ตอนที่แล้วบทที่ 179 ผู้เข้าแข่งขันชิงตำแหน่งจ้วงหยวน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 181 ฝนที่วิ่งตามคน

บทที่ 180 เส้นบาง ๆ ระหว่าง ใครแข็งแกร่ง ใครอ่อนแอ


บทที่ 180 เส้นบาง ๆ ระหว่าง ใครแข็งแกร่ง ใครอ่อนแอ

เฉินหยวนนั่งอยู่ในห้องสอบล่วงหน้าสามสิบนาที

มองไปรอบๆ ก็เห็นแต่ชุดนักเรียนจากโรงเรียนต่าง ๆ

มีเพียงไม่กี่คนที่ใส่ชุดธรรมดา ซึ่งดูโดดเด่นเป็นพิเศษ พวกเขาน่าจะเป็นคนท้องถิ่นหนิงเฉิงที่เดินทางมาจากบ้าน

ส่วนนักเรียนจากต่างเมืองส่วนใหญ่จะใส่ชุดนักเรียนเหมือนกันหมด เพราะแบบนั้นจะช่วยลดภาระให้กับอาจารย์ที่นำทีมได้มากทีเดียว

ในห้องสอบนี้ ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนจากโรงเรียนชื่อดัง แม้แต่โรงเรียนทดลองประจำจังหวัดซึ่งถือว่าด้อยกว่าเล็กน้อยก็มีอยู่ไม่กี่คน

โรงเรียนหมายเลข 11 งั้นเหรอ?

บ้าชัด ๆ โรงเรียนหมายเลข 11 ติดท็อป 20 ของจังหวัดเชียวนะ!

ส่วนโรงเรียนมัธยมปลายระดับท็อปอย่าง ไห่จง โรงเรียนหมายเลข 4 อีจง และโรงเรียนในเครือ ก็มีอย่างน้อยหนึ่งคน โดยเฉพาะไห่จง มีถึงสองคน

ก็จริงอยู่ ถึงจะเป็นคนท้องถิ่น แต่ชุดนักเรียนของไห่จงก็ให้ความรู้สึกเหนือกว่าและกดดันคนอื่นโดยธรรมชาติ ถ้าเป็นเฉินหยวน เขาก็คงไม่เปลี่ยนไปใส่ชุดธรรมดาเหมือนกัน

แต่โดยพื้นฐานแล้ว ก็ไม่รู้หรอกว่าพวกเขาเก่งแค่ไหน

มีแค่นักเรียนจากโรงเรียนหมายเลข 4 คนนั้นที่พอจะประเมินได้คร่าว ๆ

เขาติดป้ายสีชมพู แสดงว่าเป็นนักเรียนห้องทดลองของโรงเรียนหมายเลข 4 แต่ความสามารถทางคณิตศาสตร์ต้องแข็งแกร่งกว่าซินเป่ามากแน่ ๆ

เพราะเธอยอมรับเองว่า ผลการเรียนของเธออยู่ในระดับกลาง ๆ ค่อนไปทางแย่ในห้องของเธอ ถ้ามีการแข่งขันอะไร ยังไงก็ไม่มีทางถึงตาเธอ

แน่นอน ถึงจะรู้ว่าคน ๆ นี้มีความสามารถพอตัว เฉินหยวนก็ไม่ได้คิดจะใช้พลังจิต

เพราะการใช้พลังพิเศษที่อ่อนแอลงไปแล้ว มันทำร้ายร่างกายมากเกินไป

ลองให้อุจิวะ อิทาจิที่ป่วยหนักใช้เนตรวงแหวนกระจกเงาหมื่นบุปผาสามชั่วโมงดูสิ?

แบบนั้นคงตายคาที่แน่ ๆ (ผู้แปล: ไอ้คนเขียนกล้ามาดูหมิ่นท่านพี่อิทาจิได้ไง!!!)

ยิ่งไปกว่านั้น ในสถานการณ์แบบนี้ พลังจิตสู้พลังพิเศษอีกอย่างที่อ่อนแอลงไปแล้วไม่ได้แน่นอน

ตอนนี้ เหลือเวลาอีกสิบนาทีกว่าอาจารย์คุมสอบจะเข้าห้อง นักเรียนที่มาสอบส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักกัน ก็เลยไม่ค่อยได้คุยกัน

ถ้าชิวเมิ่งอยู่ล่ะก็ เธออาจจะดึงเขาไปคุยด้วย แต่โชคร้าย ที่นี่นอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีใครจากโรงเรียนหมายเลข 11 เลย

พักผ่อน เติมพลังให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

เฉินหยวนวางมือไขว้กันบนโต๊ะ กำลังจะเอามือเท้าคางแล้วนั่งสมาธิ ก็ได้กลิ่นยาดม

เฮ้อ กลิ่นแรง

เมื่อกี้เขาเพิ่งช่วยถังซือเหวินให้ "ตื่น" นานหนึ่งนาที ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะตื่นเต็มที่แล้ว แต่นั่นก็หมายความว่ายาดมที่มือของเขาก็ซึมเข้าไปในนิ้วจนหมดแล้ว

ยังเช้าอยู่ ไปล้างมือดีกว่า

คิดว่ายังมีเวลาเหลือเฟือ เฉินหยวนจึงลุกขึ้น เดินออกจากห้องสอบ

แล้วตอนนั้นเอง ก็พอดีกับที่ถังซือเหวินเดินออกมาจากห้องสอบ เขาจึงชิงทักทายก่อนว่า "เป็นไงบ้าง?"

"ดีขึ้นเยอะแล้ว" ถังซือเหวินพยักหน้า พยายามทำตัวให้ดูสบาย ๆ แล้วพูดว่า "รู้สึกว่าอาการเมารถหายไปหมดแล้วล่ะ"

"เธอ...มีเรื่องไม่สบายใจรึเปล่า?" เฉินหยวนรู้สึกว่าเธอดูฝืน ๆ

คำถามนี้ทำให้ถังซือเหวินถึงกับพูดไม่ออก

เธอก็มีเรื่องไม่สบายใจจริง ๆ นั่นแหละ

เมื่อกี้ตอนที่เฉินหยวนจับตัวเธอ ชิวเมิ่งดันมาเห็นเข้าพอดี ความสัมพันธ์ของเธอกับชิวเมิ่งก็ไม่ได้ดีขนาดนั้น ถ้าเกิดข่าวนี้รั่วออกไปล่ะก็ เฉินหยวนซวยแน่ ๆ

ถึงจะไม่เลิกกัน แต่เฉินหยวนก็ต้องโดนดุแน่ ๆ ...

ตอนนี้ มีทางเลือกอยู่สองทาง

หนึ่ง แผน B กำจัดชิวเมิ่งซะ

แต่นั่นมันผิดกฎหมาย

สอง พยายามสนิทกับชิวเมิ่ง แล้วก็สืบหาความลับของเธอมาบ้าง แบบนั้นก็จะคานอำนาจกันได้...

"เอ่อ...ฉันจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วเธอล่ะ?"

"ฉันก็จะไปเข้าห้องน้ำเหมือนกัน" ถังซือเหวินตอบ

ทั้งสองคนจึงเดินไปที่ห้องน้ำด้วยกัน ถังซือเหวินเข้าห้องน้ำหญิง ส่วนเฉินหยวนก็ไปที่อ่างล้างมือ ล้างยาดมออกจากมือ

ว่าแต่...ท่านเปาบุ้นจิ้นคนนั้น คงไม่คิดว่าฉันจะฉวยโอกาสลวนลามเธอตอนจับตัวเธอหรอกนะ?

แต่ฉันเป็นห่วงจริง ๆ นะ กลัวเธอจะสอบตกนี่นา

ฉันสาบานได้เลยว่า นี่เป็นแค่ความหวังดีของเพื่อนร่วมชั้นล้วน ๆ

ส่วนถังซือเหวิน เธอก็น่าจะเป็นคนเปิดเผยนะ...

ตอนนั้น หลังจากที่เธอสังเกตการณ์อยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เองด้วยซ้ำ

ไม่ป้องกันตัวจากฉันเลย

หรือจะพูดว่า ไม่มีความ "ต่อต้าน" ในฐานะเพศตรงข้ามแม้แต่น้อย

คราวหน้าเรื่องแบบนี้ก็อย่าทำบ่อยนักเลย เข้าตำราเก็บลูกท้อใต้ต้นพลัม เดี๋ยวจะเกิดการเข้าใจผิดได้

"เฉินหยวน"

ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น

เฉินหยวนหันไปมอง เห็นว่าหลิวเฉิงซีเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำชาย แล้วก็มายืนล้างมือข้าง ๆ เขา เขาจึงยิ้มทักทาย "อ้าว มาปล่อยน้ำเหรอ?"

"..." หลิวเฉิงซีไม่ได้ตอบคำพูดหยาบคายนั้น เขายังคงคิดถึงเรื่องนั้นอยู่ ตอนนี้สืออี๋ไม่อยู่ เขาจึงถามตรง ๆ ว่า "นายทำข้อสอบเสร็จภายในสองชั่วโมง หรือว่าทำได้แค่ 106 คะแนน?"

"ไม่รู้สิ ยังไงก็ไม่ได้ทำข้อหลัง ๆ อยู่แล้ว" เฉินหยวนพูดอย่างไม่ใส่ใจ

"..."

ไม่ได้ทำบางข้อ นั่นก็หมายความว่า ข้อที่ทำทั้งหมดถูกหมด ถึงได้คะแนนเต็ม

ทำข้อสอบพวกนั้นเสร็จภายในสองชั่วโมง...

ถึงแม้ว่าตัวเขาเองก็ทำได้ แต่ในเมื่อเฉินหยวนมีความสามารถขนาดนั้น ทำไมไม่ทำจนครบทุกข้อล่ะ?

การได้คะแนนเต็มแบบนี้ ไม่มีความน่าดึงดูดใจสำหรับเขาเลยเหรอ?

หลิวเฉิงซีนั้นต่างออกไป

เขาพยายามจะเป็นที่หนึ่งมาตั้งแต่เด็ก ๆ ดังนั้นตอนที่สอบเข้ามัธยมปลาย เขาถึงเลือกอีจง ถึงแม้ว่าบ้านของเขาจะอยู่ใกล้โรงเรียนหมายเลข 4 มากกว่าก็ตาม

ที่ 1 น่ะ สำคัญมาก

"ครั้งนี้ก็จะกั๊กคะแนนอีกเหรอ?" หลิวเฉิงซีถาม

"แน่นอนว่าไม่ ครั้งที่แล้วต้องรีบไปขึ้นรถไฟ เลยทำไม่ทัน ครั้งนี้ ฉันจะเขียนจนถึงนาทีสุดท้ายเลย" เฉินหยวนพูดพร้อมกับยิ้ม

"ดูเหมือนว่า นายจะไม่ค่อยสนใจคณิตศาสตร์นะ" หลิวเฉิงซีถาม

"ใครจะไปสนใจการเรียนกันล่ะ?"

"ฉัน" หลิวเฉิงซีตอบอย่างจริงจัง

เฉินหยวน: "..."

เจ๋ง

"นายมาแข่งนี่ แค่เพื่อจะเอาคะแนนพิเศษเหรอ?" หลิวเฉิงซีถามอย่างสงสัย

ถ้าสอบได้คะแนนเต็ม นั่นก็แสดงว่ามีความสามารถติดท็อป 5 ของเมืองเซี่ยงไฮ้ แล้วคณิตศาสตร์ไม่ต้องพูดถึงท็อป 5 แค่ติดท็อป 20 ก็เข้าโครงการเฉียงคุนได้แล้ว คะแนนพิเศษแบบนั้นไม่เยอะกว่าเหรอ?

"คือ...คะแนนสอบของแฟนฉันสูงกว่าฉันประมาณสิบกว่าคะแนน มีสิบคะแนนนี้ ไล่ตามเธอก็ง่ายขึ้นหน่อย" พูดจบ เฉินหยวนก็เช็ดมือเปียก ๆ กับเสื้อผ้า แล้วเตรียมตัวจะออกไป

แต่ในตอนนั้น ถังซือเหวินที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ก็ยื่นกระดาษทิชชู่ให้เขา

"ขอบคุณนะ"

เฉินหยวนรับกระดาษมาเช็ดมือ

แล้วถังซือเหวินก็มายืนล้างมือข้าง ๆ เขา

ไม่แปลกใจเลยที่เป็นคนรักแฟนขนาดนี้ แฟนก็น่ารักขนาดนั้น...

หลิวเฉิงซีดูออกแล้วว่าอะไรคือแรงผลักดันของเฉินหยวน

ไม่ใช่เพราะชอบเอาชนะ หรือชอบเรียนหนังสือ แต่เป็นเพราะอยากเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกับแฟน

แต่แฟนของนายก็อยู่ในห้องสอบเหมือนกันนะ ถ้าเธอได้คะแนนพิเศษ ก็จะสูงกว่านายไปอีกสิบกว่าคะแนนไม่ใช่เหรอ?

แปลกคน

"คนที่ได้คะแนนเต็มในการแข่งขันรอบสุดท้ายมีน้อยมาก"

หลิวเฉิงซีมองเฉินหยวน แล้วเอ่ยท้าทาย "ในเมื่ออุตส่าห์เดินทางมาจากเซี่ยงไฮ้ ก็ตั้งใจทำให้เต็มที่หน่อยสิ มาแข่งกันหน่อยไหม แต่ไม่มีเดิมพันอะไรนะ"

ครั้งที่แล้วเป็นเพราะคะแนนเต็มแค่ 120 ไม่มีความท้าทายเลย

แต่ตอนนี้ ความยากของข้อสอบเพิ่มขึ้นแล้ว เกณฑ์การชนะก็คือใครที่ได้คะแนนใกล้เคียงกับคะแนนเต็มมากที่สุด

ฉันชนะพวกเด็กเทพน่ะเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว

แต่เจ้าเด็กประหลาดที่ไม่เข้าร่วมการสอบรอบสองคนนี้ ฉันก็จะบังคับให้นายทุ่มสุดตัวเหมือนกัน

"ตกลง บาย"

เฉินหยวนโบกมือลาเขา แล้วก็เดินจากไปพร้อมกับถังซือเหวิน

ส่วนหลิวเฉิงซี ถึงแม้ว่าจะเดินไปทางเดียวกัน แต่ถ้าเดินตามไปตอนนี้ก็อาจจะทำลายบรรยากาศ ดังนั้นจึงรอให้อีกฝ่ายเดินไปไกลก่อน ค่อยกลับเข้าห้องสอบ...

"รู้จักกันเหรอ?"

"ไม่รู้จัก แต่เป็นเด็กหนุ่มอวดดีที่น่าสนใจดี"

"จริงด้วย" ถังซือเหวินก็คิดว่าอีกฝ่ายดูเพี้ยน ๆ แต่เธอก็พอจะเข้าใจ จึงพยักหน้าแล้วพูดว่า "คณิตศาสตร์ของฉันได้ที่หนึ่งมาตลอดเลยนะ หลังจากที่นายแซงหน้าฉันครั้งที่แล้ว ฉันก็เริ่มสนใจผลการเรียนของนายมากขึ้น"

"หา? สนใจขนาดนั้นเลยเหรอ?" เฉินหยวนรู้สึกประหลาดใจ เขาคิดว่าเธอเป็นคนง่าย ๆ สบาย ๆ ซะอีก

"อืม" ถังซือเหวินไม่ปิดบังความรู้สึก แล้วพูดว่า "ฉันไม่มีความสามารถพิเศษอะไร ร้องเพลงก็ไม่เพราะ มีดีแค่เรียนหนังสือ ดังนั้น ถ้าเรื่องเรียนยังทำได้ไม่ดีที่สุด...ก็จะรู้สึกด้อยค่า"

ด้อยค่าบ้าอะไรของเธอเนี่ย?

ถึงเธอจะเรียนไม่เก่ง แต่เธอก็ยังมีหน้าตาสวย ๆ ไง

"งั้นเขาก็คงอยากได้ที่ 1 มาก ๆ เลยสินะ ถึงได้จริงจังกับการสอบทุกครั้ง อยากจะเอาชนะทุกคนให้ได้" เฉินหยวนเข้าใจขึ้นมาทันที

เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูห้องสอบ ถังซือเหวินก็หยุด แล้วชูนิ้วโป้งให้เฉินหยวนพร้อมกับพูดว่า "เฉินหยวน เอาชนะเขาให้ได้นะ"

"...ฉันว่าโอกาสที่ฉันจะกำจัดเหอหงเทาได้น่าจะมากกว่านะ"

โธ่เว้ย คนอื่นเขาไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังฉัน เลยอวยฉันซะเว่อร์วัง

เธอก็รู้นี่ว่าฉันติด 100 อันดับแรกแบบเฉียดฉิว ทำไมถึงมั่นใจในตัวฉันขนาดนั้นล่ะ?

"สู้ ๆ นะ"

"อืม เธอเองก็สู้ ๆ นะ"

เฉินหยวนกำลังจะเดินออกไป ถังซือเหวินก็กำมือยื่นมาหาเขา แล้วอธิบายตอนที่เขาทำหน้างงว่า "ครั้งที่แล้วตอนดูนายเล่นบาส ฉันเห็นนายทำท่านี้กับหูซื่อฉี"

"อืม"

เขากำมือชนกำปั้นเล็กๆ ของถังซือเหวินเบา ๆ

จากนั้น ทั้งสองคนก็กลับไปที่ห้องสอบของตัวเอง

หลังจากที่คุยกับหลิวเฉิงซีเมื่อกี้ ในใจของเฉินหยวนก็มีไฟที่ไม่รู้ชื่อลุกโชนขึ้นมา

คนแบบสืออี๋ ทั้งที่ดูเป็นคนถ่อมตัวเรียบง่าย แต่พลังจิตกลับมองออกได้ในพริบตา แล้วยังรู้สึกนับถือเขาอีก

หลิวเฉิงซีที่อีจง ก็น่าจะเป็นที่ยอมรับแบบนั้นเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังหน้าตาหล่อเหลา คงจะมีแฟนคลับเยอะกว่า

นี่แหละคือ "ใคร ๆ ก็รู้จักท่าน" ฉบับโรงเรียนมัธยม

ถ้าเขาไม่ได้ส่งข้อสอบก่อนเวลาตั้งหนึ่งชั่วโมงในครั้งก่อน เขาก็คงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้รับความสนใจจากตัวเต็งผู้ชิงตำแหน่งจ้วงหยวนสองคนนั้น

ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้เข้าร่วมบทสนทนาระดับนั้น ในฐานะนักเรียนโรงเรียนหมายเลข 11 ธรรมดา ๆ

การพบกันของศิษย์พี่ใหญ่แห่งสามสำนักใหญ่บนทางเดิน ได้หว่านเมล็ดพันธุ์ไว้ในใจของเฉินหยวน

วันหนึ่ง เขาก็อยากจะเป็นแบบนั้นบ้าง--

อยากให้ใคร ๆ ก็รู้จักฉัน

ในช่วงเวลาอีกหนึ่งปีครึ่งที่เหลือ ตัวเขาที่มีพลังพิเศษ ก็ควรจะมีความทะเยอทะยานนั้น-- จุดสูงสุดของเซี่ยงไฮ้ จ้วงหยวนสายวิทย์

สามนาทีต่อมา อาจารย์คุมสอบก็เดินถือข้อสอบเข้ามา

จากนั้น ก่อนสอบห้านาที ข้อสอบก็ถูกแจกจ่ายไปยังทุกคน

"ตอนนี้เป็นเวลาตรวจทานข้อสอบ โปรดอย่าเพิ่งลงมือเขียน รอจนกว่าจะเริ่มการสอบแล้ว ค่อยลงมือเขียน" อาจารย์คุมสอบเตือนอย่างเคร่งขรึม

เฉินหยวนกวาดตามองข้อสอบพวกนี้ ใจก็เต้นแรง

โอ้โห ยากกว่ารอบคัดเลือกครั้งที่แล้วอย่างน้อยสองระดับ!

ไม่แปลกใจเลยที่หลิวเฉิงซีจะบอกว่าข้อสอบครั้งนี้สวยงามมาก

เฉินหยวนมองไม่ออกถึงความสวยงามของสูตรและโครงสร้าง เขารู้แค่ว่ามันยากกว่าข้อสอบที่เขาทำเมื่อคืนนี้จริง ๆ

งั้น คะแนนรอบนี้ต้องต่ำกว่าปีที่แล้วแน่ ๆ

มีข้อไหนทำได้บ้าง?

มี แต่แค่ประมาณ 40% เท่านั้น

ถ้าเก็บคะแนนพวกนี้ได้ทั้งหมด ก็น่าจะได้ 48 คะแนน

ยังขาดอีกหน่อยกว่าจะถึง 60 คะแนน ซึ่งเป็นเกณฑ์ผ่านระดับจังหวัด

แน่นอน อีก 60% ที่เหลือก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลย

หนึ่งเดือนครึ่งที่ผ่านมา เฉินหยวนตั้งใจเรียนมาก บวกกับการฟังเสียงในใจของเหล่าเด็กเรียนหลายต่อหลายครั้ง เรียนแบบวิธีคิดแก้โจทย์แบบใกล้ชิด ข้อสอบระดับกลาง ๆ ที่ยากหน่อย เขาก็พอจะลองทำดูได้

แต่น่าเสียดาย การแข่งขันคณิตศาสตร์ไม่มีข้อสอบแบบช้อยส์ ไม่งั้นเขาก็ใช้วิธีนั้นได้แล้ว

ในส่วนคำตอบ ถ้าเลือกถูก ความคืบหน้าก็จะขึ้น 100 แต่ถ้าเลือกผิด ความคืบหน้าก็จะเป็น 0

พลังพิเศษที่สะดวกและมีประสิทธิภาพขนาดนี้ ทำไมไม่ใช้ในการสอบภาษาอังกฤษล่ะ?

พลังงานไม่พอ

ข้อสอบภาษาอังกฤษมี 100 คะแนน ข้อสอบช้อยส์ 70 ข้อ บวกกับส่วนที่ต้องลองผิดลองถูก ถ้าใช้พลังพิเศษ ถ้าโชคร้ายก็อาจจะต้องใช้ถึงสองร้อยครั้ง

ใช้พลังพิเศษที่อ่อนแอลงไปแล้วถึงสองร้อยครั้ง เฉินหยวนอาจจะล้มพับในห้องสอบ ถึงตอนนั้น อย่าว่าแต่จะกรอกกระดาษคำตอบเลย อาจจะได้ศูนย์คะแนน โดนหามออกไปอย่างมีความสุข

การใช้พลังพิเศษแถบความคืบหน้า ในการสอบแต่ละวิชา ไม่ควรใช้เกิน 25 ครั้ง

นั่นก็หมายความว่า ข้อไหนที่พอจะเขียนได้ ก็ควรพยายามเขียนเองให้เต็มที่

ทันใดนั้น เสียงกริ่งก็ดังขึ้น

เฉินหยวนจึงทำตามแผนที่วางไว้ จัดการเก็บ 40% แรกให้เรียบร้อย ด้วยความเร็วสูงสุด!

สมกับเป็นข้อสอบรอบสุดท้าย ช่างงดงามจริง ๆ เฉินหยวนใช้ตาสแกนข้อสอบง่าย ๆ พวกนี้ แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า--สมบูรณ์แบบ

ข้อสอบพวกนี้ถึงจะบอกว่าง่าย แต่ก็แค่พูดในเชิงเปรียบเทียบ ถ้าอยู่ในข้อสอบคณิตศาสตร์ของการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ก็เป็นข้อสอบระดับกลาง ๆ ที่ยาก ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นข้อสอบแบบฉบับ ต้องใช้ไหวพริบเล็กๆ น้อย ๆ ถึงจะทำได้

ส่วนไหวพริบพวกนี้ เฉินหยวนที่มีพื้นฐานอยู่แล้วก็มี

ดังนั้น เขาจึงใช้เวลาหนึ่งชั่วโมง ทำ 40% ที่ "ง่าย" เสร็จ

ท้าทายมาก...

ตอนที่เขาแข่งรอบคัดเลือก หนึ่งชั่วโมงก็ทำได้เกินครึ่งแล้ว

ต่อไป ก็เป็นข้อสอบระดับกลาง ๆ 25% ที่เฉินหยวนเลือกไว้ ซึ่งต้องใช้สมองคิด

ข้อสอบแบบนี้ อย่างน้อยต้องมีสองขั้นตอนขึ้นไป นั่นก็คือ เมื่อแยกย่อยออกมาแล้ว อย่างน้อยก็ต้องใช้ความรู้สองเรื่อง

โดยเฉพาะขั้นตอนแรก สำคัญอย่างยิ่ง

ตอนที่เฉินหยวนกำลังทำข้อสอบข้อหนึ่ง หลังจากที่เขาทำไปได้ครึ่งหนึ่ง แล้วจะทำขั้นตอนต่อไป เขาก็ใช้แถบความคืบหน้า

สิ่งที่ปรากฏขึ้นก็คือ 55%!

นั่นก็หมายความว่า ครึ่งแรกเสร็จแล้ว และทิศทางที่เลือกสำหรับความรู้เรื่องที่สองก็ไม่มีปัญหา

หลังจากนั้น เฉินหยวนก็ทำแบบนี้ เขียนส่วนที่เขียนได้ออกมา จากนั้นก็ลองทำต่อไปข้างหน้า ถ้าแถบความคืบหน้าไม่ขยับเลย นั่นก็คือคิดผิด ใช้วิธีผิด แต่ถ้าขยับเร็ว ก็แสดงว่ากำลังจะจับประเด็นสำคัญได้แล้ว ถ้าขยับช้า นั่นก็หมายความว่าไม่ได้ใช้วิธีที่ดีที่สุด

มีตัวช่วยแบบนี้นำทาง เฉินหยวนก็ค้นพบว่า วิธีคิดแก้โจทย์ของเขาก็เปิดกว้างขึ้นในระหว่างนั้น

แค่รู้ว่าขั้นตอนนี้มีประโยชน์ เขาก็สามารถเชื่อมโยงความรู้เล็กๆ น้อย ๆ เข้าด้วยกัน กลายเป็นเส้นตรง

สองชั่วโมงผ่านไป

เขาทำ 65% เสร็จแล้ว

และมั่นใจว่าถูกต้องแน่นอน

วิชาคณิตศาสตร์เป็นแบบนี้แหละ ตราบใดที่คุณคิดว่าถูกต้อง ใช้เงื่อนไขทั้งหมดแล้ว ก็ต้องถูกต้องแน่นอน

นั่นก็หมายความว่า...

อย่างน้อยก็ได้แปดสิบคะแนนแล้ว

จริง ๆ แล้วคะแนนขนาดนี้เกินเกณฑ์ผ่านระดับจังหวัดไปไกลแล้ว

ดูจากความยากขนาดนี้ มีลุ้นระดับสองด้วยซ้ำ

ถ้าส่งข้อสอบตอนนี้ ก็จะดูเท่ไปเลย

แต่ทำแบบนั้นครั้งหนึ่งได้ ครั้งที่สอง คนก็จะคิดว่าแค่ทำข้อที่ทำได้เสร็จแล้วก็เท่านั้น

ดูเหมือนจะส่งข้อสอบก่อนเวลาหนึ่งชั่วโมง แต่จริงๆ แล้วก็เหมือนกับยอมแพ้ข้อสอบยาก ๆ โดยตรง

ดังนั้น ในเมื่อยังมีเวลาอีกหนึ่งชั่วโมง ก็มาลองท้าทายดูหน่อยแล้วกัน!

เมื่อกี้เพิ่งใช้พลังพิเศษไปไม่ถึงสิบครั้งเอง

อย่างน้อยเขาก็ยังเหลืออีกสิบห้าครั้ง

หรือจะพูดอีกอย่างก็คือ ฝืนใช้พลังอีกหน่อย ใช้เพิ่มอีกยี่สิบครั้ง

งั้นก็ลุยเลย!

เริ่มใช้พลังพิเศษแถบความคืบหน้าตั้งแต่ขั้นตอนแรก--

เวลาผ่านไปทีละนาที

พลังงานของเฉินหยวนก็ค่อย ๆ ถูกใช้ไปในระหว่างนั้น

ตั้งแต่เริ่มลงมือเขียน เขาก็ไม่เคยหยุดเลยแม้แต่วินาทีเดียว

เพราะเวลาที่เสียไปกับการทำผิด ถือเป็นกระบวนการคิดตามปกติ

เหงื่อหยดลงบนกระดาษเป็นหยด ๆ

เหลือเวลาอีกห้านาทีก็จะหมดเวลาสอบ แต่เขายังทำข้อสอบข้อสุดท้ายไปได้แค่ขั้นตอนรองสุดท้าย

พลังงานถึงขีดจำกัดแล้ว

ทุกขั้นตอนที่เขียนต่อไป เขารู้สึกเหมือนกำลังเผาผลาญเลือดเนื้อ

เยี่ยม เขียนสมการออกมาได้แล้ว!

คำตอบเท่ากับเท่าไหร่ ไม่มีเวลาคิดแล้ว...

ทันใดนั้น เสียงกริ่งหมดเวลาก็ดังขึ้น

ใจของเฉินหยวนก็เต้นแรง

ความคืบหน้า 65%

ข้อสอบใหญ่ 20 คะแนนข้อนี้ เขียนมาถึงตรงนี้ ได้แค่ 13 คะแนน

แต่ถ้าเขียนคำตอบออกมา ก็จะกลายเป็น 75% ได้ 15 คะแนน!

"ผู้เข้าสอบกรุณาวางปากกา อย่าเขียนต่อแล้ว"

หลังจากที่อาจารย์คุมสอบพูดจบ ในห้องสอบก็มีเสียงถอนหายใจเบา ๆ ดังขึ้นพร้อมกัน ราวกับว่าออกมาจากใจ

ไม่ทันแล้ว น่าจะเป็นแบบนี้แหละ!

1

70%?

เขียนถูกแล้ว!

ไม่สิ ถ้าเขียนขั้นตอนนี้ออกมา น่าจะเป็น 75% ถึงจะถูก

"ผู้เข้าสอบกรุณาวางปากกา อย่าเขียนต่อแล้ว!"

ท่ามกลางความตึงเครียด เฉินหยวนก็เติมเส้นตรงข้างใต้เครื่องหมาย >

≥1

75%!

ตอนนี้ เฉินหยวนหยุดมือ

เพราะเขาได้ยินเสียงฝีเท้าของอาจารย์แล้ว

แต่พอเงยหน้าขึ้น ก็พบว่าไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่ยังเขียนต่อ

เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

ข้อสอบ 120 คะแนน เขายังเหลืออีก 5 คะแนนสุดท้ายที่ไม่ได้ทำ...

ไม่ได้ทำเลยจริง ๆ

ฉันใช้พลังพิเศษไปตั้ง 36 ครั้ง...

แต่ก็ยังทำไม่เสร็จ

ทำไม่เสร็จ...

ทำไม่เสร็จจริง ๆ !

หลิวเฉิงซีร้อนใจมาก เพราะหลังจากเสียงกริ่งดังขึ้น เขาก็เพิ่งทำข้อสอบใหญ่ 20 คะแนนไปได้แค่ขั้นตอนรองสุดท้าย >1

ถ้าให้เวลาเขาอีกสิบนาที เขาอาจจะได้คะแนนเต็มก็ได้

น่าเสียดายจริง ๆ

แต่นี่แหละ การแข่งขัน

ถึงแม้ว่าเขาจะทำเร็วมากแล้ว แต่ก็ไม่สามารถคว้าชัยชนะอย่างท่วมท้นในการสอบครั้งนี้ได้

ได้แค่บอกว่า ในสถานการณ์แบบนี้ ผู้เข้าสอบที่ทำข้อสอบได้เร็ว จะมีข้อได้เปรียบอยู่บ้าง

เฉินหยวน มีข้อได้เปรียบ

สืออี๋ ผู้ชายคนนั้น ลึกลับมาก ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง!

"เก็บข้อสอบแล้ว อย่าเขียน"

หลังจากที่อาจารย์พูดจบ สืออี๋ก็เงยหน้าขึ้น ไม่แตะต้องข้อสอบอีก

จากนั้น ก็เปิดกระติกน้ำเก็บความร้อน ดื่มน้ำ

ความรู้สึกตึงเครียดก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลง

การสอบครั้งนี้ยากจริง ๆ

แม้แต่ตัวเขาเอง

หลังจากทำข้อสอบทั้งหมดเสร็จ ก็เหลือเวลาตรวจทานแค่สามนาที...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด