ตอนที่แล้วตอนที่ 15 สร้างความสัมพันธ์อันดีกับเดดพูล!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 17 ลงทุนในเคนยา!

ตอนที่ 16 ซ่อนไวเบรเนียมเอาไว้ที่ไหน?!


ตอนที่ 16 ซ่อนไวเบรเนียมเอาไว้ที่ไหน?!

“นายมาเพื่อไวเบรเนียมใช่ไหม? ความจริงแล้วนายไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ ที่นี่ไม่มีไวเบรเนียม และฉันก็เป็นคนเดียวที่รู้ว่ามันถูกเก็บไว้ที่ไหน เรามานั่งคุยกันดี ๆ ดีกว่าไหม?!” คลอว์พยายามเจรจาเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเขาเองก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับมนุษย์กลายพันธุ์ผู้ทรงพลัง

“โอ้? งั้นก็แสดงว่านายมีไวเบรเนียมอยู่จริง ๆ สินะ?” เอริคทำทีเหมือนถูกโน้มน้าวใจ ก่อนที่เขาจะโบกมือเบา ๆ ให้ปืนที่ลอยค้างอยู่กลับคืนสู่สภาพเดิม ทำให้ทหารรับจ้างรอบตัวคลอว์ที่เห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที

“แน่นอน! ถ้ามีเงินมากพอ ไม่ว่าอะไรฉันก็สามารถหาให้นายได้!” คลอว์เชิดหน้าด้วยท่าทีภาคภูมิใจ รอยยิ้มของเขาเผยให้เห็นฟันที่เหลืองจากการสูบบุหรี่ ทำให้เอริคอดไม่ได้ที่จะรู้สึกรังเกียจเล็กน้อย

ทันใดนั้นเอริคก็กวาดสายตามองสำรวจไปรอบ ๆ แต่เขาก็ไม่พบร่องรอยของไวเบรเนียมเลย แม้แต่เสื้อโค้ทของคลอว์ที่ทำจากไวเบรเนียม มันก็ยังมีส่วนผสมของไวเบรเนียมเพียงน้อยนิด

“อันที่จริงแล้ว ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อไวเบรเนียม . . . แต่ฉันมาที่นี่เพื่อจับตัวนายต่างหาก!” เอริคปลดปล่อยสนามแม่เหล็กรอบตัว และควบคุมร่างของตัวเองให้ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับเคลื่อนตัวไปหาคลอว์อย่างช้า ๆ

คลอว์รีบยกแขนขึ้นพยายามเล็งปืนโซนิคไปที่เอริค แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามเล็งไปทางเอริคเท่าไหร่แขนของเขามันก็ไม่ยอมขยับเลย

“ไอ้มนุษย์กลายพันธ์เวร!!” คลอว์ก่นด่าด้วยความโกรธ ก่อนที่เขาจะสะบัดแขนอย่างแรงจนปืนโซนิคหลุดออก และหันหลังวิ่งหนีทันที

“จะรีบหนีไปไหน มานั่งคุยเป็นเพื่อนกันก่อน!” เอริคโบกมือเบา ๆ ทันใดนั้นเสื้อโค้ทไวเบรเนียมของคลอว์ก็ถูกแรงดึงดูดบางอย่างกระชากอย่างรุนแรงจนร่างของคลอว์ลอยมานั่งอยู่ตรงหน้าของเอริคอย่างกะทันหัน

“ถุย! มนุษย์กลายพันธุ์กลายเป็นสุนัขรับใช้ของวาคานด้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่?” คลอว์พูดขึ้นมาอย่างเย้ยหยัน

“ผิดแล้ว จริง ๆ นายต่างหากที่จะเป็นบัตรผ่านของฉันเข้าสู่วาคานด้า” เอริคพูดเสียงเรียบก่อนจะยกนิ้วแตะหน้าผากของคลอว์อย่างแผ่วเบา ทันใดนั้นประกายในดวงตาของคลอว์ก็จางหาย

“ซ่อนไวเบรเนียมไว้ที่ไหน?”

“ไม่มี” คลอว์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงว่างเปล่า ทำให้เอริคขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ  และคิดว่าการควบคุมของเขาล้มเหลว ดังนั้นเขาจึงลองใช้พลังอีกครั้ง แต่คำตอบก็ยังเหมือนเดิม

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ทีชัลก้ามาที่นี่ และฆ่าเอ็นโจบู และยึดไวเบรเนียมไปทั้งหมด” คลอว์ที่ถูกควบคุมเผยความจริงออกมาทั้งหมด

หลังจากนั้นเอริคก็เริ่มสอบถามเรื่องต่าง ๆ จากคลอว์ทันที และพบว่าเมื่อสองเดือนที่แล้ว เจ้าชายเอ็นโจบู แห่งวาคานด้าได้ช่วยคลอว์ขโมยไวเบรเนียมกว่า 250 กิโลกรัมออกจากวาคานด้า แต่แผนกลับล้มเหลวเมื่อลูกน้องคนสนิทของเอ็นโจบู ที่ชื่อว่า ซูรี ซึ่งเป็นสายลับที่วาคานด้าส่งมาในสหรัฐฯ หักหลังเอ็นโจบู

ด้วยเหตุนี้เองทีชัลก้ากษัตริย์แห่งวาคานด้าจึงเดินทางมายังสหรัฐฯ ด้วยตัวเอง และจับตัวเอ็นโจบูที่หลบซ่อนอยู่ในแคลิฟอร์เนีย แต่ตอนนั้นจู่ ๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นและพลั้งมือฆ่าเจ้าชายเอ็นโจบูโดยไม่ได้ตั้งใจ ดังนั้นเพื่อระบายความโกรธทีชัลก้าจึงหันไปเล่นงานคลอว์ และไล่ล่าจนเขาต้องสูญเสียไวเบรเนียมที่สะสมมาทั้งหมด จนเหลือเพียงเสื้อโค้ทและปืนโซนิค . . .

“สรุปคือ ฉันอุตส่าห์ตามหานายแทบตาย แต่กลับไม่ได้อะไรเลย?” เอริคพูดด้วยความโกรธ และใช้เท้าเตะหน้าของคลอว์สองสามทีเพื่อระบายอารมณ์

แต่ถึงอย่างนั้นคลอว์ก็นั่งนิ่งมองเอริคด้วยสีหน้าตาว่างเปล่า

“ไม่เป็นไร . . .” เอริคพูดขึ้นพร้อมกับสงบสติอารมณ์ลง “อย่างน้อยฉันก็มีสิ่งที่แลกเปลี่ยนได้ . . . ถึงเวลาบุกวาคานด้าแล้ว”

หลังจากเอริคก็กระชากคอเสื้อของคลอว์ขึ้น แต่ทันใดนั้นร่างของเขาก็หยุดชะงักเล็กน้อย และพึมพำขึ้นมาเบา ๆ ว่า “หรือว่าฉันควรไปแคลิฟอร์เนียก่อนดี . . .”

. . .

โอ๊คแลนด์, แคลิฟอร์เนีย

เพื่อประหยัดเวลาเอริคจึงพาคลอว์เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวมาถึงโอ๊คแลนด์ในเวลาไม่ถึงชั่วโมง และมุ่งหน้าตรงมายังสถานที่ที่เอ็นโจบูเคยหลบซ่อนตัวทันที

ด้านในห้องพักเล็ก ๆ ที่รกไปด้วยสิ่งของ และเต็มไปด้วยฝุ่น เอริคพยายามตรวจค้นอย่างละเอียด ตั้งแต่ชั้นหนังสือไปจนถึงหลังผนัง แต่เขาก็ไม่พบสิ่งที่เขาต้องการ

“ลำบากจริง . . .  ถ้าหาของไม่เจอ ก็ต้องหาคน ถ้าหาคนเจอ เดี๋ยวของก็เจอเอง”

คืนนั้นเอริคสวมหน้ากากกะโหลกศีรษะกวาดล้างแก๊งท้องถิ่นกว่า 10 กลุ่ม ตั้งแต่แก๊งเล็ก ๆ ไปจนถึงแก๊งใหญ่ที่มีกำลังพลหลายร้อยคน หรือแม้แต่อันธพาลที่เป็นมนุษย์กลายพันธุ์สองคนยังไม่สามารถหยุดเขาได้

แน่นอนว่าเอริคไม่สนว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน และควบคุมสมาชิกแก๊งทั้งหมดที่เขาหาได้ จากนั้นก็ควบคุมให้พวกเขาตามหาคนคนหนึ่งให้กับเขากันอย่างบ้าคลั่ง

ซึ่งข่าวการเคลื่อนไหวของแก๊งเหล่านี้ทำให้ชาวเมืองโอ๊คแลนด์ตื่นตระหนกทันที พวกเขาคิดว่าแก๊งเหล่านี้กำลังต่อสู้กันเองอีกครั้ง ดังนั้นชาวเมืองเกือบทุกคนจึงเลือกที่จะหลบอยู่แต่ในบ้าน ในขณะที่ตำรวจท้องถิ่นก็พยายามจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นาน เด็กชายผิวดำวัยรุ่นคนหนึ่งจะถูกพามาหาเอริค พร้อมสมุดบันทึกเล่มหนาในมือ . . .

“เอริค สตีเวนส์ . . . บังเอิญจริง ๆ ที่นายก็ชื่อ เอริค เหมือนกับฉัน!” เอริคพูดด้วยยิ้ม พลางยื่นมือขยี้ผมของเด็กชายตรงหน้าเบา ๆ ทำให้อีกฝ่ายถอยห่างเล็กน้อยพร้อมมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวง

“เดี๋ยวก่อนนะ . . . ชื่อจริงของนายชื่ออะไรนะ? ถ้าฉันจำไม่ผิดดูเหมือนจะเป็น เอ็นจาด้าก้า ใช่ไหม?”

คำถามนี้ทำให้ดวงตาของเด็กชายเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนกอย่างชัดเจน ก่อนที่เขาจะกวาดตามองรอบ ๆ ราวกับกำลังมองหาทางหลบหนี

“ฮ่า ๆ อย่าคิดหนีเลย ฉันมาที่นี่เพื่อพานายกลับบ้าน” เอริคยิ้มอย่างอ่อนโยน และพยายามทำท่าทางให้ดูเป็นมิตรมากที่สุด

“ผมไม่มีบ้าน!” เด็กชายพูดขึ้นมาเป็นประโยคแรกตั้งแต่ที่เขาเจอเอริค โดยน้ำเสียงของเขานั้นเต็มไปด้วยความเศร้า โกรธ เกลียดชัง แต่ก็แฝงไปด้วยความดื้อรั้นอย่างน่าประหลาด

“มีสิ นายมีบ้าน บ้านของนายคือวาคานด้า!” เอริคพูดพร้อมกับเปิดสมุดบันทึกที่เด็กชายถืออยู่ โดยเนื้อหาด้านในนั้นถูกเขียนเป็นข้อความผสมระหว่างภาษาอังกฤษและภาษาวาคานด้า ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าจะไม่เข้าใจเนื้อหาด้านใน

“คุณมาจากวาคานด้างั้นเหรอ?” เด็กชายถามด้วยน้ำเสียงตื่นตัว หมัดของเขากำแน่นจนดูเหมือนพร้อมจะพุ่งเข้าโจมตีอันธพาลสองคนที่จับตัวเขาเอาไว้ได้ทุกเมื่อ

เอริคเหลือบมองไดอารี่และค้นหาสิ่งที่เขาต้องการเจออย่างรวดเร็ว ก่อนที่เขาจะปิดสมุดบันทึกลงและยื่นมันคืนให้เด็กชาย “เปล่า ฉันไม่ใช่คนจากวาคานด้า ฉันมันก็แค่คนดีที่อยากช่วยพานายกลับบ้านเฉย ๆ”

“วาคานด้าไม่ใช่บ้านของผม! พวกเขาฆ่าพ่อของผม!” เด็กชายตะโกนเสียงดัง ดวงตาของเขาวาวโรจน์ไปด้วยความโกรธ

“ฟังนะ . . . ถ้าใครทำผิด พวกเขาก็ต้องรับผลที่ตามมา ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม” เอริคพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนจะเอื้อมมือไปลูบศีรษะเด็กชายเบา ๆ ทันใดนั้นเปลือกตาของเด็กชายก็ค่อย ๆ ปิดลงช้า ๆ ราวกับถูกสะกดจิต และในไม่ช้าก็หลับไปสนิท

เอริคมองใบหน้าของเด็กชายด้วยรอยยิ้มบาง ๆ และภาวนาในใจขอให้เด็กชายได้พบกับพ่อของเขาอีกครั้งในความฝัน

หลังจากนั้นเอริคก็หันไปส่งสัญญาณให้คลอว์อุ้มตัวเด็กชายขึ้น ก่อนที่เขาจะดีดนิ้วหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นเหล่าทหารรับจ้างและอันธพาลที่รายล้อมอยู่รอบ ๆ ต่างก็ล้มลงกับพื้นทันที

แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ถูกฆ่าตาย แต่ความทรงจำในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานั้นได้ถูกเอริคลบออกด้วยวิธีที่ค่อนข้างรุนแรงนิดหน่อย

ซึ่งการลบความทรงจำนั้นทำได้ไม่ยาก เพียงแค่เอริคใช้พลังควบคุมธาตุเหล็กในเลือดของพวกเขา และกระตุ้นให้เกิดการกระแทกอย่างรุนแรงที่สมองส่วนความจำ ทำให้เซลล์ประสาทที่เกี่ยวข้องถูกทำลายไปอย่างถาวร แม้แต่นักพลังจิตอัจฉริยะอย่างศาสตราจารย์เอ็กซ์ก็ไม่อาจกู้คืนความทรงจำเหล่านั้นกลับมาได้

ก่อนหน้านี้ คลอว์และคนของเขาก็ถูกลบความทรงจำในลักษณะเดียวกันแล้ว ส่วนเรื่องอาการปวดหัวหลังจากทำให้สมองส่วนหนึ่งเสียหายอย่างนั้น เอริคไม่ได้สนใจมันเลยแม้แต่น้อย

“เป้าหมายต่อไป . . .  ทุ่งหญ้าเคนยา”

โปรดติดตามตอนต่อไป …

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด