บทที่ 50 ผิวพรรณดั่งน้ำแข็ง กระดูกดุจหยก
บทที่ 50 ผิวพรรณดั่งน้ำแข็ง กระดูกดุจหยก
"จางหานเดินอย่างงุนงงไปยังสี่แยก
เขายังไม่เข้าใจจนถึงตอนนี้ ว่าผู้หญิงคนนั้นต้องการอะไรกันแน่
ทั้งที่ก่อนหน้านี้พูดคุยกันดีๆ อยู่แท้ๆ
...
เขาเดินห่างออกมาเรื่อยๆ กระทั่งได้พบเขาอู่ตัง สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิเต๋า
ภูเขาแห่งนี้มีอีกหลายชื่อ เช่น เขาไท่เหอ เขาเซี่ยหลัว เขาซานซ่าง และ เขาเซียนสื่อ มีชื่อเรียกโบราณว่า “ไท่เยว่” (ภูเขาไท่) “เสวียนเยว่” และ “ต้าเยว่” ครอบคลุมพื้นที่ 312 ตารางกิโลเมตร เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A ของประเทศ
ตั้งอยู่ในเขตเมืองตันเจียงโข่ว ในเมืองซื่อหยาง ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลหูเป่ย เชื่อมต่อกับเมืองโบราณชื่อดังอย่างเซียงหยาง และใกล้กับป่าโบราณอย่างเสินหนงเจี่ย
ในยามเช้า หมอกลอยคลุ้งในหุบเขา ทำให้ภูเขาเขียวขจีดูชุ่มชื้นเป็นพิเศษ
ซูหยุนเดินไปตามบันไดหินสีเทา ชายตามองผู้คนที่ผ่านไปมา
ขณะเดียวกัน เขาก็สังเกตอาคารสิ่งปลูกสร้างบนเขาอู่ตัง ซึ่งให้ความรู้สึกโบราณและแฝงด้วยบรรยากาศของยุคอดีต เหมือนกับย้อนกลับไปในสมัยโบราณ
อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกนี้กลับถูกทำลายด้วยผู้คนสมัยใหม่ที่เดินสวนไปมา
...
ขณะเขากำลังเดินสำรวจบริเวณนั้น ก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้เขาหันไปสนใจทันที
‘เฮ้ หนุ่มน้อย อย่าเพิ่งไป!’
บริเวณมุมตึกโบราณแห่งหนึ่ง มีแผงทำนายดวงชะตา ตั้งอยู่ และมีชายชราผมสีดอกเลาสวมชุดนักพรตเต๋า พยายามดึงตัวชายหนุ่มที่กำลังขับสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าไปส่งอาหารไว้
‘พ่อหนุ่ม ฉันดูจากโหงวเฮ้งของเธอแล้ว เธอกำลังมีเคราะห์ร้ายที่ปกคลุมด้วยแสงทองส่องประกาย ช่วงนี้อาจจะมีโชคดี แต่ต้องผ่านอุปสรรคบางอย่างก่อน เธอแน่ใจรึว่าจะไม่ให้ฉันทำนายดวงช่วยแก้เคราะห์แก้กรรมให้สักหน่อย?’
‘ฉันทำเพราะเห็นแก่เธอนะ ถ้าไม่แม่นไม่คิดเงิน!’
คำพูดนี้ทำให้ซูหยุนสนใจขึ้นมา
เขารู้สึกสงสัยในศาสตร์การทำนายดวงชะตาเหล่านี้ มันจะทำนายชะตาคนได้จริงหรือ?
แต่ไม่ว่าจะจริงหรือไม่ ดูเหมือนว่านักพรตเต๋าผู้นั้นจะเริ่มต้นอาชีพได้ไม่ค่อยราบรื่น เพราะชายหนุ่มที่เขาเสนอจะตรวจดูชะตาให้นั้น แสดงท่าทีดูจะรำคาญและกำลังจะหนีไป
หวังอี้ ที่นั่งอยู่บนสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า แสดงสีหน้ากระวนกระวาย เพราะเขารีบไปส่งอาหารอยู่ แต่ดันถูกชายชรารั้งเอาไว้"
"ทำนายอะไรของคุณ? ผมดูเหมือนคนที่ต้องการให้คุณมาทำนายงั้นเหรอ?
ถ้าผมส่งอาหารช้าจนโดนหักเงิน ใครจะรับผิดชอบล่ะ?"
หวังอี้ สูดหายใจลึกด้วยความโมโห ก่อนจะพูดออกมาอย่างเดือดดาลว่า
"พอแล้ว! คุณไม่ต้องพูดอะไรอีก ผมรู้ว่าคุณจะพูดอะไร!"
คำพูดนี้ทำเอานักพรตเต๋าที่กำลังพล่ามไม่หยุดชะงักไปทันที ใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง
หวังอี้พูดต่อด้วยท่าทางเหมือนคนที่ผ่านเรื่องนี้มามาก
"คุณอยากจะพูดว่าในอนาคตผมจะมีวาสนา มีโชคลาภร่ำรวย ใช่ไหมล่ะ?"
หวังอี้พูดต่อว่า
"ตอนผมอายุ 8 ขวบ ผมก็เจอคนทำนายชะตาแบบคุณนี่แหละ คุณอยากรู้ไหมเขาพูดอะไร?"
นักพรตเต๋าฟังอย่างสงสัย
หวังอี้เล่า
"เขาบอกว่าตอนอายุ 24 ผมจะร่ำรวยมีหน้ามีตา ใส่ชุดสีเหลืองทองทุกวัน มีปลากับเนื้อชั้นดีให้กินทุกมื้อ!"
หวังอี้หยุดนิ่งชั่วครู่ ก่อนจะตะโกนด้วยความเจ็บปวด
"แต่คุณดูสิ! คุณดูนี่สิ!"
เขาชี้ไปที่ชุดส่งอาหารสีเหลืองที่สวมอยู่
"นี่ไงชุดสีเหลืองทอง! ผมจะเชื่ออะไรคุณได้อีกล่ะ! พวกคุณก็แค่พวกคนแก่หลอกลวง!"
พูดจบ เขาก็เร่งเครื่องสก๊ตเตอร์ไฟฟ้าหนีไป ทิ้งให้นักพรตเต๋ายืนงงอยู่ตรงนั้น
ลมพัดพาคำพูดสุดท้ายของหวังอี้ที่ดังไกลออกไป
"โคตรจะแม่นเลยจริงๆ!"
นักพรตเต๋ายืนนิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะรู้สึกเหมือนโดนหลอก
"เหลืองทองก็เหลืองทองจริงๆ แต่เป็นชุดส่งอาหารนี่สิ!"
นักพรตเต๋าถอนหายใจ
"และอาหารปลากับเนื้อที่ว่าก็มีจริงนะ แต่เป็นอาหารของคนอื่นที่เขาต้องเอาไปส่ง!"
ซูหยุนที่ยืนดูเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ถึงกับต้องกลั้นขำจนตัวสั่น
"ฮ่าๆ เกือบกลั้นไม่อยู่แล้ว ไอ้หนุ่มส่งอาหารนี่ตลกเกินไปแล้ว!"
"นักพรตเต๋าคนนี้ก็ไม่ต่างกัน ต้องใช้เวลาตั้งนานกว่าจะคิดตามทัน!"
"คนเก่งนี่มีอยู่ทุกที่จริงๆ" ซูหยุนถอนหายใจเบาๆ แล้วกำลังจะเดินเลี่ยงออกไป
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะก้าวออกไป เสียงของเขากลับดึงความสนใจของนักพรตเต๋าที่กำลังครุ่นคิดและพึมพำอยู่ไม่หยุด
นักพรตเต๋าหันไปมองตามเสียงทันที สิ่งที่ปรากฏในสายตาคือชายหนุ่มที่สวมหมวกแก๊ปและหน้ากากปิดบังใบหน้า ผมดำยาวถึงเอว
เพียงแค่มองครั้งแรก นักพรตเต๋าก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที แม้จะมองไม่เห็นใบหน้า แต่ท่าทีสง่างามของอีกฝ่ายกลับสะกดสายตา
"นี่แหละคนแบบที่ข้าตามหา!" นักพรตเต๋าคิดในใจ ยิ่งเมื่อเห็นผมดำทมิฬยาวของชายหนุ่ม ก็ยิ่งรู้สึกพอใจ
เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะเดินจากไป นักพรตเต๋าตกใจ รีบวิ่งเข้าไปหา
"พ่อหนุ่ม! ช้าก่อน!"
ซูหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย หยุดฝีเท้าแล้วมองกลับไปอย่างสงสัย
"มีอะไรหรือ?" เขาถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
นักพรตเต๋าไม่ได้ตอบในทันที เมื่อเข้าไปใกล้ชายหนุ่ม เขาถึงกับตาเบิกโพลงด้วยความตกตะลึง
"ผิวใสกระจ่างราวกับหยก!"
"นี่มัน... 'น้ำแข็งผิวหยก กระดูกงามเลิศ' ใช่ไหม?" นักพรตเต๋าอุทานด้วยความประหลาดใจ
"คนที่มีร่างกายแบบนี้มีอยู่จริงด้วยงันรึ?"
ยิ่งมองก็ยิ่งตกตะลึง ความงดงามนี้ไม่ใช่แค่ลักษณะภายนอก แต่ยังแผ่รัศมีอันพิศวง
นักพรตเต๋าจ้องมองชายหนุ่มด้วยสายตาเปี่ยมความกระตือรือร้นจนซูหยุนรู้สึกขนลุก
"ตาเฒ่าคนนี้คงจะไม่ใช่พวกชอบเด็กผู้ชายหรอกนะ?"
"มองแบบนี้มันน่ากลัวนะ แถมยังแก่ขนาดนี้อีก!" ซูหยุนคิดพลางเดินถอยหลังเล็กน้อย
นักพรตเต๋าเผยรอยยิ้มอบอุ่นอย่างเจ้าเล่ห์
"พ่อหนุ่ม สนใจฝึกลัทธิเต๋ากับข้าไหม? มาเป็นศิษย์ของข้าเถอะ!"
คำพูดนั้นเต็มไปด้วยน้ำเสียงชักชวนราวกับกำลังล่อลวง
"ยิ่งมองเขาก็ยิ่งพอใจ ต้องบอกเลยว่านี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ได้เจอคนที่ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจอย่างมาก โดยไม่ต้องพิจารณาเงื่อนไขอื่นใด เพียงแค่เห็นครั้งแรกก็ถูกใจและอยากรับเข้ามาเป็นศิษย์ในทันที
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่รัศมีอันโดดเด่นรอบตัวเด็กหนุ่มคนนี้ ก็ทำให้เหนือกว่าตัวเขาที่บำเพ็ญตบะลัทธิเต๋ามาหลายสิบปีเสียอีก หากเรียนรู้เพิ่มอีกเล็กน้อย คงจะถูกยกย่องว่าเป็นเซียน และได้รับการบูชาอย่างแน่นอน!
ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยร่างกายที่งดงามดุจหยกน้ำแข็งของเขา เด็กหนุ่มคนนี้มีศักยภาพที่จะกลายเป็นเซียนโดยแท้!
ถ้าได้เขามาร่วมในลัทธิเต๋านี้ ก็คงจะช่วยให้การงานราบรื่นไปได้เยอะเลยทีเดียว เหล่าผู้มากมีด้วยทรัพย์สินมากมายคงพร้อมใจกันพุ่งเข้ามาหาอย่างแน่นอน!
'นี่แหละคือเด็กหนุ่มที่เกิดมาพร้อมร่างเซียน หากได้รับการฝึกฝนเพียงเล็กน้อย ก็สามารถกลายเป็นเซียนที่แท้จริงได้!'
นักพรตเต๋าคิดในใจพร้อมกับแสดงสีหน้าตื่นเต้นอย่างที่สุด"
(จบตอนที่ 50 )