ตอนที่ 20 ฝ่าบาท ท่านคิดจริง ๆ หรือว่าผมทำทั้งหมดนี้เพียงเพื่อไวเบรเนียม?!
ตอนที่ 20 ฝ่าบาท ท่านคิดจริง ๆ หรือว่าผมทำทั้งหมดนี้เพียงเพื่อไวเบรเนียม?!
“แค่ก ๆ!” กษัตริย์ทีชาก้าไอเสียงดังเพื่อกลบเกลื่อนความกระอักกระอ่วนในใจ แน่นอนว่าทุกครอบครัวล้วนมี ‘เสือสาว’ และแม้แต่ครอบครัวของกษัตริย์ก็ไม่เว้น โดยเฉพาะเสือสาวที่กำลังตั้งครรภ์ . . . ไม่มีใครกล้าหาเรื่องเธออย่างแน่นอน! ดังนั้นสถานการณ์ในตอนนี้ของกษัตริย์ทีชาก้าจึงค่อนข้างยากลำบากอย่างแท้จริง!
“หลังจากนั้น ผมก็พาเด็กน้อยกลับบ้าน” เอริคเล่าต่อ “วันนั้นเขาต้องทนอยู่ในหิมะนานหลายชั่วโมงจนร่างกายหนาวเหน็บและมีไข้สูง จนเขาเกือบเอาชีวิตไม่รอด . . .”
เอริคพูดขึ้นพร้อมกับเร้าอารมณ์ด้วยการบีบน้ำตาเล็กน้อย เสียงของเขาที่ขาดห้วงราวกับกำลังทุกข์ใจอย่างลึกซึ้งกับชะตากรรมของเอ็นจาด้าก้าตัวน้อยที่ต้องเผชิญ
“ดังนั้นเป็นเอ็นจาด้าก้าที่เล่าเรื่องของวาคานด้าให้เจ้าฟังใช่ไหม?” ทันใดนั้นหัวหน้าเผ่าชายแดนก็เอ่ยถาม น้ำเสียงเย็นชาและไร้ความเห็นใจต่อเรื่องราวของเด็กน้อยแม้แต่น้อย
แน่นอนว่าเอริคเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี เพราะเมื่อตอนที่ยูลิซิส คลอว์ปล้นวาคานด้า เขาได้จุดระเบิดหลายจุดใกล้ชายแดน ทำให้ผู้คนของเผ่าชายแดนเสียชีวิตไปกว่าครึ่ง ดังนั้นจะหวังให้หัวหน้าเผ่าแสดงท่าทีเป็นมิตรกับเขาคงเป็นไปไม่ได้
“ไม่ใช่เช่นนั้นครับ ฝ่าบาท ได้โปรดอภัยให้ผมด้วยถ้าหากคำพูดของผมล่วงเกินพวกท่านไป” เอริคปรับสีหน้าเป็นจริงจัง และก้มศีรษะให้กษัตริย์ทีชาก้า “เอ็นจาด้าก้าอยู่กับผมหลายวัน เขาอาการหนักมากและมีเพียงสมุดบันทึกเล่มหนึ่งที่ติดตัวมา ดังนั้นผมที่อยากช่วยเขาตามหาครอบครัว จึงจำเป็นต้องเปิดอ่านบันทึกเล่มนั้น และนั่นทำให้ผมรู้ว่าบนทุ่งหญ้าแห่งเคนยา ยังมีอารยธรรมอันเจิดจ้าเช่นวาคานด้าหลบซ่อนตัวอยู่”
ทันใดนั้นทหารองครักษ์คนหนึ่งก็เดินเข้ามาและส่งสมุดบันทึกที่เอริคยื่นให้กษัตริย์ทีชาก้า กษัตริย์ทีชาก้าเปิดดูไม่กี่หน้าและจำลายมือของน้องชายตัวเองได้เป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกหลากหลาย
“หลังจากนั้นเอ็นจาด้าก้าก็พักฟื้นอยู่ที่บ้านผม แต่ไม่นานก็มีคนชั่วปรากฏตัวขึ้น! มันก็คือเจ้านี่!” เอริคชี้ไปที่คลอว์ที่ถูกโยนทิ้งไว้เหมือนเศษขยะ พร้อมกับเปลี่ยนสีหน้าของตัวเองให้เต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เจ้าสารเลวนี่บุกเข้ามาตอนที่ผมไม่อยู่บ้านและพยายามจะฆ่าเอ็นจาด้าก้า!”
“โชคดีที่ตอนนั้นผมลืมเอกสารไว้เลยกลับบ้านมาทันเวลา และช่วยชีวิตเอ็นจาด้าก้าเอาไว้ได้ทัน” เมื่อเอริคเล่าเรื่องที่แต่งสดจนจบเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเล็กน้อย ส่วนราชินีที่ฟังอยู่ก็พลอยคลายกังวลไปด้วยเช่นกัน
“ฝ่าบาท โลกภายนอกนั้นเต็มไปด้วยอันตราย ผมไม่รู้จะปกป้องเอ็นจาดาก้าอย่างไร เพราะมีคนชั่วอย่างยูลิซิสที่จ้องจะทำร้ายเขา ผมจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพาเขากลับมายังวาคานด้า ฝ่าบาท ได้โปรดอภัยให้ผมด้วย!”
“ไวเคานต์เอริค แลนเซอร์ ในนามของวาคานด้า ข้าขอขอบคุณท่าน!” กษัตริย์ทีชาก้าลุกขึ้นยืนและคำนับเอริคอีกครั้ง “เอ็นโจบู เป็นน้องชายของข้า . . . แต่เขาก็เป็นคนทรยศของวาคานด้าเช่นกัน”
จากนั้นกษัตริย์ทีชัลก้าก็เล่าเรื่องราวของเอ็นโจบูที่ทรยศชาติและช่วยเหลือคลอว์จนสังหารคนของตัวเอง ส่วนเหล่าสมาชิกในชนเผ่าที่ไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน มีเพียงราชินีและหัวหน้าเผ่าทั้งสี่ที่ดูสงบนิ่งเพราะรู้เรื่องอยู่ก่อนแล้วเท่านั้น
“เอ็นโจบูทำความผิดร้ายแรงและได้รับโทษประหารไปแล้ว ได้โปรดอย่าถือโทษโกรธหลานชายของข้าอีกต่อไปเลย” กษัตริย์ทีชาก้ากล่าวพลางคุกเข่าลงอย่างช้า ๆ และก้มศีรษะอันทรงเกียรติของตัวเองให้กับหัวหน้าเผ่าชายแดน
ทันใดนั้นบรรยากาศภายในงานเลี้ยงก็เงียบสนิท ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมาและไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี
ผู้นำเผ่าชายแดนลุกขึ้น เดินไปที่เอ็นจาด้าก้าตัวน้อยและก้มมองอีกฝ่าย “เด็กน้อย เพราะการทรยศของบิดาเจ้า คนของเผ่าข้าตายไป 47 คน เจ้าจงจำตัวเลขนี้ไว้ให้ดี!”
พูดจบผู้นำเผ่าชายแดนก็หันหลังและเดินจากไปทันที
ในขณะเดียวกันเมื่อกษัตริย์ทีชาก้าเห็นเช่นนั้น เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกและลุกขึ้นอย่างช้า ๆ ในเมื่อเผ่าชายแดนที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดเลือกที่จะไม่ติดใจเรื่องนี้ ก็น่าจะถือว่าเรื่องราวทั้งหมดได้สิ้นสุดลงแล้ว
“เด็กน้อย มานี่สิ ข้าคือลุงของเจ้า” กษัตริย์ทีชาก้าพูดขึ้นพร้อมกับโบกมือเรียกเอ็นจาด้าก้า “ข้าขอโทษในเรื่องของบิดาเจ้า แต่เจ้าต้องเข้าใจว่าเขาต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เขาก่อเอาไว้”
เอ็นจาด้าก้าตัวน้อยเหลือบมองเอริคที่กำลังพยักหน้าให้เขาเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะเดินไปหากษัตริย์ทีชาก้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผสมปนเปกันเต็มไปหมด
. . .
หลังเรื่องราวคลี่คลาย งานเลี้ยงก็เริ่มต้นขึ้น สาวใช้หลายคนเดินเข้ามาพร้อมถาดอาหารที่หลากหลาย ทั้งผลไม้สด อาหารจานหลัก และไวน์รสเลิศ
เอริคมองอาหารบนโต๊ะด้วยความรู้สึกที่กินไม่ลง แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะอาหารไม่น่ากิน แต่เป็นเพราะเขา ‘รับไม่ได้!’ กับวัฒนธรรมของที่นี่ ถึงแม้ว่าอาหารจะหรูหราและจัดจานอย่างประณีต แต่ธรรมเนียมของวาคานด้าที่ยังคงยึดถือวัฒนธรรมดั้งเดิม ทำให้ไม่มีทั้งช้อนส้อมหรือมีด ดังนั้นทุกคนจึงใช้มือรับประทานอาหารกันตามแบบแผนที่สืบทอดกันมาหลายพันปี
เอริคมองผู้ร่วมโต๊ะที่หยิบอาหารทุกอย่างด้วยมือ แน่นอนว่าการหยิบผลไม้ และเนื้อย่าง เขายังพอเข้าใจได้ แต่การที่ต้องหยิบข้าวที่มีซุปเหนียวหนืดใส่ปากด้วยมือมันกลับทำให้เขารู้สึกขยะแขยงจนเกินจะทน
แต่ถึงอย่างนั้นการจะไม่กินเลยมันก็คงไม่เหมาะ ดังนั้นเอริคจึงเลือกหยิบผลไม้ที่ดูน่ากินมาแทน และดื่มไวน์พอเป็นพิธีเพื่อรักษามารยาทในวงอาหาร
หลังผ่านไปครู่ใหญ่ ๆ ชาววาคานด้าก็กินกันอย่างเอร็ดอร่อยจนปากมันเยิ้ม แต่สำหรับเอริค ความรู้สึกคลื่นไส้กลับทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งกษัตริย์ทีชาก้าอิ่มและให้เก็บอาหารออกไป เขาถึงค่อยรู้สึกดีขึ้นบ้าง
“ท่านเอริค ข้าต้องขอขอบคุณอย่างยิ่งสำหรับทุกสิ่งที่ท่านได้ทำเพื่อวาคานด้า!” กษัตริย์ทีชาก้าโบกมือให้ทหารองครักษ์ออกไป และขอให้หัวหน้าเผ่าทั้งสี่กับราชินีถอยออกไปเช่นกัน ทำให้เอริคที่เห็นเช่นนั้นก็พลันมีชีวิตชีวาขึ้นทันที ในที่สุดธุรกิจสำคัญของเขาก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว!
“เพื่อแสดงความขอบคุณของวาคานด้า ข้าจะมอบยานบินให้ท่านด้วยตัวเอง เป็นยานลำเดียวกับที่พาท่านมาวันนี้! ท่านคิดว่าอย่างไรบ้าง?” กษัตริย์ทีชาก้ากล่าวพร้อมตบไหล่เอริคอย่างใจกว้าง
แต่เอริคกลับไม่ได้รู้สึกดีใจเลยแม้แต่น้อย นี่มันหมายความว่าอะไร? เขาช่วยวาคานด้ามาตั้งมากมายขนาดนี้ แต่กลับไม่ได้รับไวเบรเนียมเลยสักนิด? ใช่ ยานบินลำนั้นอาจจะล้ำสมัยมากและใช้ไวเบรเนียมจำนวนไม่น้อยในการสร้าง แต่ยานลำนั้นจะมีประโยชน์อะไรกับเขากัน?
เอาไปบินเล่น? ใครกล้าก็บ้าแล้ว! เพราะถ้าหากเขาเผลอถูกพวกไฮดราหรือชิลด์จับได้ เขาจะอธิบายอย่างไร? วาคานด้ามอบให้เขาอย่างนั้นหรอ?
เก็บไว้ที่บ้านเป็นของสะสม? เขาดูว่างมากนักหรือไง?
หรือจะแยกชิ้นส่วนเพื่อเอาไวเบรเนียมออกมา? ถ้าทำอย่างนั้นก็อาจจะได้ไวรเบรเนียมมาบ้างส่วน แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองในฐานะ ‘แม็กนีโต’ ผู้ทรงเกียรติ จะต้องการยานบินไว้ทำไมในเมื่อเขาบินเองได้อยู่แล้ว?
“ฝ่าบาท ท่านอาจจะยังไม่รู้จักตัวผมดีพอ ผมได้พูดไปแล้วว่า ผมเป็นคนดี! ผมนำหลานชายของท่านเอ็นจาด้าก้ากลับมาส่งที่วาคานด้าเพราะผมหวังว่าเขาจะได้รับการดูแลและความอบอุ่นของครอบครัวที่นี่ และผมก็ได้นำตัวอูลิซิส คลอว์มาให้ท่านก็เพราะเขาสมควรได้รับโทษและต้องเผชิญหน้ากับความยุติธรรมของวาคานด้า! ดังนั้นผมจึงไม่เคยคิดจะเรียกร้องสิ่งใดจากวาคานด้าเลยแม้แต่เศษเงิน!”
กษัตริย์ทีชาก้ามองเอริคด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ปนด้วยความรู้สึกจนใจและถอนหายใจยาว “อืม ในเมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ งั้นข้าจะอนุญาตให้ท่านเอาไวเบรเนียมชุดหนึ่งออกไปได้ แต่ท่านจะต้องนำมันออกไปจากชายแดนด้วยตัวเอง และหลังจากมันจะเป็นของท่านอย่างสมบูรณ์!”
‘งั้นผมก็สามารถยกหินไวเบรเนียมออกไปทั้งก้อนได้เลยสินะ!’ เอริคเกือบหลุดปากพูดคำพูดนี้ออกไป แต่โชคดีที่เขายับยั้งตัวเองไว้ได้ทัน “ฝ่าบาท ท่านคิดจริง ๆ หรือว่าผมทำทั้งหมดนี้เพียงเพื่อไวเบรเนียม?”
โปรดติดตามตอนต่อไป …