ตอนที่แล้ว14 - เด็กหญิงตัวน้อยผู้เอาแต่ใจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป16 - เปลี่ยนใจ

15 - ดอกไม้ที่ไร้ประโยชน์


ไม่ได้เห็นสีหน้าของหลี่ต้าไฉ่ตอนกลับมากินเกี๊ยวซุปหมูหอม เมื่อพวกจูผิงอันกินข้าวเสร็จ ก็พากันออกไปตั้งแผงขายของแล้ว

พอออกจากบ้านมาตั้งแผง พระอาทิตย์ก็ลอยขึ้นสูงถึงกลางฟ้าแล้ว ในตลาดเริ่มมีผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ เสียงตะโกนขายของ เสียงเรียกลูกหลาน และเสียงหัวเราะเฮฮาดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความสงบสุขยาวนานทำให้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง แม้ที่นี่จะเป็นแค่เมืองเล็ก ๆ แต่ก็คึกคักขนาดนี้ จูผิงอันเลยอดใฝ่ฝันถึงความรุ่งเรืองของตัวเมืองหรือแม้กระทั่งเมืองหลวงไม่ได้

พ่อของเขาปลดเกวียนลง แล้วจูงวัวไปผูกไว้ข้าง ๆ พร้อมกับวางหญ้าแห้งที่เตรียมมาให้วัวได้เคี้ยวอย่างสบายใจ

จูผิงอันช่วยพี่ชายจูผิงชวนแยกของที่นำมา เช่น ตะกร้าสานและของป่าหายาก ก่อนจะตั้งแผงอย่างง่าย ๆ เสร็จในไม่ช้า หลังจากแผงเสร็จแล้ว จูผิงอันก็หันไปสนใจกระจาดดอกจินอินฮวาของตัวเอง เลยบอกพ่อว่าจะไปขายดอกไม้

พ่อมองดูจูผิงอันที่แก้มอวบแดงเรื่อเพราะตื่นเต้น แต่ก็พูดคำที่อาจบั่นทอนจิตใจลูกไม่ออก ในใจคิดว่า ลูกคนนี้ช่างซื่อเสียจริง คิดว่าดอกไม้ป่าเอามาขายแล้วจะได้เงินหรือ เอาเถอะ ให้เขาลองไปเจอความจริงเอง ครั้งหน้าจะได้ไม่คิดอะไรเพ้อเจ้ออีก เด็กผู้ชายต้องหัดล้มลุกให้บ่อย ๆ จะได้เข้มแข็ง

“ผิงชวน พาน้องไปเดินเล่นหน่อย ถ้าขายไม่ได้ก็พาน้องกลับมา” จูโซ่วอี้ตัดสินใจแล้ว จึงพยักหน้าอนุญาต พร้อมให้จูผิงชวนคอยดูแลจูผิงอัน

จูผิงอันรู้ได้ทันทีว่าพ่อไม่เชื่อเขา และยังนึกถึงคำพูดล้อเลียนของแม่ในตอนเช้า เลยคิดในใจว่าถ้าขายได้เงินเมื่อไร จะต้องดูสีหน้าพวกเขาให้สะใจเลย

เมื่อได้รับคำสั่งจากพ่อ จูผิงชวนก็สะพายกระจาดดอกจินอินฮวาไว้ที่หลัง แล้วจูงมือจูผิงอันเดินเข้าสู่ตลาด

หลังจากที่จูผิงอันจากไปได้ไม่นาน คุณหนูตัวน้อยจอมเจ้าเล่ห์กับหลี่ต้าไฉ่ร่างอ้วนก็เดินออกมาจากร้านอาหารข้าง ๆ หลี่ต้าไฉ่เหงื่อโทรมกาย ปลายจมูกแดงชัดเจน แสดงให้เห็นว่าเกี๊ยวใส่เครื่องปรุงพิเศษของคุณหนูตัวน้อยเล่นงานเขาไปไม่น้อย

“ใช่แล้วล่ะ อาหารเหลือมันเปลือง พ่อกินจนหมดถึงจะถูกต้อง” คุณหนูตัวน้อยเดินก้าวเล็ก ๆ พลางพึมพำ

หลี่ต้าไฉ่ยิ้มแหย ๆ พยักหน้าหงึก ๆ แต่กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกตลอด

ตอนเดินผ่านแผงของพ่อจูผิงอัน คุณหนูตัวน้อยก็จ้องด้วยดวงตาเป็นประกาย หยุดมองดูอยู่ครู่หนึ่ง แต่พอไม่เจอ "เจ้าตัวแสบ" ที่ตัวเองกำลังหาอยู่ก็แสดงความผิดหวังออกมา ยังกล้าดีมาว่าฉันเป็น “ยายหน้าขี้เหร่” เชียวเหรอ คราวนี้ต้องเอาคืนให้ได้!

หลี่ไฉ่จู่ไม่รู้เลยว่าลูกสาวจอมเจ้าเล่ห์ของเขาคิดอะไรอยู่ เห็นลูกสาวยืนอยู่หน้าแผงของพ่อจูเลยคิดว่าเธอคงชอบของสานพวกนั้น

“ซูเอ๋อร์ บอกพ่อมาเถอะ ชอบอะไร พ่อจะซื้อให้” หลี่ต้าไฉ่ที่มั่งคั่งและรักลูกสาวมาก ไม่เคยลังเลที่จะใช้เงิน โดยเฉพาะของสานพวกนี้ที่ราคาไม่กี่เหรียญ

คุณหนูตัวน้อยอารมณ์ไม่ค่อยดีเลยชี้ของสองสามชิ้นแบบส่ง ๆ

“ได้ ๆ ซื้อ ๆ” หลี่ต้าไฉ่ลูบพุงพลางเอาใจลูกสาว พร้อมถามพ่อจูผิงอันว่า “เท่าไร?”

พ่อจูผิงอันมองของที่คุณหนูตัวน้อยเลือกแล้วเห็นว่าเป็นของเล่นเล็ก ๆ ที่จูผิงอันเคยขอให้เขาสานเล่นเมื่อสองวันก่อน คือ ตะกร้าดอกไม้เล็ก ๆ กับชุดกาน้ำชาและถ้วยสองใบที่ทำจากไม้ไผ่ เดิมทีไม่ได้หวังว่าจะขายได้เงิน แต่ในเมื่อเอามาแล้วก็ลองขายดู

“ของเล่นเล็ก ๆ พวกนี้ไม่แพงหรอกขอรับ ตะกร้าดอกไม้กับชุดน้ำชา รวมเป็นสองชุด สิบเหรียญ...” จูโซ่วอี้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนพูดอย่างเก้ ๆ กัง ๆ

หลี่ต้าไฉ่ไม่คิดมาก หยิบเงินยี่สิบเหรียญจากถุงเงินในแขนเสื้อส่งให้จูโซ่วอี้ แล้วหยิบชุดน้ำชาใส่ในตะกร้าดอกไม้ ยื่นให้ลูกสาวอย่างภาคภูมิใจ ก่อนจะเดินออกไปพร้อมคุณหนูตัวน้อย

จูโซ่วอี้หน้าแดงก่ำ พูดอะไรไม่ออกอยู่หลายครั้ง แต่ก็ได้แต่ยืนมอง เพราะหลี่ต้าไฉ่เดินไปไกลแล้วและไม่ได้ยินอะไร

จูโซ่วอี้มองตามแผ่นหลังของหลี่ต้าไฉ่ที่เดินจากไปด้วยความรู้สึกปวดใจเล็กน้อย ในใจคิดว่า “ข้าบอกว่าสองชุดรวมกันแค่สิบเหรียญเองนะ และที่พูดไปก็แค่เริ่มต้นเผื่อให้เขาต่อรองราคาด้วย เพราะไผ่ที่ใช้ก็แค่ไปตัดมาจากป่า ไม่ต้องเสียเงินสักเหรียญ ใช้เวลาแค่นิดหน่อยด้วยซ้ำ แล้วเวลาที่ใช้ทำสองชุดนี้ ยังใช้เวลาน้อยกว่าการสานตะกร้าไผ่เสียอีก”

แต่จูโซ่วอี้ที่แม้จะดูซื่อ ๆ ก็ไม่ได้หัวเก่าเกินไป เขาคิดว่าในเมื่อหลี่ต้าไฉ่ไม่ขาดแคลนเงิน ก็ถือว่าได้ทำบุญตอบแทนความกรุณาของอีกฝ่ายไปแล้ว

บนถนนที่มีผู้คนเดินขวักไขว่ จูผิงชวนพาจูผิงอันเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อย ๆ

แน่นอนว่าคนที่ไม่มีจุดหมายคือจูผิงชวน แต่จูผิงอันนั้นมีเป้าหมายชัดเจน ดวงตาเล็ก ๆ เป็นประกายมองไปรอบถนนที่เต็มไปด้วยร้านค้า

ร้านน้ำชา...ไม่ใช่

ร้านเหล้า...ก็ไม่ใช่

ร้านขายเครื่องสำอางและไหมปัก...ยิ่งไม่ใช่ใหญ่

กลิ่นหอมจากผ้าไหมและเสียงหัวเราะจากสาวงามในซ่อง...เอ่อ นั่นคือสถานเริงรมย์ ยิ่งไม่ใช่เลย

แม้เมืองจะเล็ก แต่สิ่งอำนวยความสะดวกก็ครบครัน มีร้านค้ามากมายหลากหลายประเภท แต่สิ่งที่จูผิงอันมองหาคือร้านขายยา ไม่ใช่ร้านพวกนี้

“เจ้าหมูน้อย เราจะไปไหนกัน? พี่ว่าที่ท่านแม่พูดน่ะถูกแล้ว ไม่มีใครซื้อดอกไม้ป่าหรอก ยิ่งแห้ง ๆ แบบนี้ยิ่งไม่มีใครสนใจ” จูผิงชวนพยายามเกลี้ยกล่อมให้น้องชายกลับบ้าน

“ข้าพอได้ยินมาว่าร้านยาเขารับซื้อต้นไม้หรือเปลือกไม้อยู่บ้าง บางทีเขาอาจจะรับดอกไม้นี้ด้วยก็ได้นะ” จูผิงอันใช้มืออวบ ๆ ดึงชายเสื้อของพี่ชายแล้วเสนอว่า “เราไปที่ร้านยากันเถอะ”

“เขารับแค่พวกสมุนไพรเท่านั้นแหละ” จูผิงชวนแก้คำพูดของน้องชาย

“ใครจะไปรู้ ดอกไม้ป่านี่อาจเป็นสมุนไพรเหมือนกันก็ได้...” จูผิงอันกระพริบตาปริบ ๆ ในใจคิดว่า ถ้าไม่ใช่สมุนไพร ข้าจะเก็บมาทำไมล่ะ

“ดอกไม้ป่าจะเป็นสมุนไพรได้ยังไง?” จูผิงชวนหยิบดอกจินอินฮวาขึ้นมาดมแล้วส่ายหัวพูดอย่างมั่นใจว่า “ไม่ใช่แน่นอน”

แม้จะพูดแบบนั้น แต่จูผิงชวนก็ยังพาจูผิงอันไปที่ร้านขายยาที่ใกล้ที่สุด ซึ่งเขาเคยมากับพ่อหนึ่งหรือสองครั้ง เลยพอจำทางได้

ในบรรดาร้านค้ามากมาย จูผิงชวนสามารถบอกร้านขายยาได้ทันทีเพราะมันโดดเด่นมาก หน้าอาคารมีทั้งป้ายตั้งและป้ายห้อยหลากหลายประเภท เขียนคำว่า “มิอัศจรรย์เยียวยา” บ้าง “ฟื้นฟูคืนชีวิต” บ้าง

บริเวณนี้เป็นย่านที่มีคนพลุกพล่าน ร้านขายยาแห่งนี้มีลักษณะเป็นอาคารสองตอน หันหน้าไปทางทิศใต้ เพราะยาสมุนไพรส่วนใหญ่เป็นพืชสมุนไพร คนโบราณมักจัดร้านยาให้อยู่ในกลุ่มอาชีพที่เกี่ยวกับธาตุไม้หรือธาตุไฟ ดังนั้นร้านขายยามักจะหันหน้าไปทางทิศใต้ ซึ่งเป็นธาตุไฟ หรือทิศตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นธาตุไม้ ตามหลักฮวงจุ้ย เลข 2 และ 7 เป็นเลขธาตุไฟ ร้านขายยาโบราณจึงนิยมมีสองตอนหรือสองชั้น และมักเป็นรูปแบบ “หน้าร้าน-หลังโรง”

ชื่อร้านยาคือ “จี้หมินถัง” (หอช่วยเหลือประชา) บนเสาประตูสองข้างมีคู่คำกลอนแกะสลักไม้ เขียนว่า “แต่หวังคนสุขกาย” และ “ใยหวังตัวข้ารวย” คำกลอนนี้แสดงถึงจิตใจของผู้ช่วยเหลือคนจริง ๆ

ภายในร้านขายยา มีหญิงสาวแต่งกายหรูอุ้มลูกอยู่ตรงหน้าหมอจีนกำลังปรึกษาอาการ ข้าง ๆ มีสาวใช้ยืนคอยรับใช้ ด้านหลังเป็นตู้ยาที่แกะสลักจากไม้แดงฝีมือประณีตเรียงรายอยู่ มีเด็กฝึกงานสองคนกำลังจัดยา ภายในดูสะอาดและมีระเบียบ

ขณะที่จูผิงอันเดินเข้าไปพอดี ได้ยินหมอจีนวินิจฉัยอาการพร้อมเขียนใบสั่งยาไปพลางบอกคำแนะนำว่า “ช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง ความร้อนชื้นในร่างกายรบกวนคุณหนู โปรดอย่ากังวลไป ท่านหญิง ดอกจินอินฮวา 3 เฟิน ดอกเยวี่ยจวี๋ ดอกผู่กงอิง ดอกจื้อฮวาและเมล็ดจื้อเป้ยเทียนคุยจื่ออย่างละ 1 เฟิน 2 หลี น้ำสองถ้วย เคี่ยวให้เหลือหนึ่งถ้วย เติมเหล้าที่ไม่มีขี้เถ้าครึ่งถ้วย เคี่ยวให้เดือดอีกสองถึงสามครั้งแล้วดื่มตอนร้อน ทำเช่นนี้อีกครั้ง แล้วห่มผ้าให้อบเหงื่อออก ภายในสามวันก็จะหายแน่นอน”

หญิงสาวผู้สูงศักดิ์กล่าวขอบคุณไม่หยุด ขณะที่สาวใช้รีบจดจำคำแนะนำอย่างจริงจังเพื่อนำไปต้มยาให้คุณหนูตามที่บอก

2.5 2 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด