ตอนที่แล้วตอนที่ 6 ขโมยเซรุ่ม!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 8 จิตวิญญาณน้ำหนัก 21 กรัม!

ตอนที่ 7 ผู้มาเยือนที่ไม่คาดคิด!


ตอนที่ 7 ผู้มาเยือนที่ไม่คาดคิด!

วันเวลาที่วุ่นวายมักผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ

นับตั้งแต่วันที่เอริคได้รับ ‘เซรุ่มซูเปอร์โซลเยอร์’ เขาก็เก็บตัวอยู่ในห้องทดลองลับโดยไม่ยอมออกไปไหน จนกระทั่งถึงวันที่ 25 ธันวาคม . . .

วันคริสต์มาสที่ถนนหนทางเต็มไปด้วยต้นคริสต์มาสและของตกแต่งซานตาคลอส เสียงหัวเราะและใบหน้าเปื้อนยิ้มของผู้คนรอบตัวสะท้อนความสุขในช่วงเทศกาล เด็ก ๆ วิ่งเล่นด้วยหมวกซานต้าบนศีรษะ บรรยากาศชวนให้นึกถึงความสดใสของปีใหม่สำหรับคนรักดอกไม้

อย่างไรก็ตาม แม็กนีโตไม่ได้มีธรรมเนียมฉลองวันคริสต์มาส เช่นเดียวกับเอริคที่ไม่ได้สืบทอดประเพณีนี้มา ดังนั้นเขาจึงใช้เวลาในห้องทดลองอย่างยาวนานจนกระทั่งตัดสินใจออกมาสูดอากาศภายนอก

ในที่สุด ‘เตียงของฮั่นหยู’ ก็ถูกพัฒนาสมบูรณ์!

อุปกรณ์นี้สามารถใช้สนามแม่เหล็กเพื่อสร้างพัลส์แม่เหล็กไฟฟ้ากระตุ้นระบบประสาท เช่น ไฮโปทาลามัส ต่อมใต้สมอง และเนื้อเยื่ออื่น ๆ เพื่อควบคุมการผลิตหรือยับยั้งฮอร์โมนบางชนิด และส่งผลต่ออารมณ์และพฤติกรรมมนุษย์ได้ ซึ่งนี่เป็นเครื่องมือที่เอริคเคยใช้มาก่อนในจักรวาลของจักรพรรดิธานอส เพื่อรบกวนเส้นประสาทของโทนี่ สตาร์คจนทำให้เขาโคม่าทันที

ในขณะเดียวกัน ครอบครัวฮาเวิร์ดที่ถูกเขาจับตัวมาไว้ใน ‘เครื่องฟื้นฟู’ แบบง่าย ๆ ซึ่งถูกเรียกอย่างไม่เป็นทางการว่า ‘โลงศพ’ ก็รอดชีวิตมาอย่างหวุดหวิดเช่นกัน ถึงแม้ว่าอุปกรณ์นี้จะรักษาชีวิตพื้นฐานของพวกเขาเอาไว้ได้ แต่การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ก็เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ เป็นไปตามที่เอริควางแผนไว้ โดยเอริคกำลังใช้พวกเขาในการสังเกตผลของเซรุ่มและรวบรวมข้อมูลอย่างละเอียดแบบเรียลไทม์

แน่นอนว่าการหายตัวไปของครอบครัวฮาเวิร์ดก็ได้สร้างความตื่นตระหนกในวงกว้างเช่นกัน สื่อหลายสำนักข่าวต่างรายงานข่าวอย่างเร่งด่วน โทนี่ สตาร์กถึงกับประกาศมองบเงินรางวัลมูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์ให้แก่ผู้ที่ให้เบาะแส

ส่วนทางด้านของเพนตากอนก็ส่งทีมค้นหาพิเศษออกมาเช่นกัน แต่สิ่งที่พวกเขาพบกลับมีเพียงซากรถชน และกล้องเพียงตัวเดียวที่อาจบันทึกเหตุการณ์ไว้ที่ถูกทำลายก่อนหน้านั้นโดยฝีมือของเอริค

เมื่อวางแผนทุกอย่างอย่างรอบคอบจนมั่นใจว่าไม่มีช่องโหว่ เอริคก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก และวางแผนที่จะพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจสักสองวันก่อนที่จะเริ่มฉีดเซรุ่มให้กับตัวเอง

ดังนั้นเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองกับชีวิตใหม่ที่กำลังจะมาถึง เอริคจึงซื้อไวน์แดงมาหนึ่งขวดและเนื้อเกรดดีมาดื่มกินอย่างมีความสุข เรียกได้ว่าไวน์ขวดนี้เป็นขวดแรกที่เขาดื่มในรอบหลายทศวรรษที่ผ่านมา

เพราะในช่วงที่เอริคกำลังยุ่งอยู่กับการวางแผนหลบหนีมาจักรวาลคู่ขนานมันจึงทำให้เขาไม่มีเวลาไปใช้กับเรื่องไร้สาระเลย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการดื่มหรือการกินเขามักจะพิถีพิถันมากและเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของตัวเองเป็นหลัก

“เจ้าอยากให้ข้าดื่มเป็นเพื่อนไหม?”

ในขณะที่เอริคกำลังนั่งดื่มอย่างมีความสุข ทันใดนั้นมันก็มีเสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางด้านหลังอย่างกะทันหัน ทำให้เอริคที่ระวังตัวอยู่ตลอดเวลาปลดปล่อยพลังของสนามแม่เหล็กออกมาโดยอัตโนมัติ พร้อมกับโลหะโดยรอบที่เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตี

“ผ่อนคลายเถอะ คุณแม็กนีโต ถ้าไม่อยากดื่มไวน์ งั้นเรามาดื่มชากันสักถ้วยก็ได้” เสียงที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง ทันใดนั้นเอริคก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้าของเขามันเริ่มพร่ามัว ก่อนที่เขาจะปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในห้องหนังสือที่ดูแปลกตาพร้อมกับแก้วไวน์ในมือของเขาที่ถูกเปลี่ยนเป็นถ้วยชาที่กำลังส่งกลิ่นหอมของชาออกมา

เอริคสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ เพื่อพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเอง และเหลือบมองไปที่คนที่อยู่ตรงหน้าอย่างระมัดระวัง

เมื่อมองไปที่ชุดพระสีเหลือง และศีรษะโล้นที่แวววาวเอริคก็จำเธอได้ทันทีเพียงแค่การมองเพียงแวบเดียว

‘อาจารย์แอนเชียนวันนี่เอง’

เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครเอริคก็ถอนหายใจด้วยความโล่ง เขารู้ดีว่าการเดินทางข้ามจักรวาลของเขาไม่สามารถปิดซ่อนมันเอาไว้ได้จากแอนเชียนวันที่กำลังเฝ้าระวังมิติมืดอยู่ตลอดเวลาได้ ดังนั้นการที่แอนเชียนวันจะมาหาเขาเมื่อไหร่นั้นมันก็คงอยู่กับเวลาเท่านั้น . . .

เอริคที่รู้สึกโล่งอกค่อย ๆ ยกถ้วยชาขึ้นมาจิบเล็กน้อย และพูดชมเชยขึ้นมาว่า “ชาดี!”

“มันเป็นชาที่ถูกปลูกในคาร์มาทาช ถ้าหากเจ้าชอบ เดี๋ยวข้าจะจัดเตรียมชาส่วนหนึ่งเอาไว้ให้เจ้า” แอนเชียนวันนั่งไขว่ห้างตรงข้ามกับเอริคที่กำลังถือถ้วยชาอยู่ในมือ

“ขอบคุณ!” เอริคตอบด้วยรอยยิ้ม และดื่มชาในถ้วยจนหมด แต่หลังจากนั้นไม่นานชาในถ้วยก็ค่อย ๆ กลับมาเต็มอีกครั้ง

“นั่นไม่ใช่วิธีดื่มชา การดื่มชาไม่ใช่เพียงแค่การดื่มจนหมด แต่เป็นการสัมผัสประสบการณ์อันล้ำลึก ลิ้มรสความอ่อนโยนของการงอก ความสดใสของการเบ่งบาน ความขมขื่นที่แฝงไว้ซึ่งความเข้มข้น และความประณีตบรรจงในทุกขั้นตอนของการชง เพื่อให้ได้รสชาติที่สมบูรณ์แบบ”

เมื่อได้เอริคได้ยินคำพูดของแอนเชียนวัน ครั้งนี้เขาจึงยกชาจิบเบา ๆ ลิ้มรสชาติที่ค่อย ๆ แผ่ซ่านไปทั่วลิ้น และกลืนลงคออย่างช้า ๆ พร้อมกับอ้าปากเล็กน้อยสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อให้กลิ่นหอมหวนของชาลอยเข้าจมูก และทำให้จิตใจสงบลง

แอนเชียนวันพยักหน้าเล็กน้อย และพูดขึ้นมาว่า “ดูเหมือนคุณแม็กนีโตจะเข้าใจพิธีกรรมการชงชาเป็นอย่างดี”

“อาจารย์แอนเชียนวัน คุณคงไม่ได้จับฉันมาเพื่อชิมชาเฉย ๆ ใช่ไหม?” เอริคส่ายหัวเล็กน้อยและวางถ้วยชาลง ก่อนที่เขาจะจ้องมองไปที่แอนเชียนวัน “ฉันไม่ใช่แม็กนีโต ฉันคือเอริค แลนเซอร์”

แอนเชียนวันเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะโบกมือสร้างภาพลวงตาขึ้นมา

“เมื่อสามเดือนก่อน พลังงานจากมิติอื่นที่ทรงพลังปะทุเข้าสู่จักรวาลของเรา ก่อให้เกิดปรากฏการณ์อันน่าพิศวงมากมาย โดยข้าเคยสันนิษฐานว่ามันอาจจะเป็นฝีมือของปีศาจ แต่ใครจะคิดว่ามันไม่ใช่ฝีมือของปีศาจ แต่เป็นเพราะมีใครบางคนสามารถทะลุผ่านกำแพงระหว่างสองจักรวาลมาได้”

เอริคจับจ้องภาพลวงตาตรงหน้าอย่างตั้งใจ และเห็นกลุ่มแสงนุ่มนวลสองก้อนลอยเด่นราวบอลลูนกลางอากาศห่างกันเล็กน้อย ก่อนที่มันจะมีเส้นแสงบางเบามิติหนึ่งที่โผล่ขึ้นมาเชื่อมต่อเข้ากับทั้งสองก้อนราวกับสะพานสายรุ้ง

ทันใดนั้นแอนเชียนวันก็โบกมือเบา ๆ ทำให้ภาพลวงตานั้นขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเส้นแสงบางเบานั้นที่ค่อย ๆ ขยายตัวกลายเป็นกระแสพลังงานสีรุ้งหมุนวนราวสายน้ำวนยักษ์ ดูดกลืนดวงแสงทั้งสองเข้าสู่ศูนย์กลาง ทำให้พลังงานหลากสีสันหมุนวนอย่างรวดเร็วภายในกระแสน้ำวน สร้างเป็นภาพลวงตาอันน่าพิศวงที่ยากจะอธิบาย

“การเชื่อมต่อระหว่างสองจักรวาลเข้าด้วยกันเทียบเท่ากับการเจาะบอลลูนสองลูกพร้อมกันและติดมันเข้าด้วยกัน ซึ่งมันมีโอกาสมากกว่า 90% ที่ทั้งสองจะเบิดเป็นจุลพร้อมกัน คุณแลนเซอร์ ข้าชื่นชมความกล้าหาญของเจ้าจริง ๆ!”

ทันใดนั้น เอริคก็จ้องมองภาพลวงตาตรงหน้า และรู้สึกถึงความหวั่นเกรงที่ก่อตัวในใจ

ถ้าถามว่าตอนนั้นเขาสนใจเรื่องนี้หรือไม่?

แน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจมันเลย เขาสนใจอย่างเดียวก็คือเขาจะต้องหลบหนีออกจากจักรวาลแห่งนั้นให้ได้ และไม่เคยคิดจะสนใจผลกระทบอันใหญ่หลวงต่อจักรวาลแม้แต่น้อย

ยิ่งไปกว่านั้น วิสัยทัศน์ของเขาก็ไม่ได้กว้างไกลขนาดนั้น . . .

“มันก็ไม่ได้ระเบิดไม่ใช่หรอ . . .” เอริคพึมพำเบา ๆ

“แน่นอนว่ามันไม่ระเบิด” แอนเชียนวันกล่าวพร้อมกับหมุนภาพลวงตาให้เห็นอีกมุม “เพราะมันมีสิ่งมีชีวิตระดับสูงได้ก้าวเข้ามาเพื่อปิดช่องว่างนั้นแทนเจ้า”

เมื่อมองจากมุมใหม่ เอริคก็เห็นว่าช่องทางที่เชื่อมต่อสองจักรวาลถูกตัดขาดอย่างกะทันหัน พร้อมกับพลังงานหลากสีที่เคยไหลผ่านกันก็กลับสู่จักรวาลของตน รูที่เกิดขึ้นในทั้งสองจักรวาลก็เริ่มได้รับการซ่อมแซมอย่างสมบูรณ์ ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน

“ฉันขอดูอีกครั้งได้ไหม?” เอริคขมวดคิ้วมองภาพลวงตาตรงหน้าโดยตาไม่กระพริบ

แอนเชียนวันไม่ได้พูดอะไร เพียงพยักหน้าเล็กน้อยและแสดงภาพเดิมอีกครั้ง โดยคราวนี้แอนเชียนวันได้ปรับสีของลูกบอลพลังงานให้ชัดเจนขึ้น ทำให้เอริคสามารถมองมองเห็นรอยแยกที่ดูเหมือนมีมือยักษ์มองไม่เห็นฉีกกระชากสายสัมพันธ์ระหว่างสองจักรวาลออกจากกัน ก่อนที่มือดังกล่าวจะเริ่มซ่อมแซมรูที่เกิดขึ้นด้วยการตบเบา ๆ

“ความรู้สึกของฉันที่สัมผัสได้ในตอนนั้นไม่ผิดจริง ๆ ด้วย . . .”

เอริคพึมพำ และนึกย้อนกลับไปในขณะที่เขากำลังข้ามช่องว่างจักรวาล ในช่วงเวลานั้น เขารู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังจับตาดูเขาอยู่ แน่นอนว่ามันไม่ใช่เพราะประสาทสัมผัสของเขาดีเลิศ แต่เป็นเพราะสิ่งมีชีวิตทรงพลังจงใจแสดงตัวให้เขารับรู้ถึงอีกฝ่ายได้

จักรวาลมาร์เวลเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่ทรงอำนาจพอจะทำเช่นนี้ได้ แต่มันน่าจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ตัดสินใจลงมือช่วยเขาแบบนี้

“ทำไมเขาถึงช่วยฉัน?”

“เราไม่มีวันรู้ความตั้งใจของเขาได้หรอก” แอนเชียนวันตอบพร้อมโบกมือให้ภาพลวงตาสลายหายไป “ตอนแรกข้าคิดว่าเขาส่งเจ้ามาที่นี่เพื่อทำภารกิจบางอย่าง แต่หลังจากสังเกตเจ้ามาหลายวัน ข้าก็คิดว่าเจ้าน่าจะเป็นเพียงหมากรุกตัวหนึ่งที่เขาตัดสินใจแบบสุ่มเท่านั้น”

“หมากรุกที่ตัดสินใจแบบสุ่มเอา? ฮ่าฮ่าฮ่า . . .”  เอริคหัวเราะเบา ๆ ด้วยความขมขื่น “ฉันจะไปมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นหมากรุกของเขาได้อย่างไร?”

“อย่าดูถูกตัวเองไป เพราะในมัลติเวิร์สทั้งหมด มีน้อยคนนักที่รู้ถึงการดำรงอยู่ของเขา การที่เจ้าสามาถรับรู้ถึงตัวตนนั้นได้ นับว่าเจ้าได้ก้าวล้ำนำหน้าผู้อื่นไปแล้วหลายขั้น”

เอริคเงียบไปครู่หนึ่งและจมอยู่ในความคิดของตนเอง

เขารู้ดีว่าคนที่ช่วยเขาก็คือ ‘ตุลาการสามหน้า’ หนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาลมาร์เวล เป็นรองเพียง ‘ผู้สร้างทุกสิ่ง’ หรือ OAA ดังนั้นการที่ตุลาการสามหน้ายื่นมือช่วยเหลือเขามันจึงเป็นเรื่องที่ทั้งน่าเหลือเชื่อและลึกลับเกินกว่าจะเข้าใจ

เมื่อเห็นว่าเอริคกำลังจะถามเกี่ยวกับตัวตนที่ทรงพลังในจักรวาลต่อ แอนเชียนวันจึงรีบเปลี่ยนเรื่อง และถามขึ้นมาว่า “เจ้าช่วยเล่าเรื่องของจักรวาลนั้นให้ข้าฟังได้ไหม? เกิดอะไรขึ้นที่นั่น? ถึงแม้ว่าข้าจะใช้ความช่วยเหลือจาก ‘วิชานติ’ แต่ข้าก็ยังไม่สามารถติดต่อกับจอมเวทย์สูงสุดของจักรวาลนั้นได้ มันเหมือนมีพลังงานทรงพลังบางอย่างที่ปิดกั้นทุกการเชื่อมต่อเอาไว้”

“คุณสามารถติดต่อกับจอมเวทย์สูงสุดในจักรวาลอื่นได้ด้วยหรอ!?” เอริคเบิกตากว้างด้วยความตกใจ

ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าแอนเชียนวันนั้นทรงพลัง แต่เขาก็ไม่คิดเลยว่าความสามารถของเธอจะมีถึงระดับนี้

เพราะความสามารถในการสื่อสารข้ามจักรวาลคู่ขนานเป็นสิ่งที่สามารถทำได้เฉพาะผู้ที่อยู่ในระดับ ‘มัลติเวิร์ส (เอนทิตี)’ เท่านั้น หรือว่า . . .

แอนเชียนวันได้ก้าวสู่ระดับนั้นแล้ว?!

โปรดติดตามตอนต่อไป …

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด