ตอนที่ 9 การกลับมาของราชา!
ตอนที่ 9 การกลับมาของราชา!
“ใครบอกว่าแม็กนีโตต้องเป็นวายร้าย? ฉันอยากเป็นฮีโร่ต่างหาก!”
เอริคเอ่ยขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะเบา ๆ พลางฮัมเพลงคันทรีขณะเดินกลับไปยังห้องทดลองอย่างร่าเริง
หลังจากใช้เวลาใน อาศรมเวทย์ในนิวยอร์ก ร่วมกับ แอนเชียนวัน เพื่อสำรวจและทบทวนความทรงจำในชีวิตของเขา เอริคก็ได้พบว่าแม้ว่าเขาจะมีจิตใจและธรรมชาติที่แตกต่างจากตัวตนเดิม แต่สิ่งเหล่านี้กลับผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างลึกซึ้งจนยากจะแยกแยะ
ก่อนที่เขาจะเดินทางข้ามเวลา เขาเป็นเพียงชายวัยสามสิบธรรมดา แต่เมื่อเทียบกับความทรงจำที่ยิ่งใหญ่ของแม็กนีโตในสองชีวิต เอริคกลับรู้สึกว่าความทรงจำที่เป็นคนธรรมดาของตัวเองไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลย
ซึ่งการกลืนวิญญาณของแม็กนีโต ก่อนหน้านี้ไม่เพียงแต่จะได้ความทรงจำ บุคลิกภาพ และโลกทัศน์ของแม็กนีโตมาเท่านั้น แต่มันยังส่งผลต่อการตัดสินใจและพฤติกรรมของเอริคโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก็ตามในที่สุดเอริคก็ค่อย ๆ ฟื้นการควบคุมตัวเองได้สำเร็จอีกครั้งจากการช่วยเหลือของแอนเชียนวัน และไม่ใช่หุ่นเชิดของความทรงจำในอดีตอีกต่อไป
สำหรับเรื่องที่แอนเชียนวันรู้ว่าเขาคือ นักเดินทางข้ามเวลา พวกเขาทั้งสองก็ตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่าจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์ใด ๆ ส่งผลกระทบต่อสมดุลของจักรวาล
เพราะการที่ ‘ตุลาการสามหน้า’ ช่วยชีวิตของเขาเอาไว้อาจจะเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการให้จักรวาลภายใต้ปกครองของตัวเองเกิดการระเบิดขึ้น ส่วนการช่วยชีวิตของเขานั้นก็เป็นผลพลอยได้จากเรื่องนี้ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงเรื่องที่อีกฝ่ายช่วยชีวิตของเขาเอาไว้อยู่ดี . . .
ดังนั้นถ้าหากความลับนี้รั่วไหล มันก็เป็นเหมือนกับการตบหน้าตุลาการสามหัวจริงไหม?
ซึ่งแอนเชียนวันคงไม่อยากปะทะกับตัวตนอย่างตุลาการสามหน้าอย่างแน่นอน . . .
. . .
ในห้องทดลอง เอริคได้ทำการย้ายคู่สามีภรรยาฮาเวิร์ดไปยังเตียงฟื้นฟูฉบับปรับปรุงของเขาด้วยรอยยิ้มผ่อนคลาย เพราะหลังจากที่เขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง เอริคก็ไม่สามารถทนที่จะทำร้ายคนแก่สองคนนี้ได้อีกต่อไปได้
ซึ่งตอนนี้อุปกรณ์ทั้งหมดได้รับการปรับแต่งและพร้อมใช้งานเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเอริคจึงเริ่มกระบวนการด้วยการเปิดใช้งานเครื่องมือที่แปลงพลังงานไฟฟ้าเป็น ‘รังสีแกมมา’ ซึ่งผ่านการกรองโดยเตียงฟื้นฟูที่เปลี่ยนมันให้กลายเป็น ‘รังสีชีวิต’ เพื่อช่วยเสริมการวิวัฒนาการของสามีภรรยาฮาเวิร์ด
ทันใดนั้นแสงสีขาวสว่างเจิดจ้าก็เริ่มส่องสว่างไปทั่วห้องทดลอง
ในขณะเดียวกันคู่สามีภรรยาที่หมดสติก็เริ่มส่งเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ในตอนแรกเอริคคิดว่านี่เป็นเพียงอาการตามปกติ เหมือนกับที่เคยเกิดกับกัปตันอเมริกา แต่เมื่อเวลาผ่านไป เอริคก็เริ่มรู้สึกได้ถึงความผิดปกติมากขึ้นเรื่อย ๆ
ทำให้เอริครีบตรวจสอบร่างกายของพวกเขาทั้งสองคนทันที และพบว่าร่างกายของพวกเขาทั้งสองนั้นไม่ได้รับการวิวัฒนาการ กลับกันอวัยวะภายในทั้งหมดของพวกเขากลับถูกทำลายอย่างรุนแรง ทำให้เอริครีบปิดระบบและย้ายพวกเขาไปยังเตียงฟื้นฟูธรรมดาทันที
ตอนนี้คู่สามีภรรยาฮาเวิร์ดมีสภาพที่เปลี่ยนไปจากเดิมจนน่าตกใจ ผิวหนังไหม้เกรียม ผมถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน อวัยวะภายในเสียหายหนักราวกับมะเร็งระยะสุดท้าย
โชคดีที่ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ฉีดเซรุ่มเข้าไปกันคนละครึ่งหลอด บวกกับเตียงฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของพวกเขาจึงค่อย ๆ ทุเลาลงอย่างช้า ๆ
“ร่างกายของพวกเขาต้านรังสีชีวิต! เพราะอะไร? ทำไมมันถึงเป็นอย่างนี้?” เอริคขมวดคิ้ว และเริ่มตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดใหม่อีกครั้ง
หลังจากคิดวิเคราะห์อยู่นาน เอริคก็พบคำตอบที่เขาไม่คาดคิด
แน่นอนว่าคู่สามีภรรยาฮาเวิร์ดไม่ได้มีปัญหาอะไร รวมถึงเตียงฟื้นฟูของเขาด้วย แต่สิ่งที่เป็นตัวปัญหาก็คือ . . .
เวลา!
ใช่ มันคือเวลา!!
ในกรณีของกัปตันอเมริกานั้นร่างกายของเขาได้รับการฉีดเซรุ่มและฉายรังสีทันที ทำให้เซลล์ดูดซับพลังงานอย่างเหมาะสม แต่ในกรณีของคู่ฮาวเวิร์ด พวกเขาไม่ได้รับการฉายรังสีพร้อมกับตอนฉีดเซรุ่ม ดังนั้นเซลล์ในร่างกายของพวกเขาจึงคุ้นชินกับสภาวะพลังงานต่ำ และเมื่อถูกฉายรังสีในภายหลัง เซลล์จึงมองว่าพลังงานเหล่านี้เป็นศัตรูของมัน . . .
“ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน . . .” เอริคพึมพำ แต่แล้วหลังจากนั้นไม่นานเขาก็รีบกลับคำพูดของตัวเองอย่างรวดเร็ว “ไม่สิ นี่เป็นความผิดของแมกนีโตต่างหาก! ใช่ เป็นความผิดของแม็กนีโต!!”
หลังจากนั้นเอริคที่เขินอายก็รีบคลุมเตียงฟื้นฟูด้วยผ้าดำราวกับจะปกปิดความผิดพลาดนี้ แต่ภาพนั้นกลับดูเหมือนพิธีไว้อาลัยสำหรับคู่สามีภรรยาตรงหน้าซะมากกว่า
“อะแฮ่ม . . . เพื่อเป็นการชดเชยความผิดพลาด ในอนาคตฉันจะไม่ไปแบล็กเมล์โทนี่ สตาร์คก็แล้วกัน!” เอริคบ่นพึมพำพลางขีดฆ่าชื่อของโทนี่ออกจากบัญชีดำในหัวของตัวเองออกอย่างรวดเร็ว
ถึงแม้แผนการรักษาฮาเวิร์ดและภรรยาจะล้มเหลว แต่ด้วยข้อมูลที่ได้มามันจึงทำให้เอริคสามารถปรับปรุงอุปกรณ์ของเขาได้อีกครั้ง และหลังจากมั่นใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด เอริคก็ตัดสินใจทดลองด้วยตัวเอง
เมื่อหน้าต่างของเตียงฟื้นฟูปิดตัวลง เอริคก็ถอนหายใจยาว และเหลือบมองหลอดเซรุ่มสองหลอดที่รออยู่ข้าง ๆ ก่อนที่เขาจะเปิดใช้งานอุปกรณ์ด้วยพลังพิเศษของตนเอง
ทันใดนั้นแสงสีขาวสว่างเจิดจ้าก็เริ่มส่องสว่างไปทั่วห้องทดลองอีกครั้ง พร้อมกับคำถามมากมายที่วนเวียนอยู่ในใจของเขา
นี่จะเป็นจุดเริ่มต้น . . . หรือจุดจบของเขากันแน่นะ?
ทันใดนั้นความเจ็บปวดมหาศาลก็เริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเอริคอย่างรวดเร็ว
เจ็บปวดมาก!
มันเจ็บปวดเกินจะทนไหว!
เอริคไม่เคยสัมผัสกับความเจ็บปวดที่โหดร้ายเช่นนี้มาก่อนเลยในชีวิต เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของเขากำลังดูดซับพลังงาน ขยายตัว และวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่คลื่นแห่งความทรมานก็เหมือนจะพยายามฉีกเขาเป็นชิ้น ๆ เช่นกัน
เขาไม่ใช่ กัปตันอเมริกา ผู้ที่มีจิตใจมั่นคงเทียบได้กับไวเบรเนียม!
ขนาดเพียงแค่สิบวินาทีหลังจากเริ่มการทดลอง เอริคก็รู้ตัวว่าเขาแทบจะทนไม่ไหว ทั้งที่พลังงานที่ปล่อยออกมาในตอนนี้มีเพียงแค่ 10% เท่านั้น
ด้วยความเจ็บปวดที่เกินขีดจำกัด เอริคพยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยการส่งพัลส์แม่เหล็กไฟฟ้าขนาดเล็กไปยังระบบประสาทส่วนกลาง โดยหวังว่าจะปิดการทำงานของเส้นประสาท แต่เซลล์ประสาทของเขากลับวิวัฒนาการไปพร้อมกับพลังงานที่ดูดซับ และทำให้พัลส์ที่ส่งไปกลายเป็นสิ่งไร้ประโยชน์และสลายหายไปในพริบตา
“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว! ฉันจะต้องทนมันให้ได้!” เอริคกัดฟันแน่น พร้อมกับพูดให้กำลังใจตัวเองว่า “ขนาดสตีฟยังทนได้ แล้วทำไมฉันจะทนไม่ได้? เพิ่มพลังงานเป็น 20%!”
“เจ็บ! มันเจ็บจะตายอยู่แล้วแม่งเอ้ย! หยุดมันที! หยุดมันนน!”
เสียงกรีดร้องของเอริคดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ทุกอย่างก็ไม่สามาถหยุดลงได้ เพราะก่อนเริ่มการทดลอง เอริคได้ตัดสินใจ ยกเลิกฟังก์ชันหยุดฉุกเฉิน เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาดแบบเดียวกับคู่สามีภรรยาฮาเวิร์ด
ดังนั้นตอนนี้จุดจบของเขามันจึงมีสองทางเท่านั้น . . .
การทดลองสำเร็จ หรือไม่ก็ล้มเหลว!!
หลังจากกรีดร้องจนเสียงแหบพร่า และเริ่มชินกับความเจ็บปวด บวกกับรู้ว่านี่คือโอกาสเดียวของเขา ดังนั้นด้วยแรงผลักดันอันแรงกล้า เอริคจึงกัดฟันและปรับพลังงานเป็น 50% ทันที
“อ๊ากกกกก!” เสียงคำรามดังก้อง ใบหน้าของเอริคเริ่มบิดเบี้ยว มือของเขากำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือจนเลือดไหลออกมา พร้อมกับความเจ็บปวดที่ทำให้สติของเขาเริ่มพร่ามัวมากขึ้นเรื่อย ๆ
“ไม่! ฉันจะไม่ยอมแพ้! ปรับพลังงานให้เป็นสูงสุดเดี๋ยวนี้!” เอริคตะโกนอย่างดุเดือด และใช้พลังของตัวเองดันก้านควบคุมขึ้นจนสุดแรง จนทำให้ก้านที่ถูกดึงขึ้นอย่างรุนแรงหักกระเด็นชนกับผนังห้องอย่างรุนแรง
ทันใดนั้นแสงสีขาวเจิดจ้าก็ปกคลุมเตียงฟื้นฟูจนทั่วทั้งห้องทดลองสว่างวาบ ร่างของเอริคในตอนนี้เต็มไปด้วยพลังที่ปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่ง เครื่องมือในห้องทดลองเริ่มลอยขึ้นก่อนจะฉีกขาดและบิดเบี้ยวเหมือนถูกคลื่นพลังงานมหาศาลบดขยี้
ตูม!!!
ในที่สุดอุปกรณ์ที่ไม่สามารถทนแรงสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่สูงเกินได้ก็เกิดการระเบิดส่งเสียงดังสนั่น พร้อมกับปฏิกิริยาลูกโซ่เกิดขึ้น ทำให้เครื่องมือในห้องทดลองเกิดการระเบิดขึ้นทีละชิ้น กลายเป็นเปลวเพลิงที่ลุกล่ามไปยังบริเวณโดยรอบอย่างรวดเร็ว
ปัง!!
ทันใดนั้นฝาของเตียงฟื้นฟูก็เปิดออกพร้อมกับพัลส์แม่เหล็กไฟฟ้าขนาดมหึมาที่กระจายออกจากศูนย์กลางของห้องทดลอง คลื่นพลังนี้ได้กวาดผ่านนิวยอร์กและแผ่ขยายไปทั่วสหรัฐอเมริกา ทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์นับไม่ถ้วนดับลงทันที
พัลส์แม่เหล็กไฟฟ้านี้ดังกึกก้องเหมือนเสียงฟ้าร้องที่ประกาศให้โลกทราบถึงการกลับมา ราชา!
ตอนนี้ เอริค แลนเซอร์ ได้ถือกำเนิดใหม่แล้ว!!
โปรดติดตามตอนต่อไป …