ตอนที่ 44 ร่ำรวยกะทันหัน (ฟรี)
ตอนที่ 44 ร่ำรวยกะทันหัน
“หากพวกพี่อยากรู้อะไรก็ถามฉันมาได้เลย แต่ฉันจะไม่ตอบให้ฟรี พวกพี่ต้องเอาแก่นพลังมาเป็นข้อแลกเปลี่ยน”
"จะเป็นแก่นพลังสายใดๆ ก็ได้ สำหรับข้อมูลที่ฉันจะบอก จะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับจำนวนแก่นพลังที่นำมาแลกเปลี่ยน”
เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ยินสิ่งนี้ เธอก็ถามทันทีว่า “นี่ดูเหมือนจะไม่ค่อยยุติธรรมเท่าไหร่เลยนะ”
"ยุติธรรม?"
สวี่จื้อหัวเราะเบาๆ เมื่อได้ยิน “ฉันสัญญาว่าจะให้ข้อมูลที่เพียงพอ จะตอบทุกคำถามโดยไม่มีการโกหกใดๆ นี่คือความซื่อสัตย์ของฉันในการทำข้อตกลงครั้งนี้”
“แต่คำตอบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของฉัน เพราะฉะนั้น ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมอยู่ หากพวกพี่ไม่สนใจ ครั้งหน้าฉันก็แค่ต้องไปหาคนอื่นที่สนใจก็เท่านั้น”
เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อช่วยกู้โลกหรือแสวงหาความยุติธรรม สิ่งเดียวที่เธอต้องการคือ ผลประโยชน์ที่จับต้องได้เท่านั้น
“งั้นก็ได้ แก่นพลังกำลังจะมาถึง เราจะไปถึงจุดหมายในอีก 6 นาที”
ว้าว ช่างเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดจริงๆ
ภายในเวลาไม่ถึงหกนาที พวกเขาก็มาถึงลานจอดรถใต้ดินแห่งหนึ่ง ขณะเดียวกันก็มีรถคันอื่นเข้ามาอยู่ข้างๆ จากนั้น ผู้หญิงที่เป็นหัวหน้าทีมก็มองมาที่สวี่จื้อแล้วถามว่า
“ด้วยแก่นพลัง 100 ก้อน เราสามารถถามได้กี่ข้อ”
เมื่อได้ยิน สวี่จื้อก็หัวเราะเบาๆ และยกนิ้วขึ้นด้วยมือขวา “หนึ่ง”
รัฐบาลกลางใหญ่โตแค่ไหน ใครก็รู้ดี แค่แก่นพลัง 100 ก้อน ในสายตาของพวกเขาไม่ต่างจากเศษฝุ่นด้วยซ้ำ
แม้ว่าสวี่จื้อจะไม่เคยครอบครองแก่นพลังถึง 100 ก้อน แต่ก็ไม่ได้หยุดเธอจากเรียกเก็บค่าธรรมเนียมราคาสูง ตั้งแต่เริ่มแรก
เพราะเธอรู้ว่าอีกฝ่ายจงใจทดสอบ สวี่จื้อจึงกล่าวเสริมว่า “คำถามแรกถือว่าฉันลดให้ ฉันจึงเรียกเก็บเท่านี้เท่านั้น และคำถามต่อไปจะไม่ถูกเช่นนี้อีก หากไม่เต็มใจก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกันต่อ”
“เอาล่ะ คำถามแรก พี่อยากจะถามอะไรละ”
ในรถเกิดความเงียบครู่หนึ่ง จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ทำตามคำสั่งของใครบางคน และถามว่า
“นอกจากเธอแล้ว ยังมีคนอื่นที่ออกจากเมืองหยุนได้อีกมั้ย”
น่ากลัวจริงๆ!
สวี่จื้อตะโกนในใจ เป็นคำถามที่ดีมากจริงๆ!
การตอบคำถามนี้เทียบเท่ากับการตอบคำถามอื่นที่ซ่อนอยู่ไปพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะตอบว่ามีหรือไม่ก็ตาม เป้าหมายของอีกฝ่ายก็บรรลุผล แม้ว่าเธอจะนิ่งเงียบ และปฏิเสธที่จะตอบ อีกฝ่ายก็จะได้คำตอบที่ต้องการอยู่ดี
แต่มันไม่สำคัญสำหรับสวี่จื้อเลย
ดูเหมือนว่าทางแผนกสืบสวนพิเศษจะเดาจากรูปลักษณ์ของร่างวิญญาณ แล้วรู้ว่าเธอเป็นใครแล้ว
แต่ตัวเธอเองไม่มีเจตนาที่จะปิดบังเรื่องนี้อยู่แล้ว
“เอาแก่นพลังมาให้ฉันก่อน” สวี่จื้อยื่นมือออกมา และผู้หญิงคนนั้นก็ยื่นถุงดำใบเล็กๆ มาให้
หลังจากได้รับถุงดำแล้ว สวี่จื้อก็ใส่เก็บมันลงไปในกระเป๋าเสื้อคลุม จากนั้นก็ย้ายมันเข้าไปในคลังเก็บของในเกม
เมื่อเห็นว่าในคลังเก็บของ มีแก่นพลังเพิ่มขึ้นถึง 100 ก้อน หัวใจของสวี่จื้อก็เต้นแรง
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตรงไปตรงมาขนาดนี้ สวี่จื้อก็ตอบตามตรงเช่นกัน “ไม่”
หลังจากที่เธอพูดจบ ผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้า แม้ภายนอกจะดูสงบ แต่จริงๆ แล้วเธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอคิดว่าการหลอกถามที่ชัดเจนแบบนี้จะถูกปฏิเสธเสียอีก นึกไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบจริงๆ
เด็กสาวคนนี้ คิดอะไรอยู่กันแน่?
“คำถามต่อไป พวกพี่คิดจะจ่ายมากแค่ไหน?” สวี่จื้อกล่าวตรงๆ
อย่างไรก็ตาม คำตอบนั้นอาจไม่ถูกต้องสักทีเดียว เธอแค่ไม่ได้พูดว่า ‘เท่าที่ฉันรู้’ ออกไป เพราะอีกฝ่ายจ่ายมาน้อยเกินไป
ยิ่งไปกว่านั้น คนอื่นๆ ไม่มีเครื่องเกมเป็นตัวช่วยเหมือนเธอ หากพวกเขาต้องการออกจากเมืองหยุนด้วยความสามารถของตัวเอง ในอนาคตก็อาจเป็นไปได้ แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้อย่างแน่นอน
“เราจะบอกคำถามก่อน แล้วเธอค่อยบอกว่าจะเรียกเก็บเท่าไหร่ ทำแบบนี้น่าจะดีกว่า” จู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้น
ช่างเจ้าเล่ห์จริงๆ
“ตกลง” สวี่จื้อพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ให้เธอเป็นคนกำหนดราคาก็ดีเหมือนกัน
“อยากจะถามอะไรล่ะ?”
“มีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่ในเมืองหยุนอีกมาเท่าไหร่?” ผู้หญิงคนนั้นถามช้าๆ
เมื่อมองแวบแรก คำถามนี้ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับสาธารณชน แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นสักทีเดียว
สวี่จื้อรู้สึกว่าแผนกสืบสวนพิเศษต้องสังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างแล้ว สิ่งนี้อาจเกี่ยวข้องกับการยืนกรานที่จะเข้าไปในเมือง พวกเขากำลังทดสอบ และยืนยันบางสิ่งผ่านคำถามข้อนี้
“หนึ่งพันก้อน” เธอเสนอราคาสูงลิ่วอย่างเด็ดขาด
ดวงตาของผู้หญิงคนนั้นกระตุก เธอคาดไม่ถึงมาก่อนเลยว่าสวี่จื้อจะขึ้นราคาถึงสิบเท่า!
“คำถามข้อนี้ไม่น่าจะราคาแพงถึงขนาดนั้น!” เธอตอบกลับตามคำแนะนำจากคนที่อยู่เบื้องหลัง
เมื่อสวี่จื้อได้ยินสิ่งนี้ เธอก็มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเฉยเมย “จริงเหรอ? แต่ฉันคิดว่าคำตอบของคำถามนี้มีค่ามากกว่านั้นนะ”
“แต่ทางเรามีแนวคิดเกี่ยวกับคำตอบนั้นอยู่แล้ว เราแค่ต้องการคำยืนยันเท่านั้น มูลค่าของมันจึงไม่น่าจะถึงอย่างแน่นอน หากเธอยังยืนกรานตามนั้น เราก็จะยอมแพ้”
สำหรับพวกเขา แก่นพลังหนึ่งพันก้อนนั้นแพงเกินไป
สวี่จื้อรู้สึกพูดไม่ออกเล็กน้อย แต่เมื่อเธอลองคิดดู พวกเขาก็ดูเหมือนจะต้องการแก่นพลังเช่นกัน แม้ว่าเมื่อคำนวณจากความมั่งคั่งของทางการแล้ว แก่นพลังจำนวนนี้จะไม่มาก แต่ก็ใช่ว่าจะใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่ายได้ ไม่งั้นเมื่อเขียนรายงานขึ้นไป คงจะถูกด่าอย่างแน่นอน
“ก็ได้ งั้นฉันจะลดครึ่งนึงจบที่ 500 ก้อน ไม่มีทางต่ำไปกว่านั้น”
แม้ว่าเธอจะไม่มีต้นทุนอะไร แต่การลดราคา ก็ทำให้สวี่จื้อเจ็บปวดหัวใจจริงๆ
ผู้หญิงคนนั้นเงียบไปสักพัก และดูเหมือนว่าจะมีการโต้เถียงอย่างดุเดือด ว่าควรจะจ่ายราคานี้หรือไม่ ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขายังมีคำถามมากมายที่อยากถามอีกในอนาคต
แต่สุดท้าย เมื่อได้รับคำสั่ง เธอก็พยักหน้า “ตกลง”
เธอหยิบถุงดำออกมาห้าใบแล้วส่งให้สวี่จื้อ “ในนี้มีแก่นพลัง 500 ก้อนอยู่”
สวี่จื้อรับมันมา นำไปเก็บไว้ในคลังเก็บของ หลังยืนยันได้ว่าครบตามจำนวน เธอก็พูดว่า “ในเมืองมีผู้รอดชีวิตเหลืออยู่ไม่น้อยเลย”
เมื่อพิจารณาจากภาพที่เห็นจากการสอดส่องของเสี่ยวเจิน มีคนที่ยังอาศัยอยู่ในเมืองหยุนมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้ ในตอนแรก เธอคิดว่าภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน มันจะกลายเป็นเมืองรกร้างที่มีผู้คนประปราย แต่ความจริงหาได้เป็นแบบนั้นไม่
คนที่มีสติยังเหลือรอดอีกจำนวนมาก และกลายเป็นผู้ปลุกพลังด้วยซ้ำ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งที่พวกเขาอยากยืนยันก็คือ มีผู้ปลุกพลังจำนวนมากอยู่ในเมืองหยุนหรือเปล่า
เพราะหาเป็นคนธรรมดา ไม่มีทางที่พวกเขาจะสามารถอยู่รอดได้ในเมืองที่เต็มไปด้วยอันตรายแบบนั้นได้นานขนาดนี้
หลังจากได้ยินคำตอบของสวี่จื้อ ผู้หญิงคนนั้นก็พยักหน้าอย่างสงบ สวี่จื้อไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายรู้ความสำคัญของคำถามนี้จริงๆ หรือเปล่า แต่อีกไม่กี่นาทีเวลาก็จะหมดลงแล้ว และเธอก็จะ ‘ตาย’ ต่อหน้าอีกฝ่ายอีกครั้ง
“คำถามที่สาม” หลังจากเงียบไปประมาณครึ่งนาที ผู้หญิงคนนั้นก็พูดว่า “เราอยากรู้ว่าผู้หญิงชื่อจงหลิงฟานที่อาศัยอยู่ในชุมชนวิลล่าหนานซานเขียนรายงานการวิจัยล่าสุดเกี่ยวกับผู้ปลุกพลังเสร็จแล้วหรือยัง”
ทดสอบ ทดสอบ ทดสอบอีกครั้ง
เนื่องจากพวกเขาสามารถระบุได้แล้วว่าเธอคือ ‘สวี่จื้อ’ จากรูปลักษณ์ของร่างวิญญาณ พวกเขาจึงต้องรู้ว่าเธออาศัยอยู่ที่ไหน ดังนั้นที่พวกเขาพูดถึงชุมชนวิลล่าหนานซาน ก็เพื่อทดสอบว่าเธอจะสามารถเดินทางผ่านพื้นที่ต่างๆ ในเมืองได้หรือเปล่า
สำหรับสวี่จื้อ เธอไม่สามารถพูดเรื่องไร้สาระ และตอบคำถามนี้แบบเล่นๆ ได้
นั่นเพราะเธอไม่รู้ว่ามีคนที่ชื่อจงหลิงฟานอยู่จริงๆ หรือเปล่า และอีกฝ่ายตายไปแล้วหรือยัง? ส่วนรายงานการวิจัยนั้น ก็ยังไม่รู้ว่าจะอยู่จริงๆ มั้ย?
หากต้องการมั่นใจ เธอก็ต้องมองหามันเท่านั้น
พูดตรงๆ นี่เป็นการทดสอบความสามารถของเธอด้วย
แต่สิ่งที่สวี่จื้อกลัวน้อยที่สุดคือการทดสอบแบบนี้
เธอยิ้ม และพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ “ได้ แต่สำหรับคำถามนี้ ฉันจะเรียกเก็บหนึ่งพันก้อน ไม่รับการต่อรองใดๆ”
ผู้หญิงคนนั้นก็พยักหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว บางทีคนจากเบื้องบนอาจได้บอกเธอไว้ก่อนแล้ว
“อย่างไรก็ตาม วันนี้พอแค่นี้ก่อน ฉันรำคาญกับการทดสอบของพวกพี่เต็มทนแล้ว ดังนั้นจึงขอยุติก่อนกำหนด ไว้ครั้งหน้า เราค่อยหาเวลามาคุยกันใหม่”
หลังจากที่สวี่จื้อพูดจบ ผู้หญิงคนนั้นก็รีบถามว่า “แล้วครั้งต่อไปคือเมื่อไหร่? ทำไมเราไม่นัดแนะเวลากันก่อนละ?”
"ไม่รู้สิ ไว้เมื่อฉันอารมณ์ดีขึ้นแล้วกัน”
ทันทีที่คำพูดอันแผ่วเบาของสวี่จื้อจบลง ร่างกายของเธอก็ล้มลงอย่างอ่อนแรง จากนั้นก็สลายไป เหมือนขี้เถ้าที่ล่องลอยไปในอากาศ