ตอนที่37 ความเห็นของเมิ่งเจ้าซานและจ้าวปิง
ห้องประชุมมหาวิทยาลัยหยานจิง
ซุนหมิงหย่งส่งข้อมูลในมือของเขาให้กับจ้าวปิงที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ
“ผู้อำนวยการจ้าว นี่คือผลการวิเคราะห์ของพวกเราจากการต่อสู้ระหว่างเย่ซิวหยูและหมาสองหัว!”
จ้าวปิงรับเอกสาร อ่านมันอย่างรวดเร็ว และพูดกับซุนหมิงหย่ง
“อาจารย์ซุน อธิบายรายละเอียดให้ทุกคนฟัง!”
“ครับ!”
ซุนหมิงหย่งพยักหน้าและเดินไปที่หน้าจอขนาดใหญ่
เขาเปิดวิดีโอการต่อสู้ของเย่ซิวหยูและแนะนำให้ทุกคน
“วิดีโอแสดงฉากการต่อสู้ระหว่างเย่ซิวหยูและหมาสองหัว โปรดดูตรงนี้!”
ซุนหมิงหย่งชี้ไปที่วังวนสีดำในวิดีโอและพูดว่า
“ลำแสงเพลิงของหมาสองหัวหายไปหลังจากที่ชนเข้ากับวังวนนี้!”
“เห็นได้ชัดว่านี่น่าจะเป็นความสามารถกลืนกินของพลังมิติ”
“ลองดูวิธีการจัดการกับซากศพของสัตว์ร้ายของเย่ซิวหยู”
“ซากศพของสัตว์ร้ายทั้งหมดหายไป เห็นได้ชัดว่าเขามีมิติส่วนตัว และขนาดของมันน่าจะไม่น้อยกว่า 50 ลูกบาศก์เมตร!”
“เมื่อรวมกับข้อมูลที่พวกเราได้มาจากโรงเรียนมัธยมเฉิงเทิง ข้อสรุปของฉันก็คือ…”
ซุนหมิงหย่งมองไปรอบๆ และพูดทีละคำ
“พรสวรรค์มิติของเย่ซิวหยูได้ตื่นขึ้นเป็นครั้งที่สอง!”
ทันทีที่เขาพูดจบ อาจารย์ทุกคนในห้องประชุมก็เริ่มพูดคุยกันเบาๆ
เมิ่งเจ้าซานพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวขึ้น
“ฉันเห็นด้วยกับการคาดเดาของอาจารย์ซุน พลังมิติของเย่ซิวหยูน่าจะตื่นขึ้นเป็นครั้งที่สอง!”
“และ…ระดับพลังที่ตื่นขึ้นครั้งที่สองของเขาน่าจะอยู่ในระดับ S หรือแม้แต่ระดับ SS!”
“เนื่องจากพลังมิติและการตื่นขึ้นครั้งที่สองนั้นหายาก ฉันขอเสนอให้เพิ่มการข้อเสนอต่อเย่ซิวหยูในการลงทะเบียนเรียน!”
“ถ้าเขาตื่นพลังรู้พรสวรรค์ S เขาจะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับ SS”
“ถ้าเขาตื่นพรสวรรค์ SS เขาจะได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกับผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับ SSS”
หากการคาดเดาของซุนหมิงหย่งกระตุ้นความสนใจของอาจารย์ที่อยู่ในห้อง
ข้อเสนอของเมิ่งเจ้าซานทำให้ทุกคนที่นี่ต้องตกตะลึง
เนื่องจากความของของพรสวรรค์มิติ พรสวรรค์ระดับ SS
มีพลังเทียบเท่ากับพรสวรรค์ธรรมดาระดับ SSS!
เมื่อรวมกับความสามารถที่ได้รับจากการตื่นขึ้นครั้งที่สองของพลัง
เมื่อเย่ซิวหยูเติบโตขึ้น พลังต่อสู้ของเขาจะต้องสูงกว่าผู้ใช้พลังระดับ SSS ทั่วไปอย่างแน่นอน
ทุกคนที่นี่รู้ว่าสิ่งนี้หมายความว่ายังไง!
ข้อเสนอของเมิ่งเจ้าซานนั้นสมเหตุสมผล
“แฮ่ม!”
จ้าวปิงกระแอมสองสามครั้ง
หลังจากที่เขาเห็นว่าทุกคนจ้องมองมาที่เขา
เขาก็ค่อยๆ พูด
“ผมมีความคิดเห็นส่วนตัวเกี่ยวกับการยื่นข้อเสนอในการดึงตัวเย่ซิวหยู!”
“ประการแรก ข้อดีของมิติคือการจัดเก็บ ในขณะที่ความสามารถกลืนกินเน้นไปที่การป้องกัน!”
“ถึงแม้ว่าพลังของเย่ซิวหยูจะได้รับการอัพเกรดเป็นระดับ SS เนื่องจากการตื่นขึ้นครั้งที่สอง”
“พลังต่อสู้ในอนาคตของเขาก็ยังห่างไกลจากพลังโจมตีระดับ SSS ทั่วไป!”
“เพราะเย่ซิวหยูไม่มีทักษะการโจมตี”
“ใช่!” ทุกคนพยักหน้า “ผู้อำนวยการจ้าวพูดถูก!”
เมื่อเห็นว่าทุกคนเห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของเขา จ้าวปิงก็เหลือบมองเมิ่งเจ้าซาน มีความภาคภูมิใจปรากฏในดวงตาของเขา
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็พูดต่อ
“อย่างที่สอง ฉันไม่รู้ว่าทุกคนสังเกตเห็นหรือเปล่า”
“วิธีการต่อสู้หลักของเย่ซิวหยูคือการต่อสู้ระยะประชิด!”
“ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าทำไมร่างกายของเขาถึงแข็งแกร่งขนาดนั้น แต่การต่อสู้ระหว่างผู้ใช้พลังระดับสูงนั้นต้องใช้พลังและทักษะการต่อสู้!”
“ไม่ว่าร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็เป็นได้แค่เป้าหมายเมื่อเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายที่มีการโจมตีระยะไกล!”
“ผู้อำนวยการจ้าว!” เมิ่งเจ้าซานขัดจังหวะคำพูดของจ้าวปิง
“ถ้าฉันจำไม่ผิด การโจมตีที่เย่ซิวหยูใช้ฆ่าหมาสองหัวน่าจะเป็นมวยปาจี้!”
“การที่เขาฝึกฝนมวยปาจี้ได้ถึงขั้นนี้ แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ของเย่ซิวหยูในการฝึกฝนทักษะการต่อสู้”
“วิธีการโจมตีระยะไกลสามารถชดเชยได้ด้วยทักษะการต่อสู้!”
“ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีความสามารถในการกลืนกิน เมื่อเขาเติบโตขึ้น เขาก็สามารถเพิกเฉยต่อการโจมตีระยะไกลได้!”
“นี่ไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเราสนใจเขาหรอ?”
จ้าวปิงส่ายหัว “รองผู้อำนวยการเมิ่ง เธอรับประกันได้มั้ยว่าความแข็งแกร่งทางร่างกายของเย่ซิวหยูจะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ?”
“นี่…” เมิ่งเจ้าซานลังเล
“ไม่ได้ใช่มั้ย?”
“ฉันยอมรับว่าเย่ซิวหยูมีศักยภาพที่แข็งแกร่ง แต่มันไม่มั่นคง!”
“ดังนั้น ฉันคิดว่าไม่ควรให้สิทธิพิเศษกับเขาในการลงทะเบียนเรียน!”
“ส่วนผลลัพธ์สุดท้าย พวกเราต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกคน!”
จ้าวปิงพูดจบ มองไปรอบๆ และถามอย่างจริงจัง
“หากทุกคนเห็นด้วยกับความคิดเห็นของฉัน โปรดยกมือขึ้น!”
ทันใดนั้น มากกว่าสองในสามของผู้คนในห้องประชุมก็ยกมือขึ้น
จ้าวปิงหัวเราะเบาๆ เขามองไปที่เมิ่งเจ้าซานอย่างภาคภูมิใจและพูดว่า
“ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีความคิดเห็นที่ตรงกัน!”
“งั้นก็เอาแบบนี้ พวกเราจะไม่ให้สิทธิพิเศษกับเย่ซิวหยูในการลงทะเบียนเรียน!”
ดวงตาของเมิ่งเจ้าซานหรี่ลง เขาก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากการประชุม ซุนหมิงหย่งเห็นว่าทุกคนออกไปหมดแล้ว เขาจึงเดินไปหาเมิ่งเจ้าซาน
“ผู้อำนวยการเมิ่ง ขอบคุณที่สนับสนุนผมในการประชุมสองครั้งนี้!”
เมิ่งเจ้าซานโบกมือและพูดว่า “อาจารย์ซุน พวกเราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน เธอสุภาพเกินไป!”
เมื่อเห็นสีหน้าลังเลของซุนหมิงหย่ง
เมิ่งเจ้าซานก็ยิ้มและพูดต่อ
“อาจารย์ซุน ถ้ามีอะไรก็พูดออกมาตรงๆเถอะ!”
ซุนหมิงหย่งมองไปรอบๆ และเห็นว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้น เขาจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ และพูดว่า
“ผู้อำนวยการเมิ่ง มีบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ!”
“มีอะไร? บอกฉันมา!”
“ผู้อำนวยการจ้าว…ทำไมเขาถึงต้องเล็งเป้าหมายไปที่เย่ซิวหยู?”
มันเป็นแค่การรับสมัครนักเรียน มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับมหาวิทยาลัยหยานจิง!
ในฐานะอาจารย์ประจำแผนกรับสมัคร ซุนหมิงหย่งไม่เข้าใจว่าทำไมจ้าวปิงถึงยืนกรานที่จะด้อยค่าเย่ซิวหยู?
ดวงตาของเมิ่งเจ้าซานเปลี่ยนไป เขามองไปที่ซุนหมิงหย่งและพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อาจารย์ซุน ระวังคำพูดด้วย!”
“เอ่อ!”
“ฉันจะแกล้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินเรื่องนี้ เก็บมันไว้ในใจ!”
เมื่อเห็นท่าทางของเมิ่งเจ้าซาน ซุนหมิงหย่งก็รู้ว่าเรื่องนี้มันร้ายแรง
เขาพูดอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณที่เตือนสติ ผมผิดเอง!”
เมิ่งเจ้าซานโบกมือ ลุกขึ้นยืนและเดินไปที่ประตูห้องประชุม
ขณะที่เขากำลังจะออกไป
เมิ่งเจ้าซานก็หันกลับมาพูดกับซุนหมิงหย่ง
“อาจารย์ซุน เธอควรจะให้ความสนใจกับรายชื่อการจัดอันดับคะแนนสอบประลองยุทธ!”
พูดจบ ก่อนที่ซุนหมิงหย่งจะพูดอะไร
เมิ่งเจ้าซานก็หันหลังกลับและจากไป!
“รายชื่อการจัดอันดับคะแนน?”
ซุนหมิงหย่งทำหน้างง เขาเปิดรายชื่อการจัดอันดับคะแนนสอบประลองยุทธ
หลังจากที่จ้องมองรายชื่ออยู่นาน เขาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้
“จ้าวปิงเล็งเป้าหมายไปที่เย่ซิวหยู เพราะจ้าวซิงหานงั้นหรอ?”