MDB ตอนที่ 519 ทั้งหมดทั้งสาม
'ชี่หลงทั้งสามตัว พวกมันช่างแปลกประหลาดจริง ๆ เพราะพวกมันดูเหมือนจะมีความเชื่อมโยงกับเจ้าหญิง มันจะต้องได้รับการปกปิดด้วยคาถาบางอย่างแน่นอน ทำให้ไม่สามารถเดาอย่างสุ่มสี่สุ่มห้าได้ ถ้าผู้ประเมินระดับสี่คนอื่นไม่สามารถบอกได้ แล้วหลินจินจะรู้ได้อย่างไร?'
เฟิงจือซานหรี่ตามอง ขณะประเมินสถานการณ์
ตัวเขาเองก็ได้รับรายงานการประเมินของชี่หลงทั้งสามมาเช่นกัน ด้วยข้อมูลในมือ เฟิงจือซานผู้มีปัญญาเฉียบแหลมจึงรู้ว่านี่ต้องเป็นปริศนาที่เจ้าหญิงลั่วหลี่เป็นผู้ตั้งขึ้น
'จุดประสงค์ของการปลอมแปลงพันธสัญญาโลหิตคือเพื่อสร้างความสับสน เราจะสามารถตัดสินใจได้โดยอาศัยปัจจัยอื่นเท่านั้น ชี่หลงทั้งสามนี้มีขนาดเกือบจะเท่ากัน ความแตกต่างของพวกมันมีแค่เกล็ดที่มีสีแตกต่างกันเล็กน้อยเท่านั้น ใช่แล้ว มังกรของเจ้าหญิงลั่วหลี่จะต้องเป็นมังกรที่มีสีโปรดของเธอ บางทีมันอาจจะเป็นหนทางที่จะผ่านการทดสอบนี้!'
เฟิงจือซานคิด
เมื่อมองไปที่ชุดและเครื่องประดับที่เจ้าหญิงเลือกสำหรับวันนี้ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้น และเขาก็ลุกขึ้นเพื่อประกาศว่า
"องค์หญิงลั่วหลี่ ข้ารู้แล้วว่าชี่หลงตัวใดคือสัตว์เลี้ยงที่มีพันธสัญญาโลหิตกับท่าน"
ผู้ประเมินระดับสี่ทั้งสองคนที่นั่งข้างหลังเขาต่างก็ตกตะลึง พวกเขาครุ่นคิดว่า
‘องค์ชาย ท่านกำลังทำอะไรอยู่กันแน่? พวกเราไม่รู้อะไรเลย แล้วท่านรู้ได้อย่างไร?’
พวกเขาต้องการหยุดเขา แต่เฟิงจือซานได้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความหวังว่าจะคว้าขัยชนะไปจากเฟิงจือเฉียน
องค์ชายหนึ่ง เฟิงจือหยง เห็นได้ชัดว่าอยู่ในภาวะสิ้นหวัง เมื่อเห็นว่าน้องชายทั้งสองของเขาได้คำตอบแล้ว เหงื่อก็เริ่มผุดขึ้นบนหน้าผากของเขา
“ผู้ประเมินหยาน ท่านต้องให้คำตอบที่ชัดเจนกับข้าเดี๋ยวนี้ ข้าทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว!” เฟิงจือหยงเร่ง
การแต่งงานกับเจ้าหญิงลั่วหลี่ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับเขา ท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่เพียงแต่จะได้รับการสนับสนุนจากดินแดนพันเกาะ และความเคารพจากท่านพ่อของเขาเท่านั้น
เจ้าหญิงลั่วหลี่ก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญ เธอเป็นผู้หญิงที่ไร้ที่ติ ไม่ว่าจะเป็นเสียงหรือรูปร่างของเธอ พูดง่าย ๆ ก็คือ เขาเห็นเธอเป็นคู่ครองที่สมบูรณ์แบบ
นั่นเป็นเหตุผลที่เฟิงจือหยงไม่อยากแพ้ในศึกนี้
ผู้ประเมินหยานดูวิตกกังวลอย่างมาก
“ฝ่าบาท กระหม่อมไม่สามารถหาคำตอบได้ในระยะเวลาอันสั้น ไม่ใช่แค่กระหม่อมเท่านั้น แม้แต่ผู้ประเมินคนอื่นก็ไม่น่าจะหาคำตอบได้เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นทำไมพวกเขาถึงประกาศว่าได้คำตอบแล้ว?” เฟิงจือหยงดูไม่เชื่อ
“เออ…”
‘ข้าจะรู้ได้อย่างไร?’ ผู้ประเมินหยานครุ่นคิด
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาพูดว่า
“บางทีพวกเขาอาจจะลองเสี่ยงโชคในการพยายามครั้งแรกพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าหมายถึงอะไร?” เฟิงจือหยงไม่เข้าใจ
“ฝ่าบาท ลองทอดพระเนตรดูก่อนพ่ะย่ะค่ะ องค์ชายสองสองพูดขึ้นหลังจากเห็นคำประกาศขององค์ชายสาม เห็นได้ชัดว่าองค์ชายสองไม่อาจยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไปพ่ะย่ะค่ะ
กระหม่อมคิดว่าเขาไม่อยากแพ้ ดังนั้นองค์ชายสองจึงเต็มใจที่จะเสี่ยง เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฝ่าบาทมีโอกาสชนะหนึ่งในสาม แม้ว่าฝ่าบาทจะทรงเลือกมังกรแบบสุ่มก็ตามพ่ะย่ะค่ะ
อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ นั่นก็หมายความว่าฝ่าบาทจะไม่มีโอกาสชนะเลยพ่ะย่ะค่ะ”
ต้องยอมรับว่าการวิเคราะห์ของผู้ประเมินหยานนั้นสมเหตุสมผล เฟิงจือหยงคิดตาม และพยักหยน้าอย่างเข้าใจ
“ใช่แล้ว มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ ๆ น้องสองเป็นคนฉลาดเสมอมา ดังนั้นนั่นคงเป็นแนวทางของเขาเหมือนกัน ข้าเองก็ไม่อยากแพ้พวกเขาด้วย”
หลังจากคิดดูดี ๆ แล้ว เฟิงจือหยงก็ลุกขึ้นด้วยความตื่นตระหนก และรีบเดินหน้าต่อไปเช่นกัน
องค์ชายทั้งสามมาถึงก่อนเจ้าหญิงลั่วหลี่ทีละองค์ ช่างเป็นภาพที่หาดูได้ยาก
เจ้าหญิงลั่วหลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเจ้าชายทั้งสาม
เฟิงจือหยงรีบพูดขึ้นก่อน เขาชี้ไปที่จื่อหลงแบบสุ่มตัวหนึ่งด้วยน้ำเสียงที่ดังกึกก้องและประกาศว่า
“องค์หญิงลั่วหลี่ นี่คือสัตว์เลี้ยงสัญญาเลือดของท่าน ส่วนอีกสองตัวไม่ใช่”
คำตอบของเขานั้นเด็ดขาด และไม่มีความลังเลใด ๆ ในน้ำเสียงของเขาเลย สิ่งที่เขาต้องการคว้าเอาไว้คือโอกาสในการโจมตีก่อน เฟิงจือหยงรู้ว่าในสถานการณ์เช่นนี้ การพูดก่อนจะทำให้เขามีโอกาสชนะมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงชิงลงมืออย่างรวดเร็ว
ด้วยโอกาสที่มีมากกว่าสามสิบเปอร์เซ็นต์ เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับเขาแล้ว
เฟิงจือซานถึงกับตกตะลึง เพราะไม่คาดคิดว่าพี่ชายของเขาจะเฉลียวฉลาดขึ้นมาในวินาทีสุดท้าย ท่าทีของเฟิงจือซานเริ่มแสดงความกังวลเล็กน้อย แต่เมื่อมองไปที่ชี่หลงตัวที่เฟิงจือหยงชี้ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที สีของชี่หลงตัวนี้แตกต่างจากชุดของเจ้าหญิง ซึ่งตามข้อสันนิษฐานของเฟิงจือซานแล้ว นั่นไม่น่าจะใช่คำตอบที่ถูกต้อง
แน่นอนว่าเจ้าหญิงลั่วหลี่ส่ายหัว
“นั่นไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง”
“ผิดงั้นเหรอ?” หัวใจของเฟิงจือหยงตกต่ำลง เขาคิดว่า
‘ข้าโชคร้ายเกินไป ต่อให้มีโอกาสหนึ่งในสาม มันก็ยังน้อยเกินไป!’
เฟิงจือซานกลัวว่าน้องชายของเขาจะเดาคำตอบได้ก่อน เขาจึงชี้ไปที่ชี่หลงตรงกลางแล้วพูดว่า
"องค์หญิงรัวหลี่ เป็นตัวนั้น ส่วนตัวอื่นไม่ใช่"
รอยยิ้มที่มั่นใจบนใบหน้าของเฟิงจือซานแปรเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อ เมื่อเขาเห็นเจ้าหญิงลั่วหลี่ส่ายหัว
“นั่นก็ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง”
หลังจากที่เจ้าหญิงลั่วหลี่กล่าวเช่นนั้น เฟิงจือหยงและเฟิงจือซานต่างก็ดูเคร่งเครียด มีเพียงชี่หลงเพียงตัวเดียวที่เหลืออยู่ และแม้แต่คนโง่ก็ยังเดาได้ง่าย ๆ ว่าตัวไหนคือสัตว์เลี้ยงของเธอ
‘น้องสามนี่โชคดีเกินไป บ้าเอ้ย! ทำไมข้าถึงรีบร้อนขนาดนี้!?’
ทั้งสองคิดเหมือนกัน
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้ของพวกเขา
ในขณะที่พวกเขาคาดหวังว่าจะเห็นเฟิงจือเฉียนชี้ไปที่ฉีหลงตัวสุดท้าย องค์ชายสามก็ตอบว่า
"องค์หญิงลั่วหลี่ ถ้าข้าจำไม่ผิด ชี่หลงทั้งสามตัวเป็นสัตว์เลี้ยงของท่าน"
“อะไรนะ!?”
เฟิงจือหยงและเฟิงจือซานตกตะลึงกับคำตอบของเฟิงจือเฉียนในตอนแรก ก่อนที่พวกเขาจะรู้สึกยินดีอย่างมาก
‘หัวของน้องสามกลวงหรือเปล่า?’
คิดไม่ถึงเลยว่าเขาอาจจะแพ้ในสถานการณ์ที่ชนะแน่นอนเช่นนี้ ใครก็ตามที่มีสามัญสำนึกแม้เพียงเล็กน้อยก็จะรู้ว่าถึงแม้จะมีวิธีการทำพันธสัญญาโลหิตครั้งที่สอง แต่การทำพันธสัญญาโลหิตครั้งที่สามนั้นเป็นไปไม่ได้เลย
มันเป็นเรื่องของสามัญสำนึก เช่นเดียวกับปลาที่ไม่สามารถอาศัยอยู่บนบกได้ หรือเหมือนกับต้องเตรียมร่มไว้ในวันที่ฝนตก
แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้ว่าเหตุใดเฟิงจือเฉียนจึงจงใจทำลายโอกาสในการชนะของเขา แต่นี่ก็ยังคงเป็นข่าวดีสำหรับเฟิงจือหยงและเฟิงจือซาน
นั่นหมายความว่าพวกเขายังมีโอกาสที่จะชนะการต่อสู้ครั้งนี้
หลังจากเฟิงจือเฉียนตอบเสร็จ เจ้าหญิงลั่วหลี่ก็แสดงสีหน้ายินดี จากนั้น เธอก็พูดบางอย่างที่ทำให้ทุกคนงุนงง
“องค์ชายสาม ท่านรู้ได้อย่างไร?”
‘เดี๋ยว มันไม่ถูกต้อง’
‘ทำไมถึงฟังดูเหมือนว่าเฟิงจือเฉียนจะได้คำตอบที่ถูกต้อง?’
เฟิงจือเฉียนตอบอย่างตรงไปตรงมาโดยไม่อ้อมค้อม
“องค์หญิงลั่วหลี่ ข้าไม่ได้เป็นค้นพบเรื่องนี้ เพื่อนของข้า ผู้ประเมินหลินต่างหาก เป็นคนสังเกตเห็นเรื่องนี้ ดังนั้นข้าไม่สมควรรับความดีความชอบนี้”
เฟิงจือเฉียนพูดอย่างถ่อมตัว และไม่เหมือนกับพี่ชายของเขา เขาไม่ได้แสดงราวกับว่าเขาเป็นคนคิดหาคำตอบด้วยตัวเอง
เจ้าหญิงลั่วหลี่ศึกษาพฤติกรรมของเฟิงจือเฉียน และพบว่าเขาเป็นที่พอใจที่สุดในบรรดาเจ้าชายทั้งสามคน แม้เขาจะเป็นคนแรกที่ก้าวออกมา แต่เขาก็ปล่อยให้พี่ชายทั้งสองของเขาตอบคำถามก่อน แม้กระทั่งหลังจากที่เขาตอบคำถามแล้ว เขาก็ไม่ได้ยกตนในสิ่งที่ไม่ใช่ความพยายามของเขา ทุกวันนี้หาคนที่มีนิสัยเช่นนี้ได้น้อยมาก
จากนั้น เจ้าหญิงลั่วหลี่ประกาศว่า
“คำตอบขององค์ชายสาม เป็นคำตอบถูกต้อง”
จากนั้น เธอไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมอีก
เธอไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย เธอได้บอกสิ่งที่จำเป็นไปแล้ว ในฐานะเจ้าหญิง เธอได้ยอมรับชะตากรรมของตนเอง และความจริงที่ว่าการแต่งงานไม่ใช่สิ่งที่เธอมีสิทธิ์พูด แม้จะเป็นเช่นนั้น เธอก็ยังเป็นหญิงสาวที่ฉลาดหลักแหลม
เนื่องจากเธอจะต้องแต่งงานกับหนึ่งในสามเจ้าชาย เธอยังคงมีอำนาจในการเลือกอยู่ดี เฟิงจือเฉียนพูดถูก ชี่หลงทั้งสามตัวเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีพันธสัญญาโลหิตกับเธอ
ในความเห็นของเธอ มีผู้ประเมินเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถบอกได้ และเจ้าชายเหล่านี้อาจจะเลือกคนละตัวเป็นคำตอบ เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้น เธอต้องเลือกเจ้าชายที่เธอชอบมากที่สุดเท่านั้น
ในแง่มุมนี้ เจ้าหญิงลั่วหลี่รู้สึกโชคดีมาก เธอพบว่าองค์ชายสามนั้นน่าดึงดูดใจกว่าเล็กน้อย และเขาก็เป็นคนเดียวเท่านั้นที่ตอบคำถามได้ถูกต้อง
สิ่งนี้พิสูจน์ได้ว่าเขาได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญที่มีความสามารถสูง ดังนั้นอนาคตของเขาจึงน่าจะสดใส