ตอนที่แล้ว60 - ศิษย์พี่หญิงผู้เคร่งครัด!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป62 - สลากการกุศลของต้าเย่!

61 - หัวใจของจูจวินเย็นชาแล้ว!


61 - หัวใจของจูจวินเย็นชาแล้ว!

"เซียนตามหาวิถีแห่งเต๋า แต่ข้าเป็นเซียนหรือ? ข้าเป็นเพียงคนธรรมดาสามัญ!" จูจวินกล่าวถามกลับ "ขอถามท่านศิษย์พี่ ท่านได้พบวิถีแห่งเต๋าในใจท่านแล้วหรือยัง?

หากพบแล้ว ท่านจะตายทันทีหรือไม่?"

"ข้ากำลังตามหา หากสามารถพบได้ การตายจะเป็นอะไรไปเล่า?"

"ท่านยังไม่พบก็พูดเช่นนี้ หากพบแล้ว ท่านจะผูกคอตายหรือกระโดดบ่อน้ำหรือ?" จูจวินกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "ท่านไม่เห็นค่าชีวิตของตนเอง เช่นนั้นไม่คิดถึงความรู้สึกของอาจารย์และอาจารย์หญิงบ้างหรือ?

สุภาษิตว่าไว้ ร่างกายและเส้นผมได้รับมาจากบิดามารดา ท่านไม่เข้าใจเหตุผลนี้หรือ?

อีกทั้ง นักปราชญ์เพียงแสดงถึงความปรารถนาและการแสวงหาวิถีแห่งเต๋า แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ท่านต้องตายเพื่อหาวิถีนั้น

หากท่านพบวิถีแห่งเต๋าแล้ว แต่ไม่เผยแพร่มันให้กว้างไกล แล้วการค้นหาเต๋านั้นมีความหมายใด?

หากตามที่ท่านกล่าว เซียนไม่จำเป็นต้องเดินทางรอบแคว้นเพื่อชักชวนเจ้าแคว้นต่างๆ

เช่นนั้นเหตุใดต้องรับศิษย์มากมายเล่า?

สำหรับชาวนานั้น การปลูกข้าวให้ดี ก็คือวิถีแห่งเต๋าในใจของพวกเขา

หากพวกเขาปลูกข้าวสำเร็จแล้ว พวกเขาจะต้องตายหรือไม่?

สำหรับพ่อค้า การทำธุรกิจให้ดี ก็คือวิถีแห่งเต๋าในใจของพวกเขา

หากพวกเขาทำธุรกิจสำเร็จแล้ว ต้องรีบตายหรือ?

สำหรับพ่อครัว การทำอาหารให้อร่อย ก็คือวิถีแห่งเต๋าในใจของพวกเขา

หากพวกเขาเรียนรู้การเป็นพ่อครัวและทำอาหารที่ถูกใจคนอื่นสำเร็จแล้ว จะต้องตายหรือ?"

"เจ้ากำลังหาเรื่อง!" หลี่ว่านชิวหน้าแดงก่ำ

"ข้าหาเรื่อง?" จูจวินกล่าวด้วยรอยยิ้ม "เจ้าต่างหากที่ไม่มีเหตุผล หาเรื่องใส่ตัว

ฟ้าย่อมมีฝนตก หญิงสาวต้องแต่งงาน กินดื่มถ่ายหนักถ่ายเบา แม้กระทั่งฮ่องเต้ก็ยังควบคุมไม่ได้

เหตุใดเมื่อเจ้าเอ่ยถึง จึงกลายเป็นคนไร้หลักการและไม่มีเกียรติไปได้?

เพียงเพราะบิดาของข้าเป็นฮ่องเต้ ข้าต้องกินเพียงวันละสองมื้อหรือ?

หากข้ากินของว่างให้อิ่มก่อนมื้อเย็น เช่นนั้นข้าก็สามารถกล่าวได้เต็มปากว่า ข้ากินเพียงสองมื้อหรือไม่?"

"เจ้า...เจ้า..."

"ข้าอะไร?" จูจวินไม่ให้โอกาสหลี่ว่านชิวได้พูด "เจ้าอย่ามองเพียงสิ่งที่ข้าพูด แต่จงดูสิ่งที่ข้าทำ

หากข้าพบอุปสรรคในวันนี้ แต่กลับหนีไปเช่นเต่าหดหัว เช่นนั้นข้าก็คือคนไร้หลักการ

วันเวลาจะพิสูจน์ความจริงใจของคน

ข้าขอกล่าวอย่างชัดเจนเลยว่า คนเสแสร้งมักวิจารณ์คนอื่น แต่คนที่ทำงานจริงจะไม่พูดแต่เรื่องคุณธรรม

เพราะการค้นพบข้อบกพร่องของคนอื่น ง่ายกว่าการค้นพบข้อบกพร่องของตนเอง!"

เมื่อกล่าวจบ จูจวินหยิบชามข้าวขึ้นมากิน

หลี่ว่านชิวได้แต่นิ่งอึ้ง

หลี่เอี้ยนซีลุกขึ้นตักข้าวให้ภรรยาสูงวัย "เจ้าร่างกายอ่อนแอ กินให้มากหน่อยเถิด!"

หลี่หวังซื่อถอนหายใจ นางมองบุตรีของตนที่นิสัยจริงจังและทะเยอทะยาน

หากไม่ใช่เช่นนี้ นางจะยังครองตัวโสดในวัยยี่สิบสองได้อย่างไร?

หากปล่อยไว้เช่นนี้ บุตรีของนางเกรงว่าจะต้องกลายเป็นสาวแก่แน่แท้

ยังดีที่อู่อ๋องไม่ถือสา

หากเป็นคนอื่น คงโกรธไปนานแล้ว

"เจ้า..."

"หยุดเถิด โบราณว่าไว้ กินไม่พูด นอนไม่กล่าว!" เมื่อเห็นหลี่ว่านชิวจะโต้แย้ง จูจวินกล่าวเพียงประโยคเดียวก็ทำให้นางได้แต่ยืนนิ่ง

หลี่เอี้ยนซีมองจูจวิน ไม่เพียงไม่โกรธ แต่กลับรู้สึกอยากหัวเราะ

ตั้งแต่เด็ก บุตรีของเขาชอบถือเอาความถูกต้องเป็นหลัก เขาเองก็จนปัญญากับนาง

แต่ไม่คาดคิดเลยว่าวันนี้ กลับถูกจูจวินทำให้นางต้องนิ่งไป

หลังจากจูจวินกินอิ่ม หลี่ว่านชิวเอ่ยขึ้นว่า "ข้าจะต้องโต้เถียงชนะเจ้าให้ได้!"

กล่าวจบ นางก็ประคองมารดาจากไป

หลี่เอี้ยนซียิ้มขื่น "องค์ชาย บุตรีของข้าดื้อรั้นนัก ท่านอย่าถือสาเลย!"

"ไม่เป็นไร ข้ากลับรู้สึกว่านางน่าสนใจดี!" จูจวินกล่าวด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ ก่อนจะลุกขึ้นไปส่งหลี่เอี้ยนซีกลับเรือนด้วยตนเอง

ณเวลานั้น ณ จวนอ๋องเอี้ยน

จูตี้ได้รับข่าวสารจากวังหลวง หลังวางเอกสารลง แววตาของเขาเปล่งประกายเย็นเยียบ "พระบิดาถึงกับมึนหัวตาลายเกือบล้มในขณะเล่นลูกหนังในวังหรือ?

หากมิใช่หมอหลวงใช้เข็มรักษา อาจเกิดอันตรายได้หรือ?"

ร่างกายของจูหยวนจางแข็งแรงมาโดยตลอด ไม่ต้องพูดถึงการใช้เข็มรักษา แม้แต่กินยาก็แทบไม่เคย และยิ่งไม่เคยล้มมาก่อน

ข้อมูลระบุว่า จูหยวนจางมีภาวะหยางในตับพุ่งสูง เสี่ยงต่อการเป็นอัมพาต

หากเขาเป็นอัมพาต ไท่จื่อย่อมต้องขึ้นว่าราชการ

จูตี้รีบเร่งมุ่งหน้าไปยังศาลาพระพุทธ พบกับพระในชุดดำ "พระอาจารย์ท่านดูสิ!"

พระในชุดดำกล่าวว่า "ฝ่าบาทมีอาการป่วยเล็กน้อย แต่ไม่มีอะไรน่ากังวล อีกทั้งจากใบหน้า ฝ่าบาทหาใช่คนอายุสั้นไม่ อย่างน้อยพระองค์จะยังครองบัลลังก์ไปอีกหลายสิบปี"

จูตี้ขมวดคิ้ว ยังไม่ทันพูดอะไร พระในชุดดำก็กล่าวว่า "แต่เรื่องนี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้!"

"โอ้? ลองพูดให้ข้าฟังสิ!"

พระในชุดดำยิ้มบาง ก่อนกล่าวเบาๆ สองประโยค จูตี้ถึงกับสูดลมหายใจเย็นยะเยือก "มันร้ายกาจเกินไป เด็กอายุแปดขวบ ไม่สมควรเลย..."

"ทว่าไท่ซุนผู้นั้นมีพรสวรรค์สูงส่ง นับแต่เล็กก็ได้รับความรักใคร่ล้นหลาม หากเติบโตขึ้นมา องค์ชายทุกพระองค์ย่อมไร้หนทางรอด"

"อย่างไรก็ตาม คนฉลาดเกินไป มักถูกสวรรค์ริษยา"

"เจ้าหมายความว่า เขาจะไม่สามารถเติบโตได้หรือ?"

"บอกไม่ได้" พระในชุดดำส่ายหน้า "หากท่านอ๋องทรงปล่อยวางต่ออู่อ๋อง เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรจะพูด แต่หากยังลังเลอยู่ ข้าขอแนะนำให้ฝ่าบาทเลิกล้มเสียตั้งแต่เนิ่นๆ"

สีหน้าของจูตี้เปลี่ยนไป จิตใจของเขาแข็งกร้าวขึ้น

เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะจูตี้กอดจูเมี่ยวอวิ๋นหลับสนิท อยู่ๆ ขันทีสนิท เจิ้งผิง ก็มาปลุกเขาเบาๆ

ขณะนั้นฟ้ายังไม่สว่างดี จูตี้ยังง่วงงุน "เช้าเช่นนี้ มีอะไรหรือ?"

เจิ้งผิงกล่าวเบาๆ หนึ่งประโยค จูตี้ถึงกับสะดุ้งตื่น ก่อนจะหมดอาการง่วงในทันที "เจ้าว่าอะไรนะ?"

เจิ้งผิงคุกเข่าลง "เขาอยู่ที่ลานแล้ว ท่านอ๋องเห็นแล้วจะทราบเอง!"

เสียงปลุกให้จูเมี่ยวอวิ๋นในอ้อมกอดตื่นขึ้น นางเอ่ยถามอย่างสงสัย "ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้นหรือ?"

"ไม่มีอะไร จางเจวี๋ยมีเรื่องจะคุย เจ้าหลับต่อเถิด!"

จูตี้กล่าวพร้อมสวมเสื้อคลุมตัวหนาออกไป

จางเจวี๋ยเป็นคนสนิทคนหนึ่งของจูตี้ เขาเคยรับราชการในราชวงศ์มองโกล ดำรงตำแหน่งสำคัญ ก่อนจะตามฮ่องเต้องค์หยวนคนสุดท้ายหลบหนีขึ้นเหนือ สุดท้ายเขาก็กลับเข้าด่าน มาเข้าร่วมกับจูตี้ กลายเป็นคนสนิทที่ไว้ใจได้

เมื่อมาถึงลานกว้าง คนในลานรีบเข้ามาคารวะ

จูตี้มองไปยังลาน เห็นชายคนหนึ่งถูกทำให้เป็นมนุษย์หมู (คนที่ถูกตัดแขนขา) ถึงกับสูดลมหายใจลึก "พบเขาเมื่อใด?"

จางเจวี๋ยรีบตอบ "ราวสองเค่อก่อน พบเขาที่หน้าประตู เป็นหนึ่งในสองคนที่หายตัวไปเมื่อวันก่อน!"

สีหน้าของจูตี้ดำคล้ำ

เป็นใครกันที่ลักพาตัวคนของเขาไป แล้วยังทรมานจนกลายเป็นเช่นนี้

แสดงว่าคนผู้นั้นย่อมล่วงรู้บางสิ่ง

"เขายังพูดได้หรือไม่?"

"ลิ้นถูกตัด ดวงตาถูกควัก หูหนวกแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงลมหายใจ คนผู้นี้โหดเหี้ยมเกินไป!" จางเจวี๋ยกำหมัดแน่น "ท่านอ๋อง ต้องล้างแค้นให้พวกเราด้วย!"

จางเจวี๋ยไม่ทราบเหตุการณ์เบื้องหลัง จึงโกรธเกรี้ยวอย่างมาก

"แค้นนี้ต้องชำระ!" จูตี้กดความวิตกในใจลง สั่งแก่ทุกคน "ตั้งแต่นี้ไป เพิ่มการระวังภัย ศัตรูซ่อนตัวอยู่ในเงามืด ส่วนเราต้องเปิดเผย ต่อให้ต้องขุดค้นลึกถึงสามฉื่อ ข้าก็จะลากตัวคนร้ายออกมาให้ได้!"

สิ้นคำ หัวของชายที่อยู่ในไหใหญ่ก็เอนลง เขาสิ้นลมหายใจแล้ว

ใจของจูตี้เย็นเฉียบลง

นี่คือคำเตือนจากคนผู้นั้นถึงเขา

"ท่านอ๋อง เขาสิ้นลมหายใจแล้ว" จางเจวี๋ยกล่าวด้วยน้ำตาเอ่อคลอ

จูตี้สูดลมหายใจลึก "จัดการฝังเขาอย่างสมเกียรติ!"

กล่าวจบ เขาหันหลังเดินจากไป

มองดูน้ำแข็งที่เกาะอยู่บนต้นไม้ในลาน หัวใจของเขากลับเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งเหล่านั้น!

…………

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด