลับจากพื้นดิน ทำให้ตอนนี้มีข้อมูลจำนวนมหาศาลถาโถมเข้าสู่จิตใจของเขาตลอดเวลา
ภูเขา แม่น้ำ ภูเขาน้ำแข็ง มหาสมุทร เรือ มนุษย์ หมีขั้วโลก . . . ทุกสิ่งบนพื้นโลกส่งคลื่นสะท้อนกลับมาหาเขา ไม่เพียงแค่พื้นผิวโลก แต่ยังใต้ดิน ใต้น้ำแข็ง และใต้ทะเลอีกด้วย ทำให้สมองของเอริคจมอยู่ในข้อมูลจำนวนมหาศาลอย่างรวดเร็ว
ท่าไม้ตายนี้เขาได้รับแรงบันดาลใจมากจากเรดาร์และกล้องโทรทรรศน์วิทยุ สมัยที่แม็กนีโตยังหนุ่ม เขาเคยฝึกใช้เทคนิคนี้ แต่ไม่กล้าใช้บ่อยนักเพราะมันเสี่ยงเกินไป
นอกจากนี้ตอนช่วยศาสตราจารย์เอ็กซ์สร้างเครื่องขยายคลื่นสมอง แม็กนีโตก็ได้ศึกษาหลักการของกล้องโทรทรรศน์วิทยุอย่างละเอียดเช่นกัน เพราะที่คฤหาสน์เซเวียร์มีกล้องโทรทรรศน์ขนาดใหญ่อยู่ใกล้ ๆ ซึ่งเขาเห็นมันทุกวันจนอดสนใจไม่ได้
แต่ไม่ว่าจะเป็นเรดาร์ กล้องโทรทรรศน์วิทยุ หรือเครื่องขยายคลื่นสมอง ข้อมูลที่ได้รับล้วนถูกประมวลผลโดยคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีของเอริค เขากับต้องวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลเหล่านี้ด้วยสมองของตัวเอง ดังนั้นมันจึงเป็นปาฏิหาริย์แล้วที่ศีรษะของเขายังไม่ระเบิดในทันที
เอริคพยายามควบคุมพลังเหนือธรรมชาติของตัวเองอย่างยากลำบาก ก่อนที่เขาจะเริ่มตัดข้อมูลที่เกี่ยวกับภูมิประเทศออก ทำให้ปริมาณข้อมูลลดลง 30%
จากนั้นก็ตัดข้อมูลที่เกี่ยวกับกระแสน้ำและฝูงปลาใต้ทะเลออกอีก ทำให้ข้อมูลลดลงอีก 30% ซึ่งช่วยให้เขาหายใจได้สะดวกมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นตอนนี้มันจึงมีข้อมูลที่เหลืออยู่อีก 40% แต่หลังจากที่เขากรองสัญญาณที่ไม่ใช่โลหะออกไปจนลดลงไปกว่าครึ่ง ตอนนี้มันก็เหลือข้อมูลทั้งหมดไม่ถึง 100,000 ชุดเท่านั้น . . .
จากนั้นเอริคเริ่มกรองข้อมูลเพิ่มเติมโดยให้ทุกสิ่งที่มีขนาดเล็กกว่าเรือดำน้ำถูกตัดออก ซากเรือจมใต้ทะเลถูกตัดออก แท่นขุดเจาะน้ำมันนอกชายฝั่งและเรือประมงถูกตัดออก สถานีวิจัยขั้วโลกก็ถูกตัดออกเช่นกัน . . .
ในที่สุด เขาก็พบเป้าหมาย — ใต้ภูเขาน้ำแข็งแห่งหนึ่ง มีฐานทัพใต้ดินขนาดใหญ่อยู่!
“ในที่สุดก็หาเจอ!” เอริคยิ้มเยาะ ก่อนพุ่งตรงไปยังเป้าหมายทันที
แต่เพียงสองนาทีหลังจากบินไป เอริคก็ต้องบินวนกลับมาอีกครั้ง เพราะเขาลืมเจ้าจักเกอร์นอทไว้ข้างหลัง!
. . .
“บอส แซมมี่อยู่ที่นี่จริงหรอ?” จักเกอร์นอทมองภูเขาน้ำแข็งตรงหน้าอย่างตื่นเต้น และขยับมือไปมาเตรียมพร้อมเต็มที่ ทำให้เอริคที่เห็นเช่นนั้นถึงกับพูดไม่ออก ‘เจ้านี่คิดจะทำอะไรอีก? จะทุบภูเขาน้ำแข็งหรือไง?’
“คิดบ้าอะไรของนาย? ใต้ภูเขาน้ำแข็งนี้มีฐานทัพซ่อนอยู่” เอริคพูดพร้อมถอนหายใจ “จำไว้ อย่าทำลายฐานนี้ ฉันต้องการมัน ถ้านายทำลาย ฉันจะหักเงินเดือนนาย! อีกอย่าง คนที่ใส่ชุดสีเขียว นายฆ่าได้ แต่คนที่ใส่ชุดสีขาว นายห้ามแตะ! เข้าใจไหม? ถ้านายฆ่าคนในชุดสีขาว ฉันจะหักเงินเดือนนายหนึ่งเดือน!”
หลังจากตรวจสอบสนามแม่เหล็กแบบง่าย ๆ เอริคก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของใคร
นี่เป็นหนึ่งในผลงานของ เรดสกัลล์ — ฐานลับที่เรดสกัลล์สร้างขึ้นเมื่อตอนที่เขายังมีอำนาจ โดยฐานนี้ถูกใช้ทำการทดลองลับ ๆ มานานหลายปี จนกระทั่งคนในฐานนี้กลายเป็นคนรุ่นที่สองแล้ว แต่พวกเขายังคงบูชาเรดสกัลล์และดำเนินการทดลองต่อไปในแบบเดิม
ซึ่งเป้าหมายของการทดลองในฐานนี้คือค้อนเล่มหนึ่ง ค้อนสีเงินวาว มีด้ามจับสีทอง และหัวค้อนทรงกลม ดูคล้ายกับค้อนที่ใช้ในงานประมูล ผิวของค้อนถูกสลักด้วยลวดลายซับซ้อนและมนต์คาถา พลังงานมหาศาลและชั่วร้ายไหลเวียนอยู่ภายในค้อนเล่มนี้ ซึ่งเอริคได้ลองพยายามใช้พลังของตัวเองควบคุมมันแล้ว แต่ค้อนกลับสะท้อนพลังของเขาออกมาโดยตรง
ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่ค้อนของธอร์อย่างแน่นอน!
อย่างไรก็ตาม ค้อนอันนี้ก็น่าจะเป็นของแอสการ์ด เพราะลักษณะของพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งแบบนี้มีอยู่ในตระกูลค้อนของแอสการ์ดเท่านั้น
‘ค้อนของสกาดี! โอ้โห! นี่มันลำบากหน่อยแล้วแฮะ!’ เอริคทบทวนข้อมูลในหัวเกี่ยวกับค้อนต่าง ๆ ที่เขาเคยรู้จัก และในที่สุดเขาก็รู้ว่าค้อนอันนี้มันเป็นของใคร
ค้อนอันนี้เชื่อมโยงกับครอบครัวของธอร์ เจ้าของเดิมของมันคือ ‘คัล บอร์สัน’ — ลุงของธอร์ และพี่ชายของโอดิน คัลเคยเป็นเทพเจ้ากษัตริย์แห่งแอสการ์ดและเทพเจ้าแห่งความกลัว แต่เนื่องจากการปกครองที่โหดร้าย โอดินจึงโค่นเขาลงและผนึกเขาไว้บนโลก
อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะถูกผนึก คัลได้ทิ้งค้อนทั้งแปดอันไว้บนโลก โดยใครก็ตามที่ได้รับการยอมรับจากเขาและสามารถยกค้อนขึ้นได้ จะกลายเป็น ‘ผู้ส่งสารแห่งสกาดี’ และได้รับพลังเทพเจ้าอันมหาศาล
“คัล บอร์สัน . . . ระดับตัวพ่อเลยสินะ! ฉันจะปล่อยนายไปไม่ได้เด็ดขาด!”
โปรดติดตามตอนต่อไป …