ตอนที่ 29 ในเมื่อไม่มีอะไรทำ งั้นเรามาตั้งทีมกันก่อนดีกว่า!
ตอนที่ 29 ในเมื่อไม่มีอะไรทำ งั้นเรามาตั้งทีมกันก่อนดีกว่า!
การตอบรับความร่วมมือของโอบาไดอาห์เป็นสิ่งที่เอริคคาดเดาเอาไว้อยู่แล้ว เพราะโอบาไดอาห์เป็นนักธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มองไปไกลกว่าผลประโยชน์ระยะสั้น ดังนั้นเขาจึงเล็งเห็นศักยภาพอันยิ่งใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในโครงการแขนขาเทียมโลหะนี้
คนอเมริกันนั้นมีความรู้สึกไม่มั่นคงอยู่เสมอ แม้กระทั่งในกลุ่มทหารที่เสียสละเลือดเนื้อเพื่อชาติ พวกเขาหวาดกลัวว่าจะถูกทอดทิ้ง ทั้งจากกองทัพ รัฐบาล และสังคม ดังนั้นการสูญเสียความสามารถพื้นฐานในการเคลื่อนไหวไปมันจึงยิ่งทำให้พวกเขายิ่งรู้สึกอ่อนแอ
ดังนั้นถ้าหากมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำให้พวกเขากลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง พวกเขาย่อมยินดีไขว่คว้าไว้โดยไม่ลังเล ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยราคาสูงเพียงใด!
ซึ่งเรื่องนี้คล้ายกับที่คิลเลียนจากพายโอเนียร์เทคโนโลยีจับจุดได้ จนทหารพิการจำนวนมากยินยอมเข้าร่วมการทดลองไวรัสเอ็กซ์ตรีมิสโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
นี่คือผลิตภัณฑ์ที่กองทัพจะต้องซื้อ ไม่ว่าเขาจะตั้งราคาสูงถึงห้าล้านดอลลาร์ต่อชิ้น กองทัพก็ต้องกัดฟันซื้อ เพราะนี่ไม่ใช่แค่ธุรกิจ แต่มันเกี่ยวข้องกับขวัญกำลังใจของกองทัพทั้งหมด!
แน่นอนว่าเอริคไม่ได้ตั้งใจจะขายในราคาสูงขนาดนั้น และราคาจะต้องเหมาะสม เพราะจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของโครงการนี้คือการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับกองทัพ และเพิ่มอิทธิพลทางการเมืองให้กับสตาร์ค อินดัสตรีส์
สำหรับโทนี่ สตาร์ค เขาไม่ได้ใส่ใจว่าผลิตภัณฑ์นี้จะขายได้เท่าไร เพราะไม่ว่าเขาจะมีมูลค่า 80,000 ล้านดอลลาร์หรือ 100,000 ล้านดอลลาร์ มันก็เป็นแค่ตัวเลขที่ไม่ส่งผลอะไรต่อชีวิตเขา
สิ่งเดียวที่เขาสนใจคือแรงบันดาลใจที่ผลิตภัณฑ์นี้จะมอบให้เขา สำหรับสตาร์ค แขนขาเทียมโลหะนี้เป็นเพียง ‘ของเล่นชิ้นเล็ก ๆ’ ชิ้นหนึ่ง ถ้าหากเขามีเวลาว่างเขาก็สามารถพัฒนามันขึ้นมาเองได้ เพียงแค่ตอนนี้เขายังไม่สนใจมันก็เท่านั้น
. . .
เอริคเดินทางกลับมาที่บริษัท และเริ่มสอบปากคำนาตาชาใหม่อีกครั้ง ก่อนที่เขาจะลบความทรงจำบางส่วนของเธอ และปล่อยตัวเธอไป
พวกนายคิดจะให้ฉันทำอะไรอีก? ให้ฉันไปตัดความสัมพันธ์กับ ‘ไข่ต้มใส่วิก’ นั่นเหรอ? ไม่จำเป็น เพราะในอนาคต เขายังต้องการความช่วยเหลือจากชายคนนี้อีกหลายครั้ง
ตอนนี้ผ่านไปสามเดือนแล้วตั้งแต่การเปิดตัวอุปกรณ์ป้องกันรังสียูวี แต่ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ จากอเล็กซานเดอร์ ส่วนยอดขายอุปกรณ์ชิ้นนี้ก็ไม่ดีนัก ทำให้เอริครู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย
ดังนั้นเขาจึงแอบติดต่อการ์เร็ตต์ ผู้ที่อยู่ใต้การควบคุมของเขา และคำตอบที่ได้รับกลับทำให้เขาพูดไม่ออก
อเล็กซานเดอร์ค้นพบความสามารถที่แท้จริงของอุปกรณ์นี้ และสนใจในเทคโนโลยีนี้จริง แต่เขาก็ระมัดระวังตัวเองเกินไปเช่นกัน
ใช่! เขาระวังมากเกินไป และส่วนใหญ่มันก็เป็นเพราะสถานะ ‘คนของเรดสกัลล์’ ของเอริคที่ดูน่าหวาดกลัว เขาจึงสงสัยว่าอุปกรณ์ป้องกันรังสียูวีอาจจะเป็นกับดักที่เอริควางไว้เพื่อกำจัดอำนาจของเขา
ไฮดรามีหลายสาขา โดยสาขาของอเล็กซานเดอร์นั้นแฝงตัวอยู่ในชิลด์ ในขณะที่สาขาอื่น ๆ เช่น บารอน สตรัคเกอร์ บารอน ซีโม มาดามไวเปอร์ ไวท์ฮอลล์ และครอบครัวมาลิก ต่างทำงานแยกกันเหมือนกับสโลแกนของพวกเขา ‘ตัดหัวไปหนึ่ง จะงอกขึ้นมาอีกสอง’ ดังนั้นสาขาเหล่านี้จึงไม่มีความไว้วางใจกัน และพวกเขาจะร่วมมือกันเฉพาะเมื่อจำเป็นเท่านั้น
ดังนั้นการปรากฏตัวของ ‘คนของเรดสกัลล์’ คนใหม่ จึงทำให้อเล็กซานเดอร์ระแวงมาก และสงสัยว่าเอริคอาจจะถูกส่งมาโดยสาขาอื่นเพื่อแย่งชิงอำนาจ
ด้วยเหตุนี้ อเล็กซานเดอร์จึงเลือกที่จะเฝ้าระวังแทนที่จะลงมือ เขาเพียงแค่ส่งคนมาซื้ออุปกรณ์ป้องกันรังสียูวีไปวิจัยเป็นครั้งคราว โดยระวังไม่ซื้อจำนวนมากเกินไป ทำให้จนถึงตอนนี้ยอดสั่งซื้ออันน้อยนิดของเอริคแทบทั้งหมดจึงมาจากอเล็กซานเดอร์ทั้งสิ้น
ซึ่งการวิจัยตลอดทั้งสามเดือนนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วเช่นกันว่าความแตกต่างระหว่างเทคโนโลยีทั่วไปและเทคโนโลยีของวาคานด้านั้นมันร้ายแรงแค่ไหน และมันก็ค่อย ๆ ทำให้ควาอดทนของอเล็กซานเดอร์หมดลง
อย่างไรก็ตามเขาก็ต้องอดทน อดทน และอดทนมันต่อไป! ในเมื่อเขาสามารถอดทนมาได้นานหลายทศวรรษเพื่อโปรเจกต์อินไซต์ ดังนั้นการอดทนต่อไปมันจะเป็นอะไรไป?
ถ้าหากหนึ่งวันไม่สามารถค้นคว้าได้ก็ต้องใช้เวลาหนึ่งปี ถ้าหากหนึ่งปียังไม่สามารถค้นคว้าได้ก็ต้องใช้เวลาสิบปี!
เพราะถึงอย่างไรแล้วโปรเจกต์อินไซต์ของเขาก็ต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยสิบปีในการเริ่มต้น ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องรีบร้อนอะไรเลย . . .
อย่างไรก็ตามถึงแม้ว่าอเล็กซานเดอร์จะไม่รีบร้อน แต่สำหรับเอริคในตอนนี้เขาเหมือนคนที่ไฟกำลังรนก้น!
เขาอุส่ายอมเสียหน้าตาของตัวเองเพื่อล่ออีกฝ่ายออกมา แต่เหยื่อตัวนี้มันกลับไม่กินเบ็ดซะได้!!
ในเมื่อไม่มีทางทำอะไรได้อีกต่อไป และการ์เร็ตต์ก็เป็นเพียงลูกน้องของอเล็กซานเดอร์ที่ไม่มีแม้แต่อิทธิพลต่อการตัดสินใจของอเล็กซานเดอร์ได้ ดังนั้นเอริคจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรออยู่เงียบ ๆ . . .
. . .
ในขณะที่ยอดขายอุปกรณ์ป้องกันรังสียูวีกำลังซบเซา แต่โครงการรถไฟแม็กเลฟกลับได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม
หลังจากพิธีเปิดเดินรถทดสอบในช่วงบ่าย วันเดียวกันนั้นทำเนียบขาวก็จัดประชุม และสามวันถัดมา รัฐบาลสหรัฐฯ ก็ได้สั่งซื้อเส้นทางรถไฟแม็กเลฟสายแรกจากอลิซ อินดัสตรีส์ โดยเส้นทางนั้นตรงยาวจากนิวยอร์กถึงวอชิงตัน!
ซึ่งทั้งหมดมีระยะทางรวมของเส้นทางประมาณ 360 กิโลเมตร และใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 5 ปี และมีมูลค่าการลงทุนรวม 30 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทำให้คืนนั้นทั้งบริษัทอลิซ อินดัสตรีส์เฉลิมฉลองกันทั้งคืน พนักงานต่างยินดีปรีดาและฉลองกันอย่างเต็มที่จนถึงรุ่งเช้า ส่วนเอริคก็ทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับทุกคน นั่นคือการได้มีส่วนร่วมในการสร้างเส้นทางรถไฟแม็กเลฟสายแรกของโลก ซึ่งชื่อของพวกเขาจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์โลก!
ในขณะเดียวกันมูลค่าของอลิซ อินดัสตรีส์ก็เพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าในชั่วข้ามคืน จนทำให้หลายฝ่ายเริ่มเคลื่อนไหว
ทั้งทำเนียบขาว กองทัพ ธนาคาร และกลุ่มการเงินใหญ่ ๆ ต่างกดดันให้อลิซ อินดัสตรีส์เข้าสู่ตลาดหุ้นโดยเร็ว ทำเนียบขาวและกองทัพต้องการควบคุมบริษัทให้อยู่ในกำมือของตน ในขณะที่ธนาคารและนักการเงินต่างมองว่านี่คือ ‘ขุมทรัพย์’ ที่ต้องแย่งชิงมาให้ได้
แน่นอนว่ายังมีพวกที่กล้าหาญแต่ไร้ศีลธรรม ที่เลือกจะใช้วิธีลัด ด้วยเหตุนี้ บริษัทอลิซ อินดัสตรีส์จึงถูกเหล่าโจรและสายลับการค้าบุกเข้าเป็นว่าเล่น จนประตูบริษัทแทบจะพังเพราะการมาเยือนของพวกเขา
แต่ไม่ว่าใครจะมา พวกเขาทั้งคนก็ล้วนกลับไปมือเปล่าทุกคน
โดยส่วนใหญ่ล้วนล้มเหลวเพราะระบบรักษาความปลอดภัยที่เอริคออกแบบด้วยตัวเอง แม้ว่าจะมีบางคนที่สามารถเล็ดลอดผ่านระบบได้ แต่สุดท้ายก็ไม่รอดพ้นจากตู้เซฟของเอริค
ไม่ว่าจะเป็นขโมยที่เก่งกาจแค่ไหน ก็ไม่สามารถเปิดตู้เซฟของเขาได้ ทำให้ตู้เซฟของเอริคกลายเป็นตำนานและสิ่งต้องห้ามในวงการ ทำให้เมื่อเอริคที่ทราบเรื่องนี้ในภายหลัง เขาแทบจะหัวเราะจนท้องแข็ง . . .
. . .
ในเมื่อไม่สามารถสร้างความคืบหน้ากับชิลด์ในระยะนี้ได้ เอริคจึงวางแผนที่จะสร้างทีมของตัวเองก่อน
โดยเป้าหมายแรกของเขาก็คือตัวนำโชคของเขา ฮอว์คอาย คลินต์ บาร์ตัน!
ซึ่งจากการคาดการณ์ของเขา บาร์ตันในตอนนี้น่าจะยังเป็นเด็กหนุ่มและน่าจะอยู่ในคณะละครสัตว์แห่งหนึ่งที่ซ่อนตัวอย่างเงียบ ๆ
เมื่อมีชื่อ อายุ และขอบเขตที่ชัดเจน การตามหาเขาก็ง่ายกว่าคนอื่น ๆ มาก เอริคโยนทองคำแท่งสองสามแท่งให้กับสายลับของเขา และมั่นใจว่าไม่นานนัก คุณโมล ซึ่งมีเพื่อนอยู่ทั่วทุกมุมโลก จะสามารถส่งตัวบาร์ตันมาถึงมือเขาได้อย่างแน่นอน
ส่วนเป้าหมายอีกคน เอริคตั้งใจจะไปหาเขาด้วยตัวเอง
อิวาน แวนโก หรือ วิปแลชในอนาคต ผู้เป็นอัจฉริยะด้านวิศวกรรมเครื่องกลชาวรัสเซียที่มีความสามารถทัดเทียมโทนี่ สตาร์ค
พ่อของเขา แอนตัน แวนโก เคยร่วมมือกับฮาเวิร์ด สตาร์คในการพัฒนาเตาปฏิกรณ์อาร์ค แต่ต่อมาแอนตันก็พยายามใช้เตาปฏิกรณ์เพื่อหาผลประโยชน์ในทางที่ผิด จนถูกฮาเวิร์ดขับไล่และส่งกลับรัสเซีย
ดังนั้นเอริคที่ให้ความสำคัญกับพรสวรรค์ของอิวานและรู้ดีถึงความดื้อรั้นของเขา ดังนั้นเขาจึงวางแผนจะเดินทางไปเจรจาด้วยตัวเอง
โปรดติดตามตอนต่อไป …