ตอนที่ 122: ไม่อิจฉาบ้างหรือ?
ร้านบาร์บีคิวตรงหน้าทางเข้าโรงเรียนมัธยมยังเปิดให้บริการอยู่ เจ้าของร้านก็ยังคนเดิม และรสชาติของเนื้อย่างก็ยังคงคุ้นเคย สำหรับซ่งซีที่เกิดใหม่แล้ว ช่วงเวลามัธยมปลายกลายเป็นเพียงความทรงจำที่เลือนลาง เธอแทบจะจำไม่ได้เลยว่าครั้งสุดท้ายที่มาที่ร้านนี้คือตอนไหน
สำหรับมู่ชิว ความทรงจำที่ดูห่างไกลสำหรับซ่งซี เป็นเพียงเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนเท่านั้น มู่ชิวเล่าเรื่องราวสมัยมัธยมปลายให้ซ่งซีฟังอย่างไม่หยุดหย่อน เรื่องตลกที่มู่ชิวคิดว่าน่าขำเหล่านั้นกลับเป็นเรื่องที่ซ่งซีไม่คุ้นเคยเลย
ซ่งซีคีบเนื้อชิ้นหนึ่งให้มู่ชิว จิ้มลงในน้ำจิ้มแล้วแตะเบา ๆ ก่อนจะวางลงในถ้วยของมู่ชิว “พี่ความจำไม่ค่อยดี จำอะไรได้ไม่มาก”
มู่ชิวเป็นคนที่ไม่อ้วนง่าย เธอหยิบเนื้อชิ้นนั้นใส่ปาก เมื่อเห็นว่าซ่งซีกินแต่ผักและแทบไม่แตะเนื้อเลย มู่ชิวส่ายหน้าและแซวว่า “พี่แต่งงานแล้ว ยังต้องรักษาหุ่นขนาดนี้อีกเหรอ?”
ซ่งซียิ้มพลางตอบ “หลังแต่งงานต้องใส่ใจเรื่องหุ่นมากขึ้นสิ เพราะพี่หานเขากอดและสัมผัสพี่ทุกวันเลยนี่นา”
มู่ชิวถึงกับพูดไม่ออก
เธอกลืนเนื้อลงไปแล้วบ่นกับซ่งซีเสียงเบา “พี่คะ หลังแต่งงานแล้ว พี่นี่เปลี่ยนไปเลยนะ”
“ไม่ใช่หรอก พี่แค่ปลดปล่อยพลังราชินีเจ้าเล่ห์ในตัวออกมา” ตั้งแต่ได้เจอกับหานซาน ซ่งซีก็อยากแกล้งเขาและดูเขาเขินอาย ยิ่งนานไป เธอก็กลายเป็นสาวขี้แกล้งไปเลย
มู่ชิวไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี แต่พอนึกถึงเรื่องบางอย่าง เธอก็ยิ้มไม่ออก “พี่คะ แม่กำลังตั้งท้อง” มู่ชิวไม่แน่ใจว่าซ่งซีรู้เรื่องนี้หรือยัง
ซ่งซีวางตะเกียบลง จ้องมองมู่ชิวด้วยสายตาแน่วแน่แล้วพูดว่า “พี่รู้แล้ว ตอนอยู่ที่โรงพยาบาล แม่จู่ ๆ ก็รู้สึกคลื่นไส้แล้วหลบเข้าไปในห้องน้ำ พี่เดาได้ว่าแม่คงท้อง”
“ฉันว่าแล้ว! ฉันก็เดาได้ตั้งแต่วันนั้น” มู่ชิวใช้มือเท้าคางแล้วยิ้มโล่งใจ เธอพูดว่า “มันก็ดีเหมือนกันที่แม่ท้องตอนนี้ อย่างน้อยพวกเขาก็จะมีลูกอยู่เคียงข้างหลังจากที่ฉันจากไปแล้ว”
ซ่งซีมองเธอด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วถามขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว “เธอพูดจริงเหรอ?”
มู่ชิวชะงัก “พี่ถามแบบนี้หมายความว่ายังไง?”
ซ่งซีพูดตรง ๆ ว่า “เธอไม่เกลียดพวกเขาเหรอ? ไม่เคยคิดเลยเหรอว่าพวกเขาอาจจะลืมเธอไปเพราะมีลูกใหม่?” ซ่งซีไม่เชื่อว่ามู่ชิวจะใจกว้างและคิดถึงคนอื่นมากขนาดนั้น
มู่ชิวเริ่มรู้สึกกระวนกระวาย มือเธอสั่นเล็กน้อยขณะถือแก้ว “พี่มองฉันแบบนี้เหรอ?”
ริมฝีปากมู่ชิวสั่นเล็กน้อย น้ำเสียงของเธอเจือความน้อยใจขณะพูดว่า “นั่นคือน้องชายหรือน้องสาวของฉัน เป็นครอบครัวที่เกี่ยวพันทางสายเลือด เมื่อฉันรู้เรื่องนี้ ฉันก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย แต่ฉันก็เฝ้ารอให้เขาเกิดมาปลอดภัย ฉันหวังว่าหลังจากที่ฉันตาย การมาของเขาจะช่วยดึงพ่อแม่ออกจากความเศร้าได้”
“เหมือนกับตอนที่พี่เข้ามาอยู่ในบ้านของฉัน พี่ทั้งสวยและฉลาด ฉันอิจฉาและหมั่นไส้พี่ แต่ฉันก็ยังมองว่าพี่เป็นครอบครัวและปกป้องพี่ ฉันก็รักเด็กในท้องแม่เหมือนกัน” มู่ชิวกำแก้วแน่นก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ทุกคำที่ฉันพูดมาจากใจจริง!”
ซ่งซีตบหลังมือมู่ชิวเบา ๆ พร้อมยิ้มแล้วพูดว่า “โกรธเหรอ? อย่าทำแบบนี้สิ พี่แค่เป็นห่วงว่าเธอจะไม่มีความสุข เพราะสุขภาพของเธอ...” ซ่งซีหยุดพูดแล้วจิบน้ำ “ชิวเอ๋อร์ กินบาร์บีคิวเถอะ”
แต่มู่ชิวไม่มีอารมณ์จะกินเนื้ออีกต่อไป ทุกอย่างเหมือนไม่มีรสชาติ ซ่งซีหยิบผักกาดห่อเนื้อหมูย่าง ม้วนให้เรียบร้อยแล้วส่งให้มู่ชิว เธอรับมาและกินเหมือนมันไม่มีรสชาติ
มื้อนั้นจบลงด้วยความขมขื่น และสองพี่น้องก็กลับบ้าน
ระหว่างทางกลับบ้าน ซ่งซีหลับตาพิงเบาะรถ เธอคิดถึงเรื่องราวมากมายในอดีตที่เธอเคยละเลยในชีวิตก่อนของเธอ
ในชีวิตก่อนหน้า ทารกในท้องของตู้ถิงถิงไม่สามารถรอดชีวิตได้ เพราะในช่วงเริ่มต้นของการตั้งครรภ์ มู่ชิวต้องเข้ารับการผ่าตัดโดยบังเอิญ ตู้ถิงถิงยุ่งกับการดูแลมู่ชิวจนไม่ได้สังเกตว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์ ด้วยการที่ประจำเดือนหยุดไปอย่างกะทันหัน ตู้ถิงถิงคิดว่าสาเหตุมาจากความเครียดที่เธอกังวลเรื่องสุขภาพของลูกสาว จนทำให้เธอเข้าสู่วัยทองก่อนเวลา
จนกระทั่งเธอแท้งลูก ตู้ถิงถิงถึงได้รู้ว่าตัวเองตั้งครรภ์
เพราะความสะเพร่าของตัวเอง ตู้ถิงถิงยังคงเสียใจและโทษตัวเองที่ดูแลทารกในท้องไม่ดีพอ ในชีวิตก่อนหน้าของเธอ เด็กคนนั้นได้จากไปนานแล้ว แต่ในชีวิตนี้ เขาจะสามารถลืมตาดูโลกได้อย่างปลอดภัยหรือไม่?
หลังจากพูดคุยกับมู่ชิวเมื่อวานนี้ ตู้ถิงถิงก็ยอมปล่อยวาง เธอเข้าใจแล้วว่าการเอาชีวิตของเธอไปแลกกับมู่ชิวนั้นไม่ยุติธรรมสำหรับมู่เหมียน
สุดท้ายตู้ถิงถิงตัดสินใจที่จะให้กำเนิดเด็กคนนี้
ในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง อุณหภูมิระหว่างกลางวันและกลางคืนแตกต่างกันมาก ตอนกลางวันอากาศร้อนจนเธออยากอาบน้ำเย็น แต่ในช่วงเย็นลมฤดูใบไม้ร่วงก็พัดแรง
ตู้ถิงถิงหยิบผ้าคลุมไหล่แล้วเดินลงไปข้างล่าง เธอออกไปเดินเล่นคนเดียวในสวนของบ้าน
เมื่อมู่เหมียนกลับมาบ้าน เขาเห็นตู้ถิงถิงกำลังให้อาหารปลาคาร์ปอยู่ที่ริมบ่อ สีหน้าที่เคร่งขรึมของเขาก็พลันสว่างไสวขึ้น “ถิงถิง” มู่เหมียนเดินเข้าไปหาตู้ถิงถิง เมื่อเข้ามาใกล้ เขาเห็นว่าหน้าของเธอดูมีสีเลือดฝาดเล็กน้อย จึงรู้สึกโล่งใจ
ตู้ถิงถิงหยุดมือและเงยหน้ามองมู่เหมียน
ก่อนที่มู่เหมียนจะได้พูดอะไร เธอกลับพูดขึ้นมาก่อน “คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉันแล้วนะ ฉันเข้าใจแล้ว การเอาชีวิตของฉันไปแลกกับชีวิตของมู่ชิวนั้นเป็นสิ่งที่โหดร้ายกับคุณ ถ้าฉันทำแบบนั้นจริง ๆ ฉันเกรงว่าคุณจะไม่สามารถมองหน้ามู่ชิวได้ในอนาคต”
มู่เหมียนตกใจกับคำพูดของตู้ถิงถิง แต่เขาไม่ได้โต้เถียงอะไร
จริง ๆ แล้ว ตู้ถิงถิงพูดถูก มู่เหมียนไม่มีวันยอมให้สิ่งนั้นเกิดขึ้น ความคิดที่ว่าหัวใจที่เต้นอยู่ในตัวมู่ชิวนั้นคือหัวใจของภรรยาที่เขารักมาหลายปีทำให้มู่เหมียนรู้สึกรักมู่ชิวน้อยลง
เมื่อเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกสาวจะยิ่งมีรอยร้าวมากขึ้น
ตู้ถิงถิงยื่นอาหารปลาให้มู่เหมียนและพิงราวระเบียง “มู่ชิวคือลูกของฉัน ฉันรู้จักนิสัยของเธอดี เธอเป็นคนจิตใจดี เธอไม่มีวันยอมรับหัวใจของฉัน ฉันจะให้กำเนิดเด็กคนนี้ และฉันจะทะนุถนอมช่วงเวลาสุดท้ายที่เหลืออยู่กับมู่ชิวให้มากที่สุด”
“สามีคะ คุณไม่ต้องเป็นห่วงฉันอีกแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของตู้ถิงถิง มู่เหมียนก็รู้สึกโล่งใจในที่สุด “ดีแล้วที่คุณยอมรับได้” จากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาก็ดีขึ้น บรรยากาศอันหม่นหมองในบ้านตระกูลมู่ก็คลายลง
ทั้งสองยืนให้อาหารปลาคาร์ปจนหมดก่อนจะเดินกลับเข้าบ้าน
มู่ชิวกลับมาบ้านหลังจากไปกินบาร์บีคิว เธอไม่เห็นตู้ถิงถิงอยู่ข้างล่าง จึงคิดว่าแม่ยังคงโกรธอยู่ เธอถามป้าจาง “ป้าจางคะ แม่ไม่ได้ลงมาข้างล่างเลยเหรอวันนี้?”
แต่ป้าจางยิ้มแล้วตอบ “คุณผู้หญิงลงมาข้างล่างแล้วค่ะ และเธอก็คิดได้แล้ว เธอตัดสินใจว่าจะเก็บเด็กคนนี้ไว้”
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่ชิวก็รู้สึกโล่งใจในที่สุด “ก็ดีแล้วค่ะ” เธอพูดพลางเดินขึ้นชั้นบน ในมุมที่ป้าจางมองไม่เห็น รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่ชิวค่อย ๆ จางลง คำถามของซ่งซีที่โต๊ะอาหารดังขึ้นในหัวของมู่ชิวอีกครั้ง
[เธอไม่เกลียดพวกเขาเลยเหรอ? เธอไม่เคยคิดเลยเหรอว่าพวกเขาอาจจะลืมเธอเพราะมีลูกใหม่?]
ใบหน้าของมู่ชิวพลันซีดเผือด
เธอไม่เกลียดพวกเขาจริง ๆ เหรอ?
มู่ชิวกัดฟันแน่น เธอแทบไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะเกลียดพ่อแม่ และอิจฉาเด็กที่ยังไม่เกิดคนนั้น...