ตอนที่แล้วตอนที่ 23 เพื่อนที่แท้จริงของผู้หญิง!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 25 ช่วยฟอกเงิน!

ตอนที่ 24 นายพลรอสส์!


ตอนที่ 24 นายพลรอสส์!

วันที่ 1 มกราคม 1993 วันขึ้นปีใหม่ ที่บริษัท อลิซ อินดัสตรีส์

หลังจากผ่านไปหลายเดือน อลิซ อินดัสตรีส์ ได้จัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์อีกครั้ง และผลิตภัณฑ์ที่เปิดตัวในครั้งนี้ก็คือรถไฟแม็กเลฟที่ทุกคนรอคอย

งานแถลงข่าวเต็มไปด้วยผู้คน ไม่เพียงแต่สื่อมวลชนชั้นนำที่มาถึงตรงเวลา แต่ยังมีตัวแทนจากหน่วยงานรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบริษัททางรถไฟและบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่ต่างเฝ้ารออยู่นอกงานตั้งแต่เช้าตรู่

เอริคยืนอยู่ที่หน้าต่างห้องทำงานของซีอีโอมองออกไปด้านนอก และเห็นป้ายชื่อบริษัทมากมายไม่ว่าจะเป็น สตาร์ค อินดัสตรีส์, แฮมเมอร์ อินดัสตรีส์, อวองการ์ด เทคโนโลยี, บริษัทน้ำมันร็อกซอน, บีเอ็นเอสเอฟ, นาซ่า . . .

มีผู้คนจำนวนมากที่มารวมงาน ทั้งคนที่ ‘ควรมา’ และ ‘ไม่ควรมา’ ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นานเอริคจะมองเห็น ‘เพื่อนเก่า’ ของเขา นิค ฟิวรี่ ที่ไว้ผมยาวกำลังเดินมาพร้อมกับชายหนุ่มที่ดูเกร็ง ๆ และเมื่อเอริคเห็นเส้นผมของชายหนุ่มคนนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเล็กน้อย “นานแล้วสินะที่ไม่ได้เจอกัน โคลสัน!”

งานแถลงข่าวยังคงเริ่มต้นแบบเดิม ๆ โดยเริ่มจากการวิจารณ์ระบบการขนส่งและความเร็วในการเดินทางในยุคปัจจุบัน ก่อนจะเชิดชูรถไฟแม็กเลฟของตัวเองว่า ‘รวดเร็ว ปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และประหยัดค่าใช้จ่าย’ . . .

ในเอกสารที่เอริคอ่านนั้น ได้อธิบายถึงข้อได้เปรียบของรถไฟแม็กเลฟโดยลดความสำคัญของรถไฟ เครื่องบิน เรือ รถไฟใต้ดิน และรถยนต์ลงจนแทบไม่เหลือคุณค่า

ทำให้สื่อมวลชนทุกคนที่ได้ยินคำพูดของเอริคต่างก็หยิบปากกาขึ้นมาจดทุกคำพูดเอาไว้อย่างรวดเร็ว โดยไม่สนว่าเอริคจะพูดอะไร และพวกเขาก็จะเผยแพร่ตามนั้น เพราะถ้าหากเกิดปัญหาในอนาคต ความผิดก็จะตกอยู่ที่ อลิซ อินดัสตรีส์ ไม่ใช่พวกเขา!

ในขณะเดียวกันบรรดาบริษัททางรถไฟยักษ์ใหญ่ต่างก็ไม่พอใจเกี่ยวกับเรื่องนี้เช่นกัน เพราะการพื้นที่ที่พวกเขาดูแลมายาวนานกำลังจะถูกแย่งไป มันย่อมไม่มีใครยินดีแน่ ทำให้หลายคนเริ่มคิดหาวิธี ‘ขัดขา’ อลิซ อินดัสตรีส์ แต่ในงานแถลงข่าว ทุกคนก็ยังคงรักษาภาพลักษณ์และความสุภาพไว้เป็นอย่างดี

งานแถลงข่าวนี้กินเวลาอยู่สองชั่วโมงก่อนที่จะจบลงอย่างรวดเร็ว สื่อมวลชนและตัวแทนจากบริษัทต่าง ๆ ถูกย้ายไปที่ห้องจัดเลี้ยงเพื่อร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวัน เพราะช่วงบ่ายยังมีเหตุการณ์สำคัญ นั่นก็คือการทดลองวิ่งรถไฟแม็กเลฟรอพวกเขาอยู่

เอริคถือแก้วไวน์เดินท่ามกลางกลุ่มผู้มีอิทธิพล และตอบคำถามเกี่ยวกับรถไฟแม็กเลฟทุกคำถาม แต่เมื่อพูดถึงวัสดุที่เป็นตัวนำยิ่งยวดอุณหภูมิห้องหรือ แลนเซอร์ No. 1 เอริคก็เพียงส่งยิ้มให้พวกเขาเล็กน้อย และไม่ได้พูดอะไรออกมา

ในความเป็นจริง ทุกคนรู้ดีว่าการสร้างรถไฟแม็กเลฟไม่ใช่เรื่องยาก บริษัทไฮเทคแทบทุกแห่งสามารถพัฒนาได้ แต่ความยากที่แท้จริงคือการสร้าง ‘วัสดุตัวนำยิ่งยวดที่อุณหภูมิห้อง’ ซึ่งวงการวิทยาศาสตร์เชื่อว่าไม่มีทางเกิดขึ้นได้ แต่ตอนนี้ อลิซ อินดัสตรีส์ กลับทำได้สำเร็จ ดังนั้นนี่จึงคือเหตุผล 99% ของบริษัทและหน่วยงานต่าง ๆ มางานนี้

“เอริค! ไม่เจอกันนานเลยนะ!” นิค ฟิวรี่เดินเข้ามาพร้อมโคลสัน ก่อนที่จะยื่นมือออกมาตรงหน้าของเอริค

เอริคยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือไปจับกับฟิวรี่ “ฟิวรี่ ได้ยินว่านายถูกย้ายไปที่สำนักงานใหญ่ เป็นยังไงบ้าง ไม่ชอบอยู่ที่นิวยอร์กแล้วเหรอ?”

“อย่าให้พูดเลย นิวยอร์กเสียงดังเกินไป ฉันก็เลยขอย้ายไปทำงานเอกสารที่สำนักงานใหญ่แทนดีกว่า” ฟิวรี่ตอบพลางทำท่าปัดหู ก่อนจะแนะนำชายหนุ่มข้าง ๆ “นี่คือลูกน้องใหม่ของฉัน โคลสัน เป็นคนหนุ่มที่ยอดเยี่ยมมาก”

“สวัสดีครับ คุณเอริค!” โคลสันพูดทักทายขึ้นมาด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร จนทำให้คนรู้สึกว่าเขาเป็น ‘คนดี’ ทันทีที่เห็น ทำให้เอริคที่เห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตาลุกวาวเล็กน้อย ‘รอยยิ้มแบบนี้ต้องเรียนไว้หน่อยแล้ว มันดูจอมปลอมจนเหมือนรอยยิ้มจริง ๆ สุด ๆ!’

“สวัสดี คุณโคลสัน หน่วยงานกองงานยุทธวิธีจัดระเบียบกำลังพิเศษแห่งมาตุภูมิ ของพวกนายสนใจรถไฟแม็กเลฟด้วยเหรอ?”

ฟิวรี่ยักไหล่เล็กน้อย และตอบขึ้นมาว่า “ก็แค่ทำตามหน้าที่ ผู้อำนวยการสั่งมาว่าการรวมตัวครั้งใหญ่แบบนี้จะต้องมีคนไปดู ซึ่งฉันก็ว่างพอดีเลยมาเองซะเลย”

“เฮ้อ ฉันก็นึกว่านายจะมาหาเพื่อนเก่าซะอีก!” เอริคแสร้งทำหน้าเศร้า

ฟิวรี่หัวเราะ และพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า “พอเถอะ เอริค ฉันไม่ใช่พวกสาว ๆ อย่ามาเล่นมุกนี้กับฉัน!”

“ฮ่า ๆ งั้นตามสบายเลย ฉันจะไปทางนั้นหน่อย” เอริคตอบด้วยรอยยิ้มพลางตบแขนฟิวรี่ ก่อนจะชี้ไปยังกลุ่มคนอีกกลุ่ม ฟิวรี่หันไปมองตามที่เอริคชี้และเห็นชายร่างอ้วนหัวโล้นที่กำลังยืนคุยกับคนอื่นอยู่ ทำให้เขาพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะผายเชิญเพื่อบอกให้เอริคไปได้

เอริคเดินเข้าไปหาชายอ้วนหัวโล้นด้วยรอยยิ้ม ทำให้เมื่อชายคนนั้นเห็นเอริค เขาก็ยื่นมือมาตั้งแต่ไกลพร้อมกับใบหน้ากลมอ้วนกลมที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ฮ่า ๆ คุณเอริค ในที่สุดคุณก็มาหาผมสักที!”

“คุณโอบาไดอาห์! ไม่นึกเลยว่า สตาร์ค อินดัสตรีส์ จะมาร่วมงานแถลงข่าวเล็ก ๆ ของผมด้วย!” เอริคทำหน้าตกใจ ราวกับไม่เชื่อว่าชายคนนี้จะมางานจริง ๆ

“โธ่ อย่าพูดแบบนั้นเลย คุณเอริคยังหนุ่มและมีความสามารถ สามารถคิดค้นวัสดุตัวนำยิ่งยวดอุณหภูมิห้องสิ่งที่โทนี่เองยังทำไม่ได้! อนาคตของ อลิซ อินดัสตรีส์ จะต้องไปได้ไกลแน่นอน!”

“อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ อลิซ อินดัสตรีส์ เป็นเพียงบริษัทเล็ก ๆ จะไปเทียบกับ สตาร์ค อินดัสตรีส์ ได้ยังไงกันล่ะครับ . . .”

พวกเขาทั้งสองพูดประจบประแจงกันไปมาจนแทบจะยกย่องกันจนถึงฟ้า ทำให้เหล่านักข่าวที่อยู่รอบ ๆ ไม่พลาดที่จะทำหน้าที่ของตัวเอง และถ่ายภาพไว้ทุกมุม พร้อมกับในใจพวกเขาที่เริ่มคิดหัวข้อข่าวกันเอาไว้แล้ว – ‘โอบาไดอาห์และเอริคได้พูดคุยกันอย่างอบอุ่น สตาร์ค อินดัสตรีส์อาจจะทำข้อตกลงลับกับ อลิซ อินดัสตรีส์’

“คุณเอริค คืนนี้สนใจมาพักผ่อนที่บ้านผมหน่อยไหม? ผมเชิญนางแบบมาหลายคน ซึ่งแต่ละคนหุ่นดีมาก!” โอบาไดอาห์โน้มตัวเข้ามาใกล้เอริคและกระซิบเสียงเบาที่ได้ยินกันแค่สองคน พร้อมส่งสายตาที่ผู้ชายทุกคนเข้าใจให้กับเอริค

เอริคยิ้มทันที พร้อมกับส่งสายตาที่เหมือนจะบอกว่า ‘คุณนี่รู้นิสัยฉันดีจริง ๆ’ “เยี่ยมเลย ผมกำลังออกแบบเสื้อผ้าชุดใหม่ ดังนั้นจึงกำลังมองหานางแบบมาลองใส่พอดี”

“โอ้ ช่างบังเอิญจริง ๆ ผมเองก็มีชุดที่อยากให้นางแบบลองเหมือนกัน งั้นตกลงตามนี้ เจอกันสองทุ่มคืนนี้?” โอบาไดอาห์วางแขนบนบ่าเอริคราวกับเป็นเพื่อนสนิท

“โอเคครับ เจอกันสอง . . .” เอริคยังพูดไม่ทันจบดี ทันใดนั้นมันก็มีเสียงเรียกเบา ๆ จากด้านหลังที่ทำให้เขาชะงัก

“ท่านประธานคะ มีเรื่องด่วนที่ท่านควรจะไปดูด้วยตัวเองเดี๋ยวนี้ค่ะ” เจนนิเฟอร์พูดขึ้นอย่างกะทันหันด้วยสีหน้าร้อนรนเล็กน้อย

เอริคขมวดคิ้วเล็กน้อยและหันกลับไปมองเจนนิเฟอร์ “มีเรื่องอะไร? คุณไม่เห็นเหรอว่าผมกำลังพูดเรื่องสำคัญกับคุณโอบาไดอาห์อยู่?”

“ฮ่าฮ่า เอริค อย่าโมโหใส่สาวสวยสิ แบบนั้นมันไม่สมกับเป็นสุภาพบุรุษเลยนะ!” โอบาไดอาห์ยิ้มพร้อมตบไหล่เอริคเบา ๆ “คุณไปจัดการธุระของคุณก่อนเถอะ เดี๋ยวเราค่อยคุยกันต่อทีหลัง”

“คุณโอบาไดย์ ผมต้องขอโทษด้วยจริง ๆ เดี๋ยวผมจะรีบกลับมา” เอริคพยักหน้าอย่างรู้สึกผิด ก่อนจะทำหน้าบึ้งตึงเดินตามเจนนิเฟอร์ไป

“เจนนิเฟอร์ มีเรื่องอะไรกันแน่?” เมื่อเดินมาถึงมุมที่ไม่มีใครอยู่ เอริคก็หันกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่นอย่างรวดเร็ว ราวกับเรื่องก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

แต่เจนนิเฟอร์ไม่มีเวลามาสนใจอารมณ์ของเอริคในตอนนี้ เธอหันมองไปรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ ๆ จากนั้นก็โน้มตัวกระซิบข้างหูของเอริค “นายพลรอสส์อยากพบคุณค่ะ!”

“นายพลรอสส์? เขามาทำอะไรที่นี่? แล้วทำไมต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แบบนี้ด้วย?” เอริคย่นจมูกอย่างไม่พอใจ

“ฉันก็ไม่ทราบค่ะ แต่ดูเหมือนเขาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ เขาแค่ให้ฉันมาบอกคุณให้ไปพบเขา”

เอริคเลิกคิ้วด้วยความสงสัยเล็กน้อย “ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”

“ที่ลานจอดรถใต้ดินค่ะ”

โปรดติดตามตอนต่อไป …

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด