ตอนที่แล้วตอนที่ 7 ผู้มาเยือนที่ไม่คาดคิด!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9 การกลับมาของราชา!

ตอนที่ 8 จิตวิญญาณน้ำหนัก 21 กรัม!


ตอนที่ 8 จิตวิญญาณน้ำหนัก 21 กรัม!

“เวทมนตร์คือพลังอันน่าอัศจรรย์” เอริคกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ด้วยพลังของ ‘วิชานติ’ จอมเวทย์สูงสุดสามารถแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ซึ่งกันและกันได้ เพื่อสืบทอดมรดกแห่งเวทมนตร์ต่อไป . . .”

ทันใดนั้นแอนเชียนวันก็ขยับมืออีกครั้งวาดวงกลมขึ้นมากลางอากาศ ก่อนที่จะมีอักษรรูนสีทองลึกลับปรากฏขึ้นภายในวงกลมโดยอัตโนมัติ และแปรเปลี่ยนเป็นรังสีแสงที่แผ่กระจายออกไป

แสงเหล่านั้นบางครั้งสั้น บางครั้งยาว และทุกครั้งที่หยุด จะก่อกำเนิด ‘จุดเชื่อม’ เล็ก ๆ ขึ้น จากนั้นจุดเหล่านั้นจะขยายต่อเนื่องและเชื่อมโยงกัน จนในที่สุดตาข่ายสีทองขนาดมหึมาก็ทอดยาวปกคลุมท้องฟ้าเบื้องหน้าของเอริค

เอริคมองสิ่งที่เกิดขึ้นพลางพยักหน้าเล็กน้อย เพราะเข้าใจดีว่าเส้นแสงพวกนี้มันคืออะไร เส้นแสงพวกนี้มันเป็นเหมือนกับสถานีถ่ายทอดพลังงาน และด้วยพลังของ ‘วิชานติ’ จอมเวทย์สูงสุดจากจักรวาลทั้งหลายจึงสามารถเชื่อมโยงความคิดและพลังเข้าด้วยกัน สร้างเครือข่ายเวทมนตร์สำหรับการสื่อสารและแบ่งปันข้อมูล

“จักรวาลนั้นกำลังจะถูกทำลาย . . .” เอริคเอ่ยอย่างเรียบง่าย ทว่าแฝงไปด้วยความหนักอึ้ง การที่แอนเชียนวันเปิดเผยความลับแก่เขาโดยไม่ลังเล ทำให้เอริครู้สึกว่าเขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องปิดบังอีกต่อไป และบอกเธอเกี่ยวกับทุกอย่างที่เขารู้

“ธานอส . . . แข็งแกร่งถึงเพียงนั้นเลยหรือ?” แอนเชียนวันเลิกคิ้วแสดงความประหลาดใจเล็กน้อย ในจักรวาลนี้ ธานอสไม่กล้าเหยียบโลก เพราะเกรงกลัวต่อการดำรงอยู่ของทั้งเธอและโอดิน และถ้าหากเขาลงมือจริง เธอก็มั่นใจว่าสามารถกำจัดเขาได้

“เดธ . . .”

เอริคเอ่ยขึ้นมาเพียงคำเดียวอย่างแผ่วเบา ทันใดนั้นแววตาของแอนเชียนวันก็พลันเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันที และรีบร่ายเวทมนตร์สร้างมิติกระจกล้มอรอบตัวพวกเขาเอา และเปิดใช้งานดวงตาแห่งอกาโมโต

ทันใดนั้นด้วยพลังของอัญมณีเวลา ภาพตรงหน้าก็เริ่มเล่นย้อนกลับราวกับการกรอภาพยนตร์ พร้อมกับคำพูดก่อนหน้านี้ของเอริคที่เลือนหายไป

“อย่ากล่าวชื่อนั้นอีก นางสามารถรับรู้ได้”

แอนเชียนวันขัดจังหวะทันที พร้อมกับดวงตาของเธอที่จับจ้องเอริคราวกับเตือนให้ระวังเรื่องคำพูด ทำให้เอริคสับสนไปชั่วขณะ ก่อนจะโพล่งออกมาว่า “คุณใช้อัญมณีเวลาเพื่อลบคำพูดของฉัน?”

“ใช่ เพื่อป้องกันผลกระทบที่ไม่ควรเกิด”

แอนเชียนวันตอบเรียบ ๆ ก่อนหยิบพัดเล็ก ๆ ออกมาจากที่ไหนสักแห่งแล้วกวัดแกว่งเบา ๆ “นางคือแหล่งกำเนิด ผู้สร้าง และผู้ควบคุมจิตวิญญาณของจักรวาลทั้งปวง อีกทั้งยังเป็นตัวแทนแห่งจุดจบของทุกชีวิตในจักรวาล ดังนั้นเจ้าอย่าได้เอ่ยนามของนางออกมาโดยไม่คิด โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการล่มสลายของจักรวาล”

“แต่นามนั้นถูกเอ่ยถึงนับครั้งไม่ถ้วนทุกวัน แล้วนางจะรู้ได้อย่างไรว่าใครเรียก?” เอริคพูดแย้งขึ้นมาด้วยความสงสัย

“นางรู้ได้โดยสัญชาตญาณ” แอนเชียนวันปิดพัดในมือ และหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องนี้ต่อ “เนื่องจากนางเป็นคนลงมือด้วยตัวเอง มันก็แสดงว่าจักรวาลนั้นกำลังจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ดังนั้นนางจึงจำเป็นจะต้องยุติมันลง”

หลังจากพูดจบแอนเชียนวันก็นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะจ้องหน้าเอริคด้วยสายตาแปลก ๆ แล้วถามว่า “ว่าแต่ ทำไมเจ้าถึงหนีรอดมาได้?”

“เอ่อ . . .” เอริคอ้ำอึ้งไปชั่วครู่ และครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะตอบอย่างไรดี เพราะความลับเกี่ยวกับการเป็นนักเดินทางข้ามเวลาของเขาก็เกือบถูกลืมไปหมดแล้ว

“เจ้าอย่าเพิ่งตอบข้าตอนนี้ เรามาคุยกันเรื่องเป้าหมายของเจ้าในจักรวาลนี้กันก่อนดีกว่า”

“แน่นอน ฉันก็แค่อยากมีชีวิตอยู่” เอริคตอบทันที ราวกับคำพูดที่หลุดออกมาโดยไม่ต้องคิด

“โอ้? แค่นั้นหรือ?” แอนเชียนวันเลิกคิ้วจ้องมองเอริค ทำให้เอริคที่จ้องมองลึกเข้าไปในแววตาของแอนเชียนวันรู้สึกเหมือนมีดวงดาวหมุนเวียนอย่างลึกลับอยู่ภายในดวงตาของเธอ

“ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็อยากแข็งแกร่งขึ้นอีกนิดหน่อย” เอริคยักไหล่ตอบด้วยท่าทีเหมือนไม่ใส่ใจ

“แข็งแกร่งขึ้นอีก . . . ถึงแม้ว่าจะต้องแลกด้วยการทำลายสองจักรวาล?” แอนเชียนวันถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“อย่ามากล่าวหากันพล่อย ๆ! นั่นไม่ใช่เจตนาของฉัน!” เอริคตะโกนกลับ พร้อมโบกมืออย่างไม่พอใจ แต่แววตาที่หลบเลี่ยงของเขาก็ไม่ได้หลุดพ้นจากสายตาอันเฉียบคมของแอนเชียนวัน

“แล้วฮาเวิร์ดและมาเรียภรรยาของเขาล่ะ ในเมื่อเจ้าสามารถปลุกพวกเขาให้ตื่นได้ตลอดเวลา ทำไมเจ้าถึงไม่ทำแบบนั้น?” แอนเชียนวันลุกขึ้น และเดินไปข้างหน้าจนทำให้ตอนนี้ระยะระหว่างเธอกับเอริคเหลืออยู่เพียงก้าวเดียวเท่านั้น

“พวกเขาแก่มากแล้วและยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถทนต่อการสัมผัสกับรังสีแกมมามากเกินไปได้ นอกจากนี้ฉันได้เลือกเส้นทางนี้ก็เพื่อประโยชน์ของตัวพวกเขาเอง นี่คือหลักการทางวิทยาศาสตร์ที่คุณยังไม่เข้าใจ” เอริคกล่าวเสียงแข็ง แต่ดวงตาที่หลบเลี่ยงของเขากับบ่งบอกถึงความรู้สึกผิดที่ก่อตัวขึ้นอยู่ภายในใจ

แอนเชียนวันจ้องมองเอริคอยู่นาน ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เอริค . . . ความหมายของชีวิต ไม่ใช่แค่การบรรลุเป้าหมายส่วนตัวของตนเอง”

“โอ้? งั้นหรอ? แล้วมันคืออะไรล่ะ? การปกป้องโลก หรือปกป้องจักรวาล? ฉันไม่ได้สูงส่งขนาดนั้น!” เอริคโต้กลับอย่างไม่แยแส นอกจากนี้น้ำเสียงของแอนเชียนวันยังทำให้เขารู้สึกว่าเขาอาจจะปะทะกับแอนเชียนวันได้ตลอดเวลา

ถึงแม้ว่าในใจของเขาจะคิดว่าแอนเชียนวันในตอนนี้นั้นเหนือกว่าเขาในเนื่องจากอาการบาดเจ็บ แต่เขาก็ไม่ได้เกรงกลัวเธอ อย่างน้อยก่อนที่เขาจะแพ้ก็ขอทำลายอาศรมเวทย์ในนิวยอร์กนี้ให้พังทลายสักหน่อยก็แล้วกัน!

ทันใดนั้น แอนเชียนวันก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนส่ายศีรษะช้า ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก “เอริค เจ้ายังไม่เคยเห็นจิตวิญญาณของตัวเองอย่างแท้จริง . . . ในสายตาของข้า จิตวิญญาณของเจ้าเปล่งประกายและงดงามยิ่งนัก”

“จิตวิญญาณ?” เอริคเลิกคิ้วด้วยความสงสัย “ฉันหนัก 140 ปอนด์ จิตวิญญาณ 21 กรัมจะสำคัญอะไรขนาดนั้น?”

“เจ้าอยากเห็น 21 กรัมที่เจ้าบอกนั่นไหม?” แอนเชียนวันเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มลึกลับ

“แน่นอนว่าต้องไม่ . . .” เอริคตอบกลับอย่างรวดเร็ว แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ แอนเชียนวันก็ยื่นมือออกมาและกระแทกที่หน้าอกของเขาเบา ๆ

ทันใดนั้นร่างของเอริคก็เซถอยหลังเล็กน้อย ก่อนที่ร่างและจิตวิญญาณของเขาจะพลันแยกออกจากกัน เผยให้เห็นดวงวิญญาณของตัวเองที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า โดยปรากฏเป็นร่างโปร่งแสงของเขาหลายคน

คนแรกคือแม็กนีโตซึ่งเป็นรูปลักษณ์ในปัจจุบันของเขา ชายผู้ผ่านร้อนหนาวแห่งการต่อสู้มาอย่างยาวนาน คนที่สองคือแม็กนีโตในวัยหนุ่ม ผู้ยืนหยัดพลิกชะตาและสร้างการปฏิวัติ ส่วนคนที่สามค่อนข้างคล้ายกับคนแรก แต่ร่างนี้กับแฝงไปด้วยความดุดันและมืดมนยิ่งกว่า และคนสุดท้าย . . .

มันเป็นร่างของชายชาวเอเชียที่เอริคไม่คุ้นเคย!

เมื่อเห็นร่างสุดท้าย แอนเชียนวันก็ถึงกับผงะ ดวงตาเธอสั่นไหวราวกับครุ่นคิดบางอย่าง แต่แล้วรอยยิ้มแห่งความเข้าใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเธอ ก่อนที่เธอจะยกนิ้วแตะหน้าผากของร่างนั้น พร้อมกับแสงสว่างเล็ก ๆ คล้ายแสงของดวงอาทิตย์ที่สว่างเจิดจ้าขึ้นในความมืด

“ปรากฏว่าเจ้าไม่ได้มีแค่ 21 กรัม!”

ในขณะเดียวกัน ตอนนี้เอริคกำลังรู้สึกราวกับโลกทั้งใบช้าลง ทุกสิ่งรอบตัวหยุดนิ่ง มีเพียงร่างวิญญาณต่าง ๆ และเศษเสี้ยวความทรงจำที่ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้ว่าตอนนี้เขาจะไม่มีกระจกอยู่ตรงหน้า แต่เขาก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าตอนนี้เขามีหน้าตาเป็นอย่างไร . . .

‘ฉันเป็นใคร? ฉันอยู่ที่ไหน? ฉันควรทำอย่างไรต่อ?’ เอริคมองไปรอบ ๆ ด้วยสีหน้าว่างเปล่า โดยที่ตรงหน้าของเขามีชิ้นส่วนความทรงจำของแม็กนีโตกำลังลอยอยู่

ค่ายกักกัน ห้องทดลองของเซบาสเตียน ชอว์ โรงเรียนเซเวียร์สำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ สะพานโกลเดนเกต . . .

ความทรงจำของแม็กนีโตมากมายปรากฏขึ้นตรงหน้าของเอริคราวกับภาพที่ถูกจัดเรียงเป็นฉาก ๆ

“เมื่อทุกอย่างเงียบสงบในยามค่ำคืน นายจะต้องตอบคำถามของฉันเพียงข้อเดียว . . . นายยืนอยู่ข้างใคร?”

“การปฏิวัตินี้กำลังจะจบลง ใครก็ตามที่ขัดขวางเราจะถูกเหยียบย่ำ แม้แต่พระเจ้าก็หยุดฉันไม่ได้!”

. . .

“ฉัน . . . ฉันคือเอริค . . . แม็กนีโต ผู้นำของบราเธอร์ฮูดออฟมิวแทนต์ส . . .”

ความทรงจำหลากหลายปะปนกันยุ่งเหยิงภายในจิตใจของเอริค ดวงตาของเขาเริ่มพร่ามัว ความโกรธเกรี้ยวเริ่มปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง

อย่างไรก็ตามในขณะที่ความทรงจำของแม็กนีโตจะกำลังค่อย ๆ ครอบงำ ทันใดนั้นมันก็มีภาพสะท้อนบางอย่างที่แปลกแยกและทำให้เขาสงสัยราวกับมีสองบุคลิกที่กำลังต่อสู้กันอยู่ภายใน

จนกระทั่งในที่สุด มันก็มีแสงสว่างเจิดจ้าปรากฏขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย และแสงนั้นก็ค่อย ๆ ทำให้ความทรงจำที่แปลกประหลาดบางอย่างชัดเจนขึ้น

“ลูกรัก วันนี้แม่ทำเกี๊ยว แครอทและหมูที่ลูกชอบที่สุด เพราะงั้นหนูจะต้องกินเยอะ ๆ นะ!”

“ไอ้ลูกไม่รักดี! แกอายุ 30 แล้ว แต่ยังมัวแต่นั่งอ่านการ์ตูนอยู่บ้าน และไม่คิดจะหาแฟนด้วยซ้ำ ตอนที่ฉันอายุเท่าแก ฉันก็เลี้ยงแกแล้ว!”

“ลูกรัก ลูกควรไปหางานทำได้แล้ว แม่รู้ว่าลูกเป็นคนฉลาด ไม่ต้องเป็นห่วงพ่อกับแม่ ถ้าหากลูกไม่ไหวเมื่อไหร่ก็ขอให้รู้ไว้ว่ายังมีพ่อกับแม่รออยู่ข้างหลังเสมอ!”

. . .

น้ำตาสองสายเริ่มไหลลงมาจากดวงตาของเอริคโดยไม่รู้ตัว ความทรงจำที่เคยถูกเก็บซ่อนไว้ในก้นบึ้งของหัวใจได้ปรากฏขึ้นมาในจิตใจของเขาอีกครั้ง

เมื่อวิญญาณของเขากลับคืนสู่ร่าง เอริคก็ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ ทำให้แอนเชียนวันที่ยืนอยู่ตรงหน้า เอ่ยถามขึ้นมาอย่างช้า ๆ ว่า “เจ้าเป็นใคร?”

เอริคลุกขึ้นยืนมองหน้าแอนเชียนวันด้วยสายตานิ่งสงบ ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ฉันคือเอริค แลนเซอร์ . . . ฉันคือแม็กนีโต!”

เมื่อได้ยินคำตอบนี้ใบหน้าของแอนเชียนวันก็นิ่งงันไปครู่หนึ่ง พร้อมกับมือที่ถือพัดอยู่ก็กำแน่นจนได้ยินเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นมา

เมื่อเอริคเห็นท่าทางของแอนเชียนวัน เขาก็ยิ้มเล็กน้อยพลางหัวเราะเสียงดัง “น้องสาว อย่าจริงจังสิ! ฉันแค่พูดเล่น สีหน้าแบบนั้นทำให้ฉันตกใจนะ!”

“น้องสาว?” แอนเชียนวันเลิกคิ้วมองเอริคด้วยสายตาแปลกใจ ก่อนจะส่ายหน้าและถอนหายใจเบา ๆ พร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ ที่ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอเล็กน้อย

“ขอบคุณ . . . ท่านจอมเวทย์สูงสุด”

ความหมายของชีวิต ไม่ใช่แค่การบรรลุเป้าหมายส่วนตัวของตนเองเพียงอย่างเดียว!

โปรดติดตามตอนต่อไป …

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด