ตอนที่ 26 จับแบล็ควิโดว์ได้ทั้งที่ แล้วต่อไปฉันควรทำอะไรต่อ?!
ตอนที่ 26 จับแบล็ควิโดว์ได้ทั้งที่ แล้วต่อไปฉันควรทำอะไรต่อ?!
ทันใดนั้นเอริคก็ค่อย ๆ ลอยตัวขึ้นจากพื้นอย่างไร้เสียง พร้อมกับร่างของเขาที่เคลื่อนตัวไปในอากาศเข้าใกล้ ‘หัวขโมย’ อย่างช้า ๆ
ตอนนี้ประตูห้องทำงานซีอีโอของเขากำลังแง้มออกเล็กน้อย และไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาจากภายในห้องเลย ทำให้เอริคที่เห็นเช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อย . . .
หัวขโมยคนนี้ฝีมือไม่เลวเลยจริง ๆ!
เอริคควบคุมสนามแม่เหล็กให้บิดเบือนแสง ทำให้ร่างกายของเขาหายไปจากสายตา คล้ายเงาวิญญาณที่เคลื่อนตัวเข้าไปในห้องอย่างไร้เสียง
‘โอ้โห! ชุดดำรัดรูปซะด้วย!’ เอริคลงยืนกับพื้นเงียบ ๆ ด้านหลังหัวขโมย ก่อนจะมองดูเธอกำลังพยายามงัดแงะตู้เซฟอย่างเพลิดเพลิน
ใช่แล้ว! หัวขโมยคนนี้เป็นผู้หญิง เธอสวมชุดรัดรูปสีดำที่เผยให้เห็นเรือนร่างอันโค้งเว้าอย่างน่าหลงใหล พร้อมกับสวมฮู้ดปิดหน้า ทำให้เอริคมองไม่เห็นว่าเธอเป็นใคร
ส่วนเรื่องตู้เซฟของเขานั้น เอริคไม่ได้รู้สึกกังวลเลย เพราะตู้เซฟที่เขาออกแบบเองนั้น ไม่ใช่อะไรที่คนธรรมดาจะเปิดได้ง่าย ๆ!
ถ้ามองดูจากภายนอก ตู้เซฟของเขาอาจจะดูเหมือนตู้เซฟธรรมดา มีแป้นหมุนรหัสและรูกุญแจที่ดูปกติ แต่ถ้ามองจากภายในนั้น ระบบเหล่านั้นไม่ได้เชื่อมโยงกับกลไกการเปิดเลยแม้แต่น้อย! ดังนั้นการจะเปิดตู้เซฟได้จริง ๆ จะต้องทำจากด้านในเท่านั้น
นอกจากนี้เอริคยังทำให้มันแน่นหนามากขึ้นด้วยการเคลือบไวเบรเนียมไว้บนพื้นผิวตู้เซฟอีกชั้นหนึ่งด้วย . . .
และสิ่งที่แย่ไปกว่านั้นก็คือตู้เซฟนี้ไม่มีอะไรอยู่ข้างในเลย!
ใช่แล้ว! ตู้เซฟของเขามันว่างเปล่า!
หัวขโมยคนนี้กำลังพยายามทำงานหนักกับสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ เรียกได้ว่าเอริคตั้งใจทำมันขึ้นมาเพื่อกลั่นแกล้งคนของอเล็กซานเดอร์โดยเฉพาะ
ดังนั้นถ้าดูจากตู้เซฟนี้ ก็ดูออกกันแล้วใช่ไหมว่าเอริคมีความเจ้าเล่ห์มากแค่ไหน!
แน่นอนว่าหัวขโมยก็มีความอดทนสูงไม่แพ้กัน เธอหมอบลงพื้นและพยายามงัดแงะนานกว่าสิบนาที แต่ตู้เซฟก็ยังคงนิ่งสนิท แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ และยังคงหมุน ๆ ต่อไปเรื่อย ๆ
เอริคยืนดูเธอนานกว่า 10 นาทีจนเริ่มเบื่อ และเผลอหาวออกมาเบา ๆ โดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้นหัวขโมยที่ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง เธอก็รีบลุกขึ้นทันทีและเท้าเตะตรงไปยังทิศทางของเอริคอย่างรวดเร็ว
เอริคหลบอย่างง่ายดายด้วยการขยับตัวเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะจับข้อเท้าของเธอเอาไว้และเหวี่ยงเธอออกไป ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้ก็ทำให้การบิดเบือนแสงของเขาถูกทำลายลงเช่นกัน และเผยให้เห็นร่างของเขาทันที
ในขณะเดียวกันหัวขโมยคนนี้ดูเหมือนจะมีสมดุลของร่างกายที่ยอดเยี่ยมมาก เธอบิดตัวกลางอากาศหมุนตัวเป็นครึ่งวงกลม ก่อนจะลงมายืนด้วยสองเท้าได้อย่างมั่นคง จากนั้นเธอโยนของชิ้นเล็ก ๆ คล้ายแบตเตอรี่สองก้อนใส่เอริค
ทันใดนั้นของชิ้นเล็ก ๆ สองชิ้นนี้ก็ชนกันกลางอากาศและปล่อยประกายไฟฟ้าที่สว่างวาบออกมา
เมื่อเห็นสิ่งของที่หัวขโมยโยนออกมาเอริคก็หัวเราะเบา ๆ พร้อมกับสะบัดมือทำให้ของสองชิ้นนั้นตกลงพื้นทันที
ตอนนี้เขาเริ่มเดาได้แล้วว่าเธอเป็นใคร แต่เขาก็ยังไม่คิดจะจับเธอทันที เพราะถึงอย่างไรแล้ว เธอก็เป็นสาวสวยชื่อดังคนหนึ่ง ดังนั้นการจะปล่อยโอกาสดี ๆ แบบนี้ไปมันคงไม่น่าเสียดายแย่เลยหรอ?
ทันใดนั้นเอริคกระโดดพุ่งตัวไปข้างหน้าส่งร่างกายของตัวเองทะยานออกไกลกว่าสองเมตรในพริบตา ก่อนที่จะใช้กำปั้นต่อยไปที่หัวขโมยด้วยแรงมหาศาล แต่หัวโมยก็สามารถกลิ้งตัวหลบไปได้อย่างหวุดหวิด ก่อนจะดีดตัวจากกำแพงและซ่อนตัวใต้โต๊ะอย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่าเอริคไม่ได้รู้สึกเสียดายโต๊ะตัวนั้นเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นเขาจึงใช้มือจับมุมโต๊ะและใช้แรงเล็กน้อยยกมันขึ้นและโยนลงกับพื้นอย่างไม่ใยดี
ในขณะเดียวกันหัวขโมยใต้โต๊ะก็ดูเหมือนจะเตรียมพร้อมเป็นอย่างดีเช่นกัน เพราะทันทีที่โต๊ะถูกพลิกขึ้น เธอก็ยิงลูกดอกสองลูกใส่เอริค โดยที่ลูกดอกทั้งสองนั้นมีไฟฟ้าสีน้ำเงินกำลังสว่างวาบอยู่รอบตัวของพวกมัน
“ว้าว! คุณชอบอะไรแบบนี้เหรอ? ถ้างั้นเดี๋ยวเรามาสนุกกันหน่อยดีไหม?” เอริคยิ้มอย่างชั่วร้าย และเอื้อมมือไปจับลูกดอกทั้งสองอันด้วยท่าทางสบาย ๆ และโยนมันกลับไปให้เจ้าของ
หัวขโมยไม่ตอบ และเอียงตัวเล็กน้อยหลบลูกดอก ก่อนจะหยิบมีดสั้นจากต้นขาของเธอขึ้นมาตั้งท่าพร้อมสู้
เอริคส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะกวักมือเรียก “เข้ามาเลย ผมให้เกียรติสุภาพสตรีก่อน!”
หัวขโมยแค่นเสียงอย่างเย็นชาและพุ่งเข้าจู่โจมด้วยมีดสั้น ใบมีดเล็ก ๆ แวววาวราวกับผีเสื้อบินตัดผ่านอากาศพุ่งตรงไปยังจุดตายของเอริคอย่างแม่นยำ
ในขณะเดียวกันเอริคในตอนนี้ดูเหมือนกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนไม่มีผิด เพราะเพียงแค่เขาก้าวเท้าเบา ๆ ก็หลบคมมีดของหัวขโมยได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเห็นว่าการโจมตีของตัวเองทำอะไรเขาไม่ได้ หัวขโมยก็รู้ทันทีว่าความเร็วของเธอสู้เขาไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนกลยุทธ์ทันที ในขณะที่บังคับให้เอริคถอยร่นด้วยมีดสั้น เธอก็โยนของเล็ก ๆ บางอย่างใส่เขาด้วยมืออีกข้าง ก่อนจะถอยห่างออกไป
เอริคจับของเล็ก ๆ นั้นไว้ในมือพลางพลิกมันดูเล็กน้อย ก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ? ของพวกนี้มันไม่มีผลกับผมหรอก!”
“เหรอ? แน่ใจนะ?” หัวขโมยส่งเสียงพูดขึ้นมาเป็นครั้งแรก เสียงของเธอแผ่วเบาแต่เย้ายวน ราวกับสามารถสะกดจิตคนฟังได้
ทันทีที่เธอพูดจบ ของที่อยู่ในมือเอริคก็ระเบิดออกอย่างกะทันหัน พร้อมกับผงสีเทาที่ฟุ้งกระจายเต็มตัวเขา . . .
“มันไม่มีไฟฟ้าเหรอ? ทำไมไม่เตือนกันก่อนล่ะ?” เอริครู้สึกกระอักกระอ่วนสุดขีด เขาพลาดไปกับเรื่องง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไง!
เขาคือแม็กนีโตผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับถูกหลอกด้วยอาวุธที่ทำจากโลหะเสียได้! ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไป ใครจะเชื่อ?!!
แต่จะโทษใครได้ล่ะ? เขาเองนั่นแหละที่หยิ่งทะนงมากเกินไปจนถึงขั้นปิดการรับรู้สนามแม่เหล็กของตัวเอง . . .
หัวขโมยหัวเราะเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงเย้ายวน “นี่คือยาสลบตัวใหม่ของฉัน รู้สึกยังไงบ้างล่ะ?”
ทันทีที่เอริคตั้งท่าจะเคลื่อนไหว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเวียนหัว ร่างกายเริ่มไร้การควบคุม มือเท้าก็เหมือนจะอ่อนแรง จนทำให้เอริคตกใจทันที
ยานี่มันอะไรกัน! ร้ายแรงขนาดทำให้ร่างกายที่ถูกเสริมด้วยเซรุ่มซูเปอร์โซลเยอร์ยังรับไม่ไหว
แน่นอนว่าหัวขโมยก็ไม่ปล่อยโอกาสนี้ไปง่าย ๆ เช่นกัน เธอกระโจนเข้าไปหาเอริคอย่างรวดเร็ว พร้อมกับแทงมีดในมือไปที่ต้นขาของเอริค
เคร้ง!
เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้น เมื่อใบมีดสัมผัสกับผิวหนังของเอริค!
หัวขโมยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจทิ้งมีดในมือทันที และใช้ขาเกี่ยวรอบคอของเอริคและบิดตัวอย่างรุนแรงในท่าของบราซิลเลียนยิวยิตสู
แน่นอนว่าถ้าหากเป็นคนธรรมดา ท่านี้คงทำให้เขาล้มลงไปกับพื้น และถูกล็อกคอจนขยับไม่ได้ . . .
แต่วันนี้ดูเหมือนว่าหัวขโมยจะโชคร้ายเป็นพิเศษ เพราะเอริคไม่ใช่คนธรรมดา!!
ร่างกายของเขาที่ได้รับการเสริมจากเซรุ่มซูเปอร์โซลเยอร์และพลังสนามแม่เหล็กของแม็กนีโต มันจึงทำให้ตอนนี้เขาแข็งแกร่งยิ่งกว่ากัปตันอเมริกาหลายเท่า
ดังนั้นท่ายิวยิตสูของหัวขโมยจึงไม่ได้ส่งผลอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย และเอริคก็ยังยืนนิ่งอยู่ในท่าเดิม
ในขณะเดียวกันไม่นานหลังจากนั้น ร่างกายของเขาก็เริ่มขจัดพิษของยาสลบออกไปจนหมดสิ้น ทำให้จิตใจกลับมาแจ่มชัดอีกครั้ง
จู่ ๆ สีหน้าของเอริคก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นมืดมน ตอนนี้หน้าของเขาแตกจนหมอแทบจะไม่รับเย็บ และมันก็หมดเวลาเล่นสนุกแล้ว!
ทันใดนั้นเอริคก็เอื้อมมือไปบีบคอของหัวขโมยและยกร่างของเธอขึ้นมากลางอากาศได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะใช้มืออีกข้างถอดหน้ากากของอีกฝ่ายออก ทำให้ใบหน้าที่งดงามของหัวขโมยที่มีผมสีน้ำตาลแดงที่พลิ้วไหวไปมาในอากาศ และใบหน้าที่กำลังแดงก่ำเพราะขาดอากาศหายใจปรากฏขึ้นมาในสายตาของเอริคทันที
“นาตาชา โรมานอฟ . . . หรือ แบล็ควิโดว์ ที่มีชื่อเสียงลือเลื่อง หลังจากเกิดการกบฏใน ห้องแดง เธอก็หายตัวไปไร้ร่องรอย แล้วทำไมถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ล่ะ?” เอริคพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ พลางใช้มือของเขาเล่นกับเส้นผมของเธอไปด้วย
ถึงแม้นาตาชาจะถูกล็อกอยู่ แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ ทันใดนั้นเธอก็ดึงเข็มเหล็กเล็ก ๆ ออกมาจากไหนสักแห่งในร่างกาย และแทงตรงไปที่ตาของเอริค
เอริคมองเข็มนั้นนิ่ง ๆ ก่อนที่มันจะหยุดนิ่งห่างจากดวงตาเขาเพียง 1 เซนติเมตร และขยับไปไหนต่อไม่ได้อีกต่อไป
“ฮ่า ๆ ๆ เป็นไงตกใจไหมคนสวย?” เอริคหัวเราะเสียงต่ำอย่างเจ้าเล่ห์
“แกมันโรคจิต!” นาตาชาเอ่ยเสียงแผ่ว ก่อนจะหมดสติไปเพราะขาดอากาศหายใจ
“ฮ่า ๆ ฉันแค่หยอกเล่นนิดหน่อยเอง!” เอริควางร่างของเธอลงบนโซฟาเพื่อให้เธอพักผ่อน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่วางใจนัก และปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอ่อน ๆ ไปที่หน้าผากของเธอทำให้เธอหลับลึกเพื่อความชัวร์
จากนั้นเขาก็เริ่มตรวจสอบร่างกายของเธอ และเอาของอันตรายทั้งหมดออกจนหมด ก่อนที่จะถอนหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อมองร่างอันงดงามของนาตาชาที่นอนอยู่บนโซฟา เอริครู้สึกคอแห้งเล็กน้อย และหันไปมองกล้องที่ไม่มีอยู่จริงพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “เอาล่ะ . . . จับแบล็ควิโดว์ได้ทั้งที ต่อไปฉันควรทำยังไงต่อดี? ใครก็ได้ช่วยตอบหน่อยเถอะ คุณนักอ่าน . . . ได้โปรดช่วยเหลือฉันด้วยแบบด่วนมาก!”
โปรดติดตามตอนต่อไป …