ตอนที่ 13 สิ่งประดิษฐ์แห่งอนาคต!
ตอนที่ 13 สิ่งประดิษฐ์แห่งอนาคต!
“นี่คือสิ่งประดิษฐ์ที่จะเปลี่ยนยุคสมัย!”
เอริควางบล็อกเหล็กสีดำลงบนโต๊ะประชุมอย่าง ก่อนที่หัวหน้าแผนกต่าง ๆ ที่นั่งอยู่รอบโต๊ะกลมจะโน้มตัวไปดูใกล้ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
นับตั้งแต่ที่พวกเขาเข้ามาทำงานที่ ‘อลิซ อินดัสตรีส์’ พวกเขาก็แทบไม่มีโปรเจกต์สำคัญอะไรให้ทำเลย และงานประจำวันของพวกเขาก็มีเพียงการจัดการเอกสารที่ไร้ประโยชน์ ทำให้พวกเขาสูญเสียความหวังในตัว ‘คนรวยรุ่นสอง’ อย่างเอริคไปนานแล้ว และมีหลายคนที่เตรียมหางานใหม่เผื่อวันที่บริษัทจะล้มละลาย
แต่แล้วจู่ ๆ วันนี้เอริคกลับปรากฏตัวขึ้นพร้อมบล็อกเหล็กในมือ และอ้างว่านี่คือสิ่งประดิษฐ์ที่จะเปลี่ยนแปลงโลก!
เอริคเคาะนิ้วบนโต๊ะเบา ๆ เพื่อเรียกความสนใจจากทุกคน และพูดขึ้นมาว่า “ทุกท่าน ผมรู้ว่าพวกคุณส่วนใหญ่ไม่พอใจผม และคิดว่าผมเป็นแค่ลูกคนรวยที่โชคดี และบริษัทนี้ก็เป็นแค่เรื่องตลกระหว่างผมกับพ่อ แต่วันนี้ ผมอยากบอกทุกคนว่า ในอนาคต คุณจะดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ อลิซ อินดัสตรีส์!”
หลังจากพูดจบเอริคก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์การเดินทางของมนุษยชาติ ตั้งแต่การเลี้ยงม้าในยุคโบราณ ไปจนถึงการพัฒนารถไฟในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม
“ตั้งแต่สมัยโบราณ มนุษย์มุ่งมั่นพัฒนาการเดินทางให้เร็วและสะดวกยิ่งขึ้น แต่ในปัจจุบันรถไฟความเร็วสูงก็ยังไม่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของมนุษย์ได้ทั้งหมด!”
เอริคมองไปที่ทุกคนและชี้นิ้วไปที่บล็อกเหล็กสีดำ “นี่คือผลลัพธ์จากการวิจัยล่าสุดของ อลิซ อินดัสตรีส์ วัสดุตัวนำยิ่งยวด แลนเซอรร์ No. 1! มันจะทำให้รถไฟแม็กเลฟกลายเป็นการเดินทางของมนุษย์ในอนาคตอย่างแท้จริง!”
แต่เมื่อเอริคพูดจบ สีหน้าของหัวหน้าแผนกทุกคนกลับเต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนที่หัวหน้าแผนกคนหนึ่งจะลุกและขึ้นพูดด้วยความสงสัยว่า “ท่านประธาน รถไฟแม็กเลฟไม่ใช่เรื่องใหม่ เยอรมนี ญี่ปุ่น และอังกฤษก็สร้างมันมานานแล้ว!”
เอริคยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง “แน่นอนว่าผมรู้เรื่องนี้! แต่คุณรู้หรือไม่ว่าระยะรางของพวกเขายาวแค่ไหน? ความเร็วเท่าไร? ค่าใช้จ่ายแพงขนาดไหน? พลังงานที่ใช้มหาศาลแค่ไหน? และที่สำคัญที่สุด คุณรู้ไหมว่ามันปล่อยรังสีที่อันตรายออกมาขนาดไหน?”
เอริคยิงคำถามออกมาราวกับปืนกล ทำให้หัวหน้าแผนกคนนั้นเงียบสนิททันที ก่อนที่เอริคจะชูบล็อกเหล็กขึ้นเหนือหัวและประกาศเสียงดังทั่วห้องประชุมว่า “นี่คือวัสดุตัวนำยิ่งยวดที่อุณหภูมิห้องตัวแรกของโลก!”
เมื่อได้ยินคำพูดของเอริค ทันใดนั้นเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทันทีในห้องประชุม ผู้จัดการฝ่ายเทคนิคหลายคนเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับวัสดุชนิดนี้ ในขณะที่ผู้จัดการฝ่ายการตลาดก็ยิงคำถามออกมาอย่างต่อเนื่อง “วัสดุนี้ผลิตได้จริงหรือไม่ครับท่านประธาน? ต้นทุนเท่าไร? มีข้อเสียอะไรหรือไม่?”
“ท่านประธาน . . .”
เอริคยิ้มเล็กน้อย และตอบคำถามของทุกคนด้วยน้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ คนเหล่านี้ทั้งหมดได้รับการว่าจ้างจากบริษัทและได้รับเงินเดือนสูงมากกันทุกคน ดังนั้นพวกเขาจึงถือเป็นสมาชิกคนสำคัญของบริษัทของเขาในอนาคต
หลังจากตอบคำถามมากมายจนเกือบหมด และเหลือเพียงคำถามสำคัญ เอริคก็โยนข่าวใหญ่ให้ทุกคนอีกครั้ง “แลนเซอร์ No. 1 ปลอดภัย 100% ปราศจากกัมมันตรังสี และมีต้นทุนใกล้เคียงกับการผลิตเหล็ก! นอกจากนี้ เรามีเทคโนโลยีสำหรับการสร้างรถไฟแม็กเลฟครบถ้วนแล้ว!”
คำพูดของเขาทำให้ห้องประชุมกลับมาวุ่นวายอีกครั้ง เอริคยิ้มเล็กน้อยและส่งสัญญาณให้ทุกคนสงบลง ก่อนจะหันไปมองเจนนิเฟอร์ซึ่งแอบยิ้มด้วยความตื่นเต้น
“โอ้ ผมเกือบลืมไป ยังมีสุภาพสตรีที่งดงามอีกคนในห้องนี้!” เอริคพูดติดตลก
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นทั่วห้อง ก่อนที่เอริคจะกล่าวสรุปด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ทุกท่าน! แลนเซอร์ No. 1 ไม่ใช่แค่วัสดุ แต่มันคืออนาคตของพวกเรา!”
. . .
หลังจากแจกข้อมูลทางเทคนิคเกี่ยวกับ แลนเซอร์ No. 1 และแผนการสร้างรถไฟแม็กเลฟให้หัวหน้าแผนกต่าง ๆ เอริคก็ออกจากห้องประชุมพร้อมรอยยิ้ม
เขาคือ ‘แม็กนีโต’ บุรุษผู้รู้จักสนามแม่เหล็กและโลหะอันดับหนึ่งของโลก!
ซึ่งวัสดุตัวนำยิ่งยวดที่อุณหภูมิห้องซึ่งคนทั่วไปมองว่าเป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับเขาที่สามารถรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กและการแข็งตัวของสนามแม่เหล็กมันจึงเป็นเรื่องง่ายดายเหมือนการเล่นมายากลหลอกเด็ก
นอกจากนี้บล็อกเหล็กที่เขาโชว์นั้น จริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงเศษเหล็กที่เขาเก็บมาจากข้างถนน!
. . .
“ตอนนี้เรื่องบริษัทไม่ต้องเป็นห่วงอีกต่อไป ดังนั้นถึงเวลาเตรียมพร้อมสำหรับแผนการเพิ่มความแข็งแกร่งแล้ว!”
เอริคที่เพิ่งกลับมาถึงอพาร์ตเมนต์ชั่วคราว รินไวน์แดงหนึ่งแก้วให้ตัวเอง และยืนชมวิวกลางคืนของนิวยอร์กจากหน้าต่าง
เป็นเวลาเกือบสามเดือนแล้วที่เขาปรับตัวให้เข้ากับร่างกายที่อ่อนเยาว์และแข็งแกร่งนี้อย่างสมบูรณ์แบบ เซรุ่มซูเปอร์โซลเยอร์ได้มอบพละกำลังเทียบเท่ากับกัปตันอเมริกาให้แก่เขา และด้วยการเสริมสร้างจากพลังงานจากสนามแม่เหล็ก สมรรถภาพร่างกายของเขาจึงพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และตราบใดที่มีเวลาเพียงพอ กัปตันอเมริกาคงถูกเขาทิ้งเอาไว้ข้างหลังในไม่ช้า
นอกจากนี้ตอนที่เขาเดินทางข้ามจักรวาล มันก็มีพลังงานลึกลับที่ไม่สามารถระบุได้หลายชนิดบุกเข้าสู่ร่างกายของเขา โดยพลังงานเหล่านี้มันค่อย ๆ กัดกร่อนร่างกายของเขา ทำให้เกิดความเสียหายอย่างต่อเนื่อง จนเขาต้องสร้างสนามแม่เหล็กเพื่อปิดผนึกพลังงานเหล่านั้นไว้ในร่างกายชั่วคราว เพราะการจะกำจัดพวกมันนั้นยากลำบากเป็นอย่างมาก
จนกระทั่งในวินาทีสุดท้ายของการฉีดเซรุ่มครั้งสุดท้าย เขาได้ใช้พัลส์แม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มข้นสูงระเบิดออกมาผลักดันพลังงานเหล่านั้นออกจากร่างกาย ทำให้พลังพิเศษของเขาจึงกลับคืนสู่ระดับโอเมก้าอีกครั้ง
ดังนั้นด้วยร่างกายที่อ่อนเยาว์และพลังที่กลับมาอยู่ในระดับสูงสุดที่แม็กนีโตไม่เคยไปถึง ทำให้เอริคในตอนนี้ทรงพลังมากกว่าเดิมหลายเท่า
“ตอนนี้แค่พลังพิเศษของฉัน . . . ก็สามารถบดขยี้แม็กนีโตตอนแก่ได้อย่างง่ายดาย” เอริคพึมพำกับตัวเอง
แต่สำหรับเขาความแข็งแกร่งแค่นี้มันยังไม่เพียงพอ . . .
เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้!
เอริคหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาพลางนึกถึงอนาคต “โลกใบนี้เต็มไปด้วยภัยคุกคาม . . . นักล่าจากจักรวาลสามารถบุกมาได้ตลอดเวลา ครี, สครัลล์, ชิทอรี่, ดาร์กเอลฟ์ และธานอส พวกมันทั้งหมดสามารถบุกโจมตีโลกได้ตลอดเวลา . . วิกฤตที่รออยู่ข้างหน้ามันมากมายซะเหลือเกิน”
“อย่างน้อย ฉันจะต้องแข็งแกร่งพอที่จะทนการ ‘ดีดนิ้ว’ ของธานอสได้!”
พูดจบเอริคก็ยกแก้วไวน์ดื่มจนหมดรวดเดียว และวางแก้วลงกับโต๊ะ
“ถ้าฉันต้องการเพิ่มความแข็งแกร่งให้ตัวเอง แค่พลังงานจากเตียงฟื้นฟูมันไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ฉันต้องการ ไวเบรเนียม!”
“ยูลิซิส คลอว์ . . . พ่อค้าอาวุธที่ครอบครองไวเบรเนียม ฉันต้องหาเขาให้เจอ!”
“นอกจากนี้ยังมีอีกคนที่สำคัญไม่แพ้กัน . . . คนที่สำคัญต่อแผนการของฉันในอนาคต ยีนของเธอเป็นสิ่งที่ขาดไปไม่ได้!”
“ค่อย ๆ ทำไปทีละขั้นตอน งั้นเริ่มจาก ยูลิซิส คลอว์ ก่อนก็แล้วกัน”
เอริคหันหลังไปหยิบเครื่องดื่มมาเพิ่ม แต่ทันใดนั้นเขาก็เหลือบไปเห็นจุดแสงสีแดงเล็ก ๆ จากอาคารฝั่งตรงข้าม ทำให้เอริคที่เห็นเช่นนั้นก็กระจายคลื่นสนามแม่เหล็กของเขาออกไปอย่างรวดเร็วครอบคลุมอาคารทั้งหมด และสแกนทุกอย่างอย่างละเอียดทันที
“หืม . . . เครื่องตรวจจับยีน X? ใครกัน? วิลเลียม สตรัคเกอร์? หรือจะเป็นโบลิวาร์ ทรัสก์?”
โปรดติดตามตอนต่อไป …