ตอนที่ 767 การได้เกิดมาเป็นลูกหลานของ บอสเย่ นี่มันโชคดีสุดๆ
ลองคิดอย่างอนุรักษ์นิยม สมมติว่า 100 ปีมี 4 รุ่น
หาก บอสเย่ สามารถใช้จ่ายแบบนี้ได้ 200-300 ปี เท่ากับว่าทรัพย์สินของเขาสามารถเลี้ยงดูได้ถึง 10 รุ่น!
ถ้าหาก บอสเย่ หยุดทำงานตั้งแต่วันนี้..
ตั้งแต่รุ่นของเขา ไปจนถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน รุ่นเหลน…
พวกเขาเหล่านี้แทบไม่ต้องดิ้นรนหาเลี้ยงชีพอีกเลย
การได้เกิดมาเป็นลูกหลานของ บอสเย่ นี่มันโชคดีสุดๆ!
บอสเย่ ยอดเยี่ยมเกินไปจริงๆ!
สายตาของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึง และชื่นชม เย่เฉิน
ที่แท้ในบรรดาคนทั้งหมดในที่นี้ คนที่ทรัพย์สินมากที่สุดกลับเป็น บอสเย่ ..ชายหนุ่มคนนี้เอง
ส่วนเศรษฐีรูปร่างอ้วนพุงย้วยที่ถามคำถาม เย่เฉิน ไปในตอนแรก หวังจะหาจุดเด่น(แสง)ให้ตัวเอง
กลับกลายเป็นนิ่งอึ้งไปหมด
เหมือนเขาเพิ่งทำเรื่องที่โง่เง่าสุดๆ ด้วยการเอาหินมาทุ่มใส่เท้าตัวเอง
บอสเย่ ไม่ใช่คนที่มีทรัพย์สินที่ใช้จ่ายได้แค่ไม่กี่ปี หรือไม่กี่สิบปี
แต่เป็นคนที่สามารถใช้จ่ายได้ถึงหลายร้อยปี!
นี่……
เศรษฐีรูปร่างอ้วนรู้สึกสั่นสะท้านในใจ และไม่กล้าหันไปสบตากับใคร
เขาที่ใช้เวลา 20 ปีสะสมทรัพย์สิน แต่ทั้งหมดยังไม่ถึงหนึ่งในสิบของ บอสเย่ เลยด้วยซ้ำ
เขาพลันรู้สึกตลกในความคิดอันตื้นเขินของตัวเอง
เศรษฐีรูปร่างอ้วนได้แต่นั่งก้มหน้าเงียบๆ
“บอสเย่ นี่สุดยอดจริงๆ”
“ยังหนุ่มยังแน่น แต่ประสบความสำเร็จมากขนาดนี้”
เศรษฐีคนอื่นๆ เริ่มชื่นชม และพยายามทำความรู้จักกับ เย่เฉิน
แต่แน่นอน การพูดคุยแบบนี้ไม่สามารถเชื่อได้ทั้งหมด
ในความเป็นจริง หากลูกหลานในอนาคตของ เย่เฉิน มีจำนวนมาก หรือเกิดมีบางคนฟุ่มเฟือยใช้จ่ายแบบไม่ยั้ง เช่นเดียวกับเรื่องราวของ เหล่าหลิว ที่พูดถึงไปเมื่อครู่นี้
ไม่แน่ว่าทรัพย์สินที่ว่าอาจอยู่ได้ไม่นานขนาดนั้น
หลังจากพูดคุยกันไปสักพัก ทุกคนเริ่มคิดว่าเรื่องนี้ดูแปลกๆ
ตอนแรกพวกเขาตกใจกับคำพูดของ เย่เฉิน จนไม่ได้คิดไตร่ตรอง
แต่พอมาคิดดูดีๆ อีกที ชายหนุ่มอายุราว 20 ปี จะมีทรัพย์สินมากขนาดนั้นที่สามารถใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายได้ถึง 300 ปีจริงหรือ?
แม้กระทั่งตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศ หรือนักธุรกิจจากตระกูลมหาเศรษฐี
ก็แทบจะไม่มีใครมีทรัพย์สินระดับนั้นเลย
เว้นเสียแต่ว่าเขาจะเป็นทายาทของตระกูลที่ร่ำรวยระดับโลกอย่างตระกูลร็อคกี้เฟลเลอร์ หรือมอร์แกน เช่นนั้นบางทีก็อาจเป็นไปได้..
แต่ บอสเย่ คนนี้ไม่น่าจะเป็นคนในตระกูลระดับนั้น
พวกเขาจึงเริ่มสงสัยว่า เย่เฉิน อาจจะพูดเกินจริงเพื่อเรียกร้องความสนใจ
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ เย่เฉิน เป็นแขกของ เหยียน สวี่คง พวกเขาจึงไม่ได้แสดงความเห็นค้านออกไปแบบตรงๆ
แต่ในใจของใครหลายคนกลับรู้สึกดูถูก เย่เฉิน ไม่น้อย
เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แขกที่มาร่วมงานก็เพิ่มขึ้น
ถึงเวลาเริ่มเตรียมจัดที่นั่งสำหรับโต๊ะอาหาร
งานวันนี้มีเศรษฐีมาร่วมงานมากมาย จัดได้ถึง 4 โต๊ะ(แถว)
คนที่รับผิดชอบจัดที่นั่งคือ ซ่ง กงหง หนึ่งในเศรษฐีที่พูดคุยกับ เย่เฉิน ก่อนหน้านี้
ซ่ง กงหง จัดเตรียมที่นั่งตามฐานะ และทรัพย์สินของแขกที่มาร่วมงาน
เหยียน สวี่คง ถูกจัดให้อยู่โต๊ะที่ 1 ซึ่งเป็นโต๊ะที่ทรงเกียรติที่สุดที่โดดเด่นที่สุดเช่นกัน
ตามปกติ แขกที่ เหยียน สวี่คง เชิญมาควรจะได้นั่งโต๊ะเดียวกับเขา
แต่ ซ่ง กงหง ที่มั่นใจว่า เย่เฉิน พูดโกหก กลับจัด เย่เฉิน ให้นั่งโต๊ะแถวที่ 2 แทน
ถึงแม้เขาอยากจัด เย่เฉิน ให้ไปนั่งโต๊ะสุดท้าย แต่เพื่อให้เกียรติ เหยียน สวี่คง เขาจึงยอมลดหย่อนให้นั่งโต๊ะแถวที่ 2
เมื่อเห็นการจัดเตรียมที่นั่งของ ซ่ง กงหง เหยียน สวี่คง ก็แสดงความไม่พอใจทันที
เหยียน สวี่คง ตั้งคำถามกับ ซ่ง กงหง ว่าทำไมถึงจัดที่นั่งให้ บอสเย่ ไปนั่งที่โต๊ะแถวที่สอง
ซ่ง กงหง ยิ้มพลางตอบว่า บอสเย่ ยังเด็กเกินไป หากให้นั่งโต๊ะแถวหนึ่งก็ดูไม่เหมาะสม ดังนั้นเขาจึงจัดเตรียมให้เขาไปที่นั่งโต๊ะแถวสองแทน
เมื่อเห็นฉากนี้ เศรษฐีรูปร่างอ้วน และคนอื่นๆ ที่คิดว่าคำพูดของ เย่เฉิน ก่อนหน้านี้เป็นเรื่องโกหก ต่างพากันหัวเราะเยาะในใจ
“เอาล่ะ คุณเหยียน ใจเย็นหน่อย แขกคนสำคัญกำลังจะมาถึงแล้ว”
เมื่อ เหยียน สวี่คง ยังคงเถียงอยู่ มีแขกคนหนึ่งพูดขึ้น
วันนี้แขกส่วนใหญ่มากันครบแล้ว ยกเว้นคนสำคัญที่สุด ซึ่งเป็นแขกผู้ทรงเกียรติที่สุดในงาน
แอ๊ด!
ประตูห้องจัดเลี้ยงถูกเปิดออก แขกคนสำคัญเดินเข้ามา
ทันทีที่แขกคนสำคัญมาถึง แม้แต่ เหยียน สวี่คง ที่ยังไม่พอใจ ก็ยังต้องสงบปากสงบคำ
“คุณไช่ เชิญครับ”
“เชิญที่โต๊ะครับ”
ซ่ง กงหง รีบเข้าไปต้อนรับ และกล่าวเชิญแขกคนสำคัญ ‘คุณไช่’ ไปนั่งที่โต๊ะที่ทรงเกียรติที่สุดในแถวแรก
“ถ้าอย่างนั้น แซ่ไช่ผู้นี้ไม่เกรงใจแล้วนะ”
คุณไช่ นั่งลงด้วยท่าทางสง่างาม
หลังจากนั้น ซ่ง กงหง รีบยกแก้วไวน์ขึ้นเพื่อจะดื่มอวยพรให้กับ คุณไช่
แต่ก่อนที่ ซ่ง กงหง จะยกแก้ว คุณไช่ กลับลุกขึ้นทันที พร้อมถือแก้วไวน์ในมือ
เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนในงานต่างตกตะลึง ไม่เข้าใจว่า คุณไช่ กำลังจะทำอะไร
ทันใดนั้น ภายใต้สายตาของทุกคน คุณไช่ เดินตรงเข้าไปหา เย่เฉิน
“บังเอิญเหลือเกิน คิดไม่ถึงว่าจะเจอ คุณเย่ ที่นี่”
“แซ่ไช่ขอดื่มให้กับ คุณเย่ สักแก้ว”
คุณไช่ พูดอย่างสุภาพขณะยกแก้วไวน์เพื่อดื่มให้กับ เย่เฉิน
แขกคนสำคัญผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือ ไช่ ซิงหยวน พ่อของ ไช่ เฟยลี่!
การที่ คุณไช่ ผู้ทรงเกียรติถึงเพียงนี้ เดินมาดื่มให้กับชายหนุ่มคนหนึ่ง…
นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่หรือ?
ทุกคนในงานต่างอึ้งไปตามๆ กัน โดยเฉพาะ ซ่ง กงหง และเศรษฐีรูปร่างอ้วนที่เคยดูถูก เย่เฉิน ที่ต่างก็มีใบหน้าสยดสยองอย่างมาก
“คุณเย่ อ่า.. ท่านนี้ใช่ คุณจ้าว หรือเปล่า? รบกวนช่วยสลับที่นั่งกับฉันสักครู่ได้ไหม?”
คุณไช่ หันไปพูดกับเศรษฐีที่นั่งข้าง เย่เฉิน ด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ได้เลยครับ ได้เลย การได้สลับที่นั่งกับ คุณไช่ ถือเป็นเกียรติของผมแล้ว”
เศรษฐีคนนั้นลุกขึ้นด้วยความเคารพ และยอมให้ที่นั่งข้าง เย่เฉิน แก่ คุณไช่
ไช่ ซิงหยวน นั่งลง และเริ่มพูดคุยกับ เย่เฉิน ด้วยท่าทีสนิทสนม
ทั้งงานต่างมองสองคนนี้ด้วยความตกตะลึง
ทุกคนเริ่มคาดเดากันไปต่างๆ นานา ว่า เย่เฉิน คือใคร ทำไมถึงได้รับความนับถือจาก คุณไช่ มากขนาดนี้
ส่วน ซ่ง กงหง และเศรษฐีรูปร่างอ้วนที่เคยดูถูก เย่เฉิน ตอนนี้พวกเขาเริ่มเชื่อแล้วว่าคำพูดของ เย่เฉิน ก่อนหน้านี้เป็นความจริง..
ใครที่สามารถทำให้ คุณไช่ ถึงกับต้องแสดงความเคารพขนาดนี้ได้ แสดงว่าตัวตนของ บอสเย่ คนนั้นน่ากลัวอย่างแท้จริง
ทรัพย์สินที่ บอสเย่ พูดว่า ‘สามารถใช้จ่ายได้ 200-300 ปี’ ก็ดูสมเหตุสมผลมากขึ้น ซึ่งนั่น.. ดูเป็นไปได้อย่างมาก
ขณะที่ทุกคนยังอยู่ในอาการตกตะลึง ไช่ ซิงหยวน กลับพูดเบาๆ กับเย่เฉิน พร้อมบอกข่าวสำคัญบางอย่าง…