ตอนที่ 12 อลิซ อินดัสตรีส์!
ตอนที่ 12 อลิซ อินดัสตรีส์!
“เอริค แลนเซอร์ เขาเป็นคนที่ช่วยลูกสาวของฉันกับนายใช่ไหม?” อเล็กซานเดอร์ เพียร์ซ ผู้อำนวยการใหญ่ของชีลด์พูดขึ้นพร้อมกับมองภาพถ่ายของเอริคในแฟ้มลับด้วยท่าทีครุ่นคิด
“ใช่ครับท่าน” นิค ฟิวรี่ ยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานพร้อมกับกองเอกสารในมือ “พูดให้ถูกก็คือ เขาเป็นคนช่วยลูกสาวของท่าน ส่วนผม . . . แค่สนับสนุนอยู่ข้าง ๆ”
“อย่าถ่อมตัวนัก ฟิวรี่ นายมีความสามารถสูงมาก ถ้าไม่เช่นนั้น ฉันคงไม่แต่งตั้งนายให้ดูแลสาขานิวยอร์ก” เพียร์ซวางภาพถ่ายลงบนโต๊ะ ก่อนจะมองฟิวรี่ด้วยสายตาจริงจังและยิ้มเล็กน้อย “อีกห้าปีข้างหน้า ฉันจะเกษียณจากตำแหน่ง และฉันจะเสนอชื่อนายต่อคณะมนตรีความมั่นคงโลก”
ฟิวรี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ และชี้นิ้วมาที่ตัวเอง “ผมเหรอครับ?”
“ใช่ เชื่อมั่นในตัวเอง ฟิวรี่ นายทำได้!” เพียร์ซลุกขึ้นตบไหล่ฟิวรี่ด้วยความมั่นใจ “โอเค เราคุยเรื่องนี้กันพอแล้ว มาพูดถึงเอริคดีกว่า นายบอกว่าเขามีความแข็งแกร่ง ความเร็ว ความอดทน และการตอบสนองที่เกินกว่าคนธรรมดา นายคิดว่าเขาอาจจะเป็นมนุษย์กลายพันธุ์หรือเปล่า?”
ฟิวรี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว “ผมไม่มีเครื่องตรวจยีน X จึงไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัด แต่ถ้าดูจากสิ่งที่ผมสังเกตได้ เขาดูคล้ายกับคน ๆ หนึ่งมากครับ”
“โอ้?! ใครกัน?”
“สตีฟ โรเจอร์ส . . . กัปตันอเมริกา!”
เพียร์ซนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเคาะนิ้วลงบนโต๊ะเป็นจังหวะ “กัปตันอเมริกา . . . นับตั้งแต่ ดร. อับราฮัม เออร์สไกน์ เสียชีวิตในปี 1941 ก็ไม่มีใครสามารถสร้างเซรุ่มซูเปอร์โซลเยอร์ได้อีก นายคิดว่าเอริค หรือองค์กรที่อยู่เบื้องหลังเขาพัฒนายานั่นขึ้นมาได้อย่างนั้นหรอ?”
“ผมไม่แน่ใจครับ” ฟิวรี่ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“โอเค งั้นฉันจะส่งคนไปตรวจสอบเรื่องนี้เอง” เพียร์ซพูดขึ้น พร้อมกับโบกมือเล็กน้อย “ถ้าหากไม่มีอะไรแล้วก็ออกไปได้”
ฟิวรี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยื่นแฟ้มในมือให้ “ท่านครับ ผมได้มองเห็นมุมมองใหม่จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ดังนั้นผมจึงคิดว่าเราควรจัดตั้งทีมพิเศษที่รวมคนแบบเอริคเอาไว้เพื่อรับมือกับสถานการณ์พิเศษโดยเฉพาะ ซึ่งผมได้ร่างแผนการเอาไว้แล้ว รบกวนท่านช่วยพิจารณาดูด้วยครับ”
เพียร์ซรับแฟ้มมา แต่ไม่ได้เปิดดูทันที “ฉันจะอ่านมันภายหลัง ฟิวรี่ จำเอาไว้ว่าภารกิจสำคัญที่สุดของเราในตอนนี้คือ โปรเจกต์อินไซต์ แผนการนี้จะต้องใช้เวลาอีกสิบถึงยี่สิบปีเพื่อทำให้สำเร็จ และความปลอดภัยของโลกก็ขึ้นอยู่กับมัน ดังนั้นเราไม่สามารถผิดพลาดได้เด็ดขาด! ส่วนแผนการอื่น ๆ อาจจะต้องถูกปรับลดระดับความสำคัญลง”
“เข้าใจแล้วครับ ท่านผู้อำนวยการ”
“ดี ออกไปได้”
เมื่อฟิวรี่ออกจากห้อง เพียร์ซก็กดปุ่มที่อยู่บนโต๊ะทันที “เรียกจอห์น การ์เร็ตต์ มาพบฉันที่ห้องทำงาน”
หลังจากวางสาย เพียร์ซก็มองแฟ้มในมือ และยิ้มเยาะเย้ยเล็กน้อย ก่อนจะโยนแฟ้มเข้าเครื่องทำลายเอกสาร “ทีมพิเศษ? ช่างเป็นคนที่ไร้เดียงสาเสียจริง . . .”
. . .
ในขณะเดียวกันตอนนี้เอริคกำลังอารมณ์ดีมากเป็นพิเสา แม้หิมะเย็นจัดจะปะทะกับใบหน้าของเขา แต่รอยยิ้มของเขากลับไม่จางหายไปเลย
“ฉันสามารถหลอกราชาแห่งสายลับได้ ฮ่า ๆ! อยากเห็นจริง ๆ ว่าหมอนั่นจะทำหน้ายังไงในอนาคต และฉันจะใช้ใบหน้าของเขาในตอนนั้นมาทำเป็นคอลเล็กชันอิโมติคอนของฉัน” เอริคหัวเราะเบา ๆ เดินไปข้างหน้าอย่างอารมณ์ดี
แน่นอนว่าเขาไม่ได้โกหกฟิวรี่เสียทีเดียว เพียงแค่ซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงเอาไว้ โดยสิ่งที่แสดงออกไปเป็นเพียงแค่ความแข็งแกร่งที่ได้มาจากเซรุ่มซูเปอร์โซลเยอร์ ซึ่งเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่งของพลังทั้งหมดของเขา
ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดเผยความสามารถของเขา!
นอกจากนี้สิ่งที่ทำให้เขามีความสุขจริง ๆ ก็คือความรู้สึกที่ได้เป็นฮีโร่ครั้งแรกในชีวิต ซึ่งมันเป็นความรู้สึกที่ดีเกินคำบรรยาย!
“ใช่แล้ว การเป็นซูเปอร์ฮีโร่นี่แหละคือทางเลือกที่ถูกต้อง!” เอริคพึมพำกับตัวเอง พลางฮัมเพลงเบา ๆ ขณะเดินไปยังอาคารสำนักงานที่เพิ่งซื้อเมื่อไม่กี่เดือนก่อน และถูกเปลี่ยนชื่อเป็น ‘อลิซ อินดัสตรีส์’
เมื่อพูดถึงชื่อนี้เอริคก็รู้สึกโกรธมากเช่นกัน!
เขาโกรธที่ถูกความทรงจำของแม็กนีโตในตอนนั้นครอบงำจนเขาตั้งชื่อบริษัทตามชื่อแม่ผู้ล่วงลับ ทำให้ตอนนี้การจะเปลี่ยนชื่อจึงเป็นเรื่องยากมาก เพราะถ้าหากเปลี่ยนชื่อมันคงส่งผลต่อภาพลักษณ์ของบริษัทอย่างเลี่ยงไม่ได้
เพราะชื่อ ‘อลิซ อินดัสตรีส์’ นั้นเคยตีพิมพ์ในหนังสือพร้อมกับเงินรางวัล 10 ล้านดอลลาร์ ทำให้สำนักพิมพ์จึงพาดหัวข่าวที่มาของชื่อ ‘อลิซ’ พร้อมกับเขียนข้อมูลลงไปในข่าวว่า อลิซ คือผู้หญิงที่ไวเคาท์ ชาร์ลส์ แลนเซอรร์รัก และเป็นผู้ให้กำเนิดเอริค แลนเซอร์ขึ้นมา
ดังนั้นเขาที่เพิ่งสืบทอดบริษัทต่อจากพ่อ และคิดจะเปลี่ยนชื่อบริษัทที่เป็นชื่อแม่ของตัวเองออก ต่อจากนี้คนทั่วโลกจะมองเขายังไง?!
. . .
หลังจากเกือบครึ่งปีของการปรับปรุง อลิซ อินดัสตรีส์ ก็กลายเป็นบริษัทที่มีความทันสมัยและหลากหลาย ครอบคลุมทั้งวิศวกรรมเครื่องกล ชีววิทยาศาสตร์ พันธุวิศวกรรม พลังงานสะอาด และวัสดุใหม่
แน่นอนว่าตอนนี้บริษัทของเอริคยังไม่มีโครงการสำคัญอะไร งานที่ทำอยู่ก็เป็นแค่การรับจ้างผลิตหรือให้บริการบางอย่างจากบริษัทอื่น หรือพูดง่าย ๆ ก็คือตอนนี้เขาเป็นแค่ผู้รับเหมารายใหญ่ . . .
ทันทีที่เอริคก้าวเข้ามาในบริษัท หญิงสาวรูปร่างสูงเพรียว ใบหน้าสวยสง่า ก็เดินตรงมาหาเขาอย่างรวดเร็ว เธอคนนี้ก็คือเจนนิเฟอร์ ผู้ช่วยส่วนตัวที่เขาเป็นคนสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง
“คุณเอริค ในที่สุดคุณก็นึกขึ้นได้ว่าคุณยังมีบริษัทต้องดูแล!” เจนนิเฟอร์พูดด้วยเสียงเรียบปนเหน็บแหนมเล็กน้อย
เอริคยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ และไม่สนใจคำพูดประชดประชันของเลขาตัวเอง ก่อนที่เขาจะมองเธอขึ้นลงด้วยสายตาชื่นชม “ไง เจนนิเฟอร์ ทิวทัศน์ที่นี่เป็นยังไงบ้าง?”
“ทิวทัศน์อะไร?” เธอถามกลับด้วยความสงสัย
“ทิวทัศน์บนสวรรค์ตอนที่คุณลงมายังโลก” เอริคตอบพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนจมูกของพวกเขาแทบจะชนกัน “เจนนิเฟอร์ คุณดูเหมือนนางฟ้าจริง ๆ!”
เจนนิเฟอร์กลอกตาและก้าวเท้าถอยหลังเล็กน้อย “คุณเอริค ในถนนทุกสายของนิวยอร์กมีเพลย์บอยแบบคุณตั้งหลายสิบคน!”
“โอ้? แต่พวกเขาหล่อเท่าผมรึเปล่า?” เอริคยกมือขึ้นเสยผมและยักคิ้วให้เธอด้วยรอยยิ้ม
เจนนิเฟอร์กลอกตาอีกครั้ง “คุณเอริค ถ้าคุณอยากจะจีบฉัน ก็ไล่ฉันออกก่อนเถอะค่ะ! ฉันไม่ชอบมีความรักในสถานที่ทำงาน!”
“โอเค โอเค เจนนิเฟอร์ คุณนี่ใจร้ายจริง ๆ” เอริคพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อยแบบโอเวอร์แอคติ้ง “คุณไม่รู้หรอกว่าผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ”
พูดจบเอริคก็แสร้งทำหน้าเศร้า ก่อนจะยื่นมือออกมาเหมือนจะพยายามจับมือของเจนนิเฟอร์
แต่เจนนิเฟอร์ไม่ใช่คนที่จะให้เอริคจับร่างกายของเธอตามใจได้ง่าย ๆ ดังนั้นเธอจึงวางรายงานกองโตในมือของเธอลงในมือของเอริคอย่างแรง “คุณเอริค ก่อนอื่นช่วยดูรายงานการเงินของบริษัทก่อนเถอะค่ะ! ตอนนี้เงินของบริษัทกำลังจะหมดลงแล้ว และถ้าหากบริษัทยังไม่มีโปรเจกต์ที่เริ่มทำอย่างจริงจัง ผลลัพธ์เดียวที่รอเราอยู่ก็คือการล้มละลาย! และบริษัทนี้ก็จะถูกธนาคารมายึดไป!”
“ล้มละลาย? เยี่ยมมาก!” เอริคพูดอย่างตื่นเต้น และโยนรายงานไว้ข้างหลังเหมือนของไร้ค่า “งั้นผมกับคุณก็สามารถเป็นแฟนกันได้แล้ว!”
เจนนิเฟอร์ตบหน้าผากตัวเองแรง ๆ พร้อมกับความคิดที่จะลาออกจากงานแวบเข้ามาในหัวอีกครั้ง “กับประธานแบบคุณ บริษัทคงเจ๊งอีกไม่นาน สงสัยฉันจะต้องหางานใหม่รอเอาไว้แล้ว!”
เอริคหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าเป็นจริงจัง “โอเค เจนนิเฟอร์ เลิกเล่นได้แล้ว เรียกประชุมทีมด่วนเลย เรามีโปรเจกต์ใหญ่ที่ต้องทำ!”
เจนนิเฟอร์ถอนหายใจยาว ก่อนจะพึมพำเบา ๆ ขณะหันหลังเดินจากไป “หวังว่านี่จะไม่ใช่โปรเจกต์บ้าบออีกนะ . . .”
โปรดติดตามตอนต่อไป …